บทที่ 719 แผนการไม่เปลี่ยน
“แต่นี่เป็นวิธีโบราณที่ขาดหายไปมาก” เห้อจิ้นหล่างนั่งลงตรงหน้ากู้อ้าวเวย เพราะนางเสียการมองเห็น จึงต้องรายงานชื่อยาทั้งหมดแก่นาง และฉีหรัวก็อยู่ด้วยกัน และซ่านเชียนหยวนที่รู้เรื่องราวมากก็ขมวดคิ้วเป็นปม: “ยาพวกนี้ล้วนแต่แพงทั้งนั้น แม้จะซื้อไม่ยาก แต่สองสามเดือนก็รวมยาทั้งหมดไม่ได้”
เพราะยังไงยาพวกนี้กระจายไปทั่วใต้และเหนือ
“นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ตามรายละเอียดที่ขาดหายไป น่าจะมียาอีกสามสี่ตัว ถ้าในครึ่งปีนี้ อยากจะหาก็อาจจะเจอ” เห้อจิ้นหล่างถอนหายใจหนัก: “แต่ข้ากลัวว่าเจ้าจะรอไม่ได้นานขนาดนั้น”
“ข้าก็ไม่ต้องรอนานเช่นนั้นเหมือนกัน” กู้อ้าวเวยหันไปหยิบแก้วชาขึ้นมา พูดต่อว่า: “วันนี้ที่มา หวังให้ท่านฝั่งเข็มให้ข้า ข้าจะใช้ชีวิตแบบมองไม่เห็นอีกไม่ได้แล้ว”
“แต่ตาเจ้า……”
“ใช้วิธีของข้า” กู้อ้าวเวยแสยะยิ้ม: “ขอแค่ท่านยอมช่วยข้าทำเรื่องนี้ให้สำเร็จอย่างลับๆก็พอแล้ว ข้าจะบอกวิธีแก่ท่าน แต่องค์ชายสี่ ออกไปก่อนเถอะ”
พอโดนไล่ออกมา ซ่านเชียนหยวนก็เรียบเฉยไม่พูดอะไร แต่เขาก็สงสัย ทำไมกู้อ้าวเวยต้องให้เขาบอกกับกุ่ยเม่ยคนเดียวด้วย และความลับนั้นคืออะไรกัน?
ซ่านเซิ่งหานอยู่ในจวนสามวันเต็มๆ แต่กลับได้รายงานว่ากู้อ้าวเวยยังคงอยู่ในจี้ซื่อถาง ยังไม่ออกมา
และคนของซ่านเชียนหยวนก็ปกป้องนางอย่างเปิดเผย ขนาดโยว่หลีคนใกล้ตัวที่เชื่อใจมากที่สุดก็ยังส่งไปคุ้มครองนาง
ซ่านจินจื๋อเคยส่งหงเซียวไปสืบเรื่องนี้ที่จวนของอ๋องจงผิง แต่กลับได้รายงานมาว่า เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในสามวันนี้ มีเพียงซ่านเชียนหยวนและกู้อ้าวเวยที่สัญญาโดยความสัมพันธ์เพื่อน
“ท่านอ๋อง ให้ข้าพาคนบุกเข้าไปเลยดีไหมขอรับ?” หงเซียวก็โกรธจนกระทืบเท้า
“ไม่ต้องแล้ว ข้าจะไปเอง” ซ่านจินจื๋อคิดไม่ถึงว่า หลานที่ตัวเองเชื่อใจที่สุดจะเก็บความลับกับตัวเอง และกู้อ้าวเวยก็มีความสามารถที่ทำให้หยวนเอ๋อเงียบได้
พาคนไปยืนหน้าจี้ซื่อถาง ข้าคิดว่าคงต้องมีสงครามประสาท และกู้อ้าวเวยที่สวมชุดดำก็เดินออกมากับเห้อจิ้นหล่าง เขามองดูคนตรงหน้า และบอกกับกู้อ้าวเวยว่า: “อ๋องจิ้งมาหาเจ้าแล้ว”
“อืม?” สีหน้ากู้อ้าวเวยดูซีดมาก เอียงคออยากจะถามว่า: “มาหาข้ามีเรื่องอันใดหรือ?”
“แค่อยากจะแน่ใจความคิดและหัวใจของเจ้า” ซ่านจินจื๋อเดินหน้าขึ้นไป รับเสื้อคลุมที่หงเซียวยื่นมาคลุมไว้ที่ไหล่ตัวเอง: “หรือว่าทำตามแผนเดิม”
กู้อ้าวเวยนัยน์ตานางหดเข้าไปเล็กน้อย แต่แค่จับมือซ่านจินจื๋อที่คลุมเสื้อให้ตัวเอง: “ทำเรื่องตัวเองให้ดีก่อนค่อยมาหาข้า”
นำเสื้อคลุมนั้นยื่นคืนให้ซ่านจินจื๋ออีกครั้ง กู้อ้าวเวยจับตัวเห้อจิ้นหล่างไว้และพูดว่า: “รบกวนใช้คนส่งจดหมายไปที่จวนองค์ชายสามหน่อย”
หงเซียวนัยน์ตาขาวก็มีเส้นเลือดฝอยผุดขึ้นมาทันที เฉิงซานที่อยู่ด้านหลังก็ห้ามไว้โดยใบหน้าที่ไร้อารมณ์
ซ่านจินจื๋อกลับทำหน้าเคร่งเก็บเสื้อคลุมไว้กับตัว หัวเราะเย็นชาพูดว่า: “เจ้ามันเป็นวันทองสองใจจริงๆนะ”
“เหมือนกันๆ” กู้อ้าวเวยมองไปที่เขาและแสยะยิ้ม
รอซ่านเซิ่งหานสั่งคนมา ซ่านจินจื๋อกำลังพาคนออกไปด้วยอารมณ์โกรธจัด
ซ่านเซิ่งหานรับกู้อ้าวเวยกลับมาอย่างใจคิด เขาคิดว่าระหว่างทั้งสอง ยังไงกู้อ้าวเวยก็เลือกตัวเองอยู่ดี
พอกลับถึงตำหนักอ๋องจิ้ง หงเซียวรับเสื้อคลุมมาจากมือซ่านจินจื๋อ แต่กลับพูดอย่างโมโหว่า: “ท่านอ๋อง นางไม่คู่ควรที่ท่านจะทำแบบนี้ด้วย ท่านทำเพื่อนางมามากแล้ว แต่นาง……”
“แผนของพวกเราไม่เคยเปลี่ยนไปเลย” ซ่านจินจื๋อนวดขมับ และพูดว่า: “ข้าเป็นคนที่ลังเลในการตัดสินใจเอง”
หงเซียวยังไม่เข้าใจ แต่เฉิงซานกลับรับเสื้อคลุมมาจากมือเขา: “องค์หญิงท่านนั้นนำเสื้อคลุมส่งให้ท่านได้ถูกที่”
ถูกที่……
หงเซียวมองไปที่ซ่านจินจื๋ออย่างเข้าใจทันที ต่อมากลับคิดภาพที่อยู่กับกู้อ้าวเวยและยิ้มออกมาอย่างพอใจ ความโกรธเมื่อกี้เหลือเพียงแต่ความมั่นใจ: “แผนการเหมือนเดิม นางจะไปจัดการเรื่องวิธีการเป็นอมตะ และข้าก็จัดการเรื่องชายแดน และข้าเหมือนจะรู้ว่าเป้าหมายที่นางให้ข้าช่วยล่วยเสวียน”
“อะไรนะ?” หงเซียวถามอย่างแปลกใจ
“วิธีการเป็นอมตะ ยังมีภาพชิ้นส่วนหนึ่งที่หายไป” ซ่านจินจื๋อมือเท้าคาง คิดย้อนกลับไปในคำพูดที่กู้อ้าวเวยเคยบอกกับตัวเอง และพูดเสียงเบาว่า: “แคว้นชางหลานมีพื้นที่โชคดีถึงสามถึงสี่ที่ ในนั้นข้างล่างภูเขาเทียนมีด่านลั่วสุ่ยที่มีคนไปเห็นและใช้กันต่อๆมา และแคว้นเอ่อตานก็มีพื้นที่โชคดีสามสี่ที่เหมือนกัน ตำหนักวิเศษของจักรพรรดิที่โหดเหี้ยมก็เป็นหนึ่งในนั้น ตอนนั้นข้าสั่งคไปเฝ้าที่นั่นไว้ ไม่มีคนไปเลย และแคว้นเอ่อตานพื้นที่โชคดีทั้งหมดก็มีจักรพรรดิ์ที่นั่นปกคุมไว้หมด และแคว้นเจียงเยี่ยนพื้นที่ตรงนั้นก็มีมากเหมือนกัน อีกอย่างกู้เฉิงเลือกที่จะกลับไปแคว้นเจียงเยี่ยน สนับสนุนการเป็นศัตรูกับอ้ายหยิน ไม่เพียงแต่เพื่อประเทศเท่านั้น”
ก่อนหน้านี้คิดว่าเป็นของสงคราม แต่ตอนนี้กลับเปลี่ยนไปแล้ว งั้นทุกอย่างก็วิเคราะห์ง่ายเลยสิ
“ดังนั้น อ้ายหยินคนทางนั้นน่าจะมีวิธีการในนั้นด้วย แต่ขณะเดียวกัน รายงานจากทุกคนก็มีเรื่องจริงเรื่องเท็จด้วย……” หงเซียวพูดอยู่นั้น เสียงก็เล็กและอ่อนลงเรื่อยๆ
“ดังนั้นทั้งสามแคว้นมีข่าวลือที่ไม่เหมือนกัน แต่ถ้ายำรายงานทั้งหมดที่ได้มารวมกัน งั้นวิธีการเป็นอมตะก็จะถูกประกอบขึ้นมาใหม่” ซ่านจินจื๋อยิ้ม: “นำของทุกอย่างมารวมกัน บอกทุกคนว่าที่นี่มีวิธีการเป็นอมตะจริงๆ และทำตามวิธีที่ผิด ไม่ว่ายังไงก็จะผิดพลาดอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นแบบนี้ คนทั้งสามแคว้นและทุกคนก็จะรู้ว่านี่เป็นแผนการหลอก”
หาเบาะแสทั้งหมด แค่เพื่อให้ทุกคนเชื่อ
และรอทุกคนเชื่อนี่จะเป็นวิธีจริงๆ กู้อ้าวเวยจะใช้การกระทำมาพิสูจน์ว่าทุกอย่างเป็นแค่เรื่องหลอก
งั้นเป้าหมายจริงๆก็สามารถทำได้ และแค้วนอื่นๆจะต่อสู้กันเพื่อสิ่งนี้ จักรพรรดิ์ก็จะเก็บดาบแหลมคม
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ พรุ่งนี้ก็เดินทางไปชายแดนเลย” ซ่านจินจื๋อตัดสินใจ
“งั้นองค์หญิงท่านนั้นก็ติดตามองค์……” หงเซียวนึกกังวลขึ้นมาทันที
“ขอแค่ข้ากับเวยเอ๋อห่างกัน งั้นนางก็จะได้รับความไว้ใจจากซ่านเซิ่งหาน” ซ่านจินจื๋อเดินผ่านหงเซียวไปอย่างรวดเร็ว แต่กลับพูดเสริมว่า: “ข้าก็เชื่อนาง”
……
และกู้อ้าวเวยในตอนนี้ก็เปลี่ยนเสื้อผ้าที่หรูหรานั้นอีกครั้ง อุ้มตัวเจ้าแมวไว้ ฟังเสียงทำความสะอาดของพวกบ่าว และได้ยินเสียงซ่านเซิ่งหานเดินมาหาตัวเอง
“พวกเราไปด่านลั่วสุ่ย” ซ่านเซิ่งหานจับมือนางไว้
กู้อ้าวเวยเดินตามเขาไปดีๆ เอาตัวเจ้าแมววางไปที่เตียง: “เจ้าแมวส่งไปให้ฉีหรัวเลี้ยงเถอะ แต่เจ้าแมวอยากนอนที่เดิม สั่งคนอุ้มไปด้วยกันเถอะ”
“งั้นจื่อกับผิงชวนล่ะ?” ซ่านเซิ่งหานจับมือที่เย็นเฉียบของนางไว้ ในใจยังคงรู้สึกไม่ดีเกี่ยวกับเรื่องของฮุยเฟย
“จะให้พวกเขาไปไม่ได้ ข้าไม่อยากให้ท่านแม่รู้เรื่องทุกอย่างที่ทำลงไป” กู้อ้าวเวยพูดแล้ว ก็ตามองค์ชายสามออกจากจวนไป
และเยว่ก็ตรวจสอบที่นอนของเจ้าแมวดีๆ ต่อมาก็นำไปยัดไว้ตรงที่นอนที่ใช้ฝ้ายนุ่มๆทำ กลับไม่เห็นว่าด้านล่างขนสีขาวหิมะนั้น ยังมีสีที่ออกจะสะดุดตา