บทที่ 716 พบฮุยเฟยครั้งแรก
เทียบกับอาหลานที่คิดไม่ซื่อกันสองคนแล้ว
พอกู้อ้าวเวยกลับมาถึงลานห้านต้าน ให้เฟิงฉีนพาเมี่ยวหารกับซูพ่านเอ๋อมาทั้งคู่ ซูพ่านเอ๋อแค่เห็นนางก็จะพูดคำพูดสาปแชงทันที เฟิงฉีนจึงต้องกดผู้หญิงบ้าคนนี้ไว้ และปิดปากนางไว้ด้วย
เมี่ยวหารกลับเย็นชากว่าครั้งก่อนมาก คุกเข่าที่พื้นมองดูเจ้าแมวกระโดดเข้าอ้อมกอดกู้อ้าวเวย และพูดว่า: “เจ้าเรียกข้ามาทำไม?”
“ถอนพิษให้ข้า ช่วยข้าคิดหาวิธีเป็นอมตะ ข้าจะไว้ชีวิตเจ้าทั้งสอง ปกป้องตลอดชีวิตนี้พวกเจ้าจะไม่ถูกซ่านจินจื๋อจับตัวไปได้” กู้อ้าวเวยอุ้มเจ้าแมวไว้ข้างเตียง และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“เจ้าอภัยสิ่งที่พวกเราเคยทำกับเจ้าไว้หรือ?”
“เรื่องพวกนี้เมื่อเทียบกับเรื่องอมตะแล้วไม่คุ้มค่าเลยสักนิด” กู้อ้าวเวยหัวเราะเสียงเบา: “เทียบกับเจ้าที่แอบสืบเรื่องนี้เงียบๆ สู้มาสืบกับข้ายังจะดีกว่า รอต่อไปถ้าข้าถูกใครฆ่าแล้ว เจ้าก็สามารถพาซูพ่านเอ๋อที่เจ้ารักไปลองวิธีเป็นอมตะได้”
ดวงตาดั่งลูกท้อนั้นหรี่ลงเล็กน้อย นัยน์ตาสีดำเหมือนกำลังลองใจเมี่ยวหาร
เขายังคิดว่ากู้อ้าวเวยตอนนี้คงกัลงมองตัวเองด้วยเนื้อตัวที่สั่นเทา
“เจ้าก็ไม่ตกลงก็ได้ ยังไงข้าก็ไม่ต้องการให้เจ้ามาถอนพิษ” กู้อ้าวเวยไม่ให้โอกาสเขาได้พูด: “ขอแค่วิธีเป็นอมตะสำเร็จ ความเจ็บปวดความทุกข์ทั้งหมดของของข้าก็นับว่าจบสิ้นแล้ว”
เสียงท้ายของนางลากยาวดูเหน็ดเหนื่อย กู้อ้าวเวยนิ้วมือของนางสัมผัสเข้าไปในขนของเจ้าแมว นวดเบาๆให้มัน
เฟิงฉีนคุกเข่าอยู่ข้างๆ มองดูสายตาคู่นั้นของซูพ่านเอ๋อที่เปร่งประกายขึ้นมา จึงเปิดปากของนาง: “อย่าพูดจาหยาบคาย ข้าอาจจะตัดสิ้นเจ้าเพื่อองค์หญิงได้”
“กู้อ้าวเวย หรือว่าเจ้าเชื่อเรื่องไสยศาสตร์พวกนี้งั้นเหรอ? เจ้าไม่ใช่หมอ ที่ช่วยคนในจี้ซื่อถางไม่ใช่หรือไง?” ซูพ่านเอ๋อถูกกดหัวลงพื้นอย่างแรง คำด้านหลังนางพูดไม่ค่อยชัดและถูกเฟิงฉีนอุดปากไว้ทันที
กู้อ้าวเวยยักคิ้ว: “ข้าเห็นคนที่เกลียดข้าทุกคน ก็ต่างอยากรู้ว่าข้ากำลังคิดอะไรอยู่ ถามข้าตลอดว่าทำไมข้าต้องทำเช่นนี้ พวกเจ้าก็แปลกไปไหม ก็เหมือนพวกเจ้าอยากจะขยะแขยงข้า ข้าแค่อยากจะทำสิ่งที่ข้าคิดว่าถูกต้อง และข้าสงสัยจริงๆว่าการเป็นอมตะเป็นยังไง ถ้าเป็นไปได้ ข้าก็สามารถทำให้ทุกคนล้วนแต่ไม่ตายได้?”
“นางบ้า” ซูพ่านเอ๋อแกะมือเฟิงฉีนออก นางตะโกนด่าด้วยดวงตาที่แดงกล้ำ
“แล้วแต่เจ้าจะพูดยังไง แต่คนบ้าอย่างข้าสามารถอภัยกับสิ่งที่เจ้าทำทั้งหมดได้ และคนอย่างพวกเจ้าเรียกคนที่ยกโทษความผิดให้พวกเจ้าว่าพระเจ้า” กู้อ้าวเวยส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ และไม่พูดกับซูพ่านเอ๋ออีก: “เมี่ยวหาร ตอบข้าที”
“ข้าตกลง” ซูพ่านเอ๋อได้ยินเมี่ยวหารพูดเช่นนี้
……
วันที่สอง ฝนในฤดูใบไม้ล่วงก็ตกลงมาปอยๆ
ตอนนี้กำลังจะเข้าฤดูหนาว กู้อ้าวเวยเดินไม่ถนัด เดินไปยังพระราชวังโดยมีซ่านเซิ่งหานพยุงไว้เบาๆ ซ่านจินจื๋อที่มาขอพระราชโองการก็เห็นภาพนี้ และซ่านเชียนหยวนที่ตามมาติดๆก็งงกับเหตุการณ์ตรงหน้า
ระหว่างพวกเขาเหมือนจะเปลี่ยนแปลงไปบ้าง
กู้อ้าวเวยเดินช้า จึงปล่อยแขนซ่านเซิ่งหาน ตบบ่าเขาพูดว่า: “พวกเจ้าไปขอพระราชโองการก่อนเถอะ ข้าตามข้ารับใช้ในวังเดินไปช้าๆก็ได้”
บ่าวที่ตามหลังมาก็ต้องหยุดลง ใช้ร่มในมือบังฝนให้ ยิ่งระวังยกมือขึ้นมาให้กู้อ้าวเวยเกาะ แต่กลับอยากจะเอาหัวมุดลงดินจริงๆ
“ไมต้องแล้ว……”
“ให้พวกเจ้าองค์ชายทั้งสามคนอยู่กับข้า ถ้าคนอื่นมาเห็นเข้า พรุ่งนี้ไม่รู้ว่าจะเอาไปพูดต่อกันยังไง” กู้อ้าวเวยพูดแปรกซ่านเซิ่งหาน และเอามือไปวางไว้ที่แขนของบ่าว และพูดเสียงดังว่า: “อ๋องจงผิงจำข้อตกลงของตัวเองไว้ด้วย”
ซ่านเชียนหยวนอึ้งนิดๆ ต่อมาก็ยิ้มกว้างพูดว่า: “ฉีหรัวบอกกับข้าแล้ว”
“ไปเถอะ” กู้อ้าวเวยก็หัวเราะเสียงเบาพูดว่า: “ตอนนี้เจ้ากับองค์ชายสองคนก็ไม่ต่างกัน”
ในสายตาของซ่านเชียนหยวน กู้อ้าวเวยไม่เคยเปลี่ยนไปเลย ดังนั้นเขากระแอมเสียงเบา เอาผลไม้แช่อิ่มมายัดไว้ในมือนางหนึ่งถุงและพูดเสียงเบาว่า: “หยินเขี่ยวบอกว่าเจ้าชอบกิน”
“ไปเถอะ” กู้อ้าวเวยเตะเขาเบาๆ และเก็บของไว้กับตัว
ซ่านเชียนหยวนตบรอยเท้าบนกางเกง และเดินไปที่ห้องทรงพระอักษรกับซ่านจินจื๋อ
ซ่านจินจื๋อกับซ่านเซิ่งหานมองไปที่ซ่านเชียนหยวนโดยไม่นัดหมาย ทั้งสองรู้สึกว่าซ่านเชียนหยวนอาจจะรู้ว่ากู้อ้าวเวยคิดอะไรอยู่ แต่เพราะมีอีกฝ่ายอยู่ด้วย ทั้งสองจึงไม่ได้พูดอะไร แต่ซ่านเชียนหยวนกลับรู้สึกแปลกๆ
และกู้อ้าวเวยกับบ่าวเดินมาแป็บเดียว นางก็พูดเสียงเบาว่า: “ข้าหิวน้ำน่ะ”
อาการปวดหัวมาอีกแล้ว ขาทั้งสองก็ปวดเพราะอากาศที่แปรปรวน พิษของรากถุงน้ำดีหงส์รู้แค่ว่าความตายของมันน่ากลัวแค่ไหน แต่นางไม่รู้ว่ามันจะมีผลเสียแบบนี้
บ่าวพานางมาตำหนักข้างๆ มองดูนางนำผงยาผสมน้ำและดื่ม
อาการปวดหัวไม่ได้หายไปเลย นางนวดขมับเบาๆ บ่าวข้างๆขยับเข้ามาใกล้และพูดว่า: “จะให้บ่าวเชิญท่านหมอมาไหมพ่ะย่ะค่ะ……”
“ไม่ต้องแล้ว เป็นอาการติดตัวข้าอยู่แล้ว ร่างกายข้ายังไม่หายดี” กู้อ้าวเวยปัดมือ อาการปวดยังไม่หายไป แต่กลับได้ยินเสียงจากด้านหลังว่า: “ฮุยเฟยเนี๊ยงเนี๊ยง”
นางไม่รู้ว่าฮุยเฟยเป็นใคร แต่ก็รู้เรื่องที่เสียนเฟยบาดเจ็บ
สำหรับผู้หญิงหลังวังพวกนี้ นางกลับตัวตรง หันไปหาเสียงพวกนั้น
ฮุยเฟยอ่อนโยนอบอุ่น พอเห็นดวงตากู้อ้าวเวยก็อึ้งไปทันที แต่กลับเช็ดฝนบนหน้าบ่าเบาๆ และพูดว่า: “ท่านนี้ก็คือองค์หญิงแห่งแคว้นเอ่อตานใช่หรือไม่”
เสียงของฮุยเฟยเข้ามาใกล้เรื่อยๆ และในที่ที่ทุกคนไม่เห็น
กู้อ้าวเวยรู้สึกมีของแหลมคมจ่อไปที่ท้องน้อยนาง และมือเย็นเฉียบที่มีความชื้นเย็นแตะไปที่ขมับนาง: “ให้ข้าทำให้เจ้าบรรเทาอาการปวดได้หรือไม่”
นี่เป็นการขุมขู่โดยตรงแล้ว
กู้อ้าวเวยจึงต้องให้นางทำต่อไป นางไม่รู้ว่าผู้หญิงในวังจะกล้าเอาอาวุธออกมาขนาดนี้
ฮุยเฟยสั่งให้ทุกคนออกไป และปิดประตูตำหนักนี้ไว้ ยังอ้างว่าเพื่อให้กู้อ้าวเวยได้พักผ่อนดีๆ
แล้วใครจะคิดล่ะว่าสนมหลังวังจะฆ่าองค์หญิงจากต่างแดนได้?
รอจนเหลือเพียงพวกนางแล้ว มีดในมือฮุยเฟยไม่ได้เอาออกไปแต่กลับเข้าใกล้ขึ้น และแนบชิดไปที่ข้างหูนางเรียบร้อย: “รอจนพวกเขาขอพระราชโองการเสร็จ เจ้าไปเจอฮ่องเต้กับข้า”
“ฮุยเฟยเนี๊ยงเนี๊ยง ท่านเจ้าอยากจะเจอฮ่องเต้ ไม่ต้องใช้ตัวข้าก็ได้……”
“ฮ่องเต้ห่วงแหนคนรุ่นหลังของตระกูลหยูนเสมอ แต่กลับไม่เคยเอ็นดูผู้หญิงหลังวังเลย แม้พวกข้าจะมีองค์ชายให้เขาแต่ก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้เลย ข้าพอกับชีวิตแบบนี้แล้ว” ฮุยเฟยจับแขนของกู้อ้าวเวยไว้แน่น แน่นจนแขนนางบวมม่วง: “แต่เจ้าเป็นคนรักของหานเอ๋อ ข้าจะไม่ฆ่าเจ้าแน่นอน”