บทที่ 727 การเปลี่ยนแปลงทั้งภายในภายนอก
สิบสามเมืองชายแดน กองทัพทหารม้าภายใต้ซ่านจินจื๋อบาดเจ็บล้มตายจำนวนนับไม่ถ้วน
ซ่านซินจื๋อไม่เข่นฆ่าราษฎร ฆ่าแต่ทหารเท่านั้น ดาบจากทหารม้าฟาดฟันศพตายเกลื่อนอยู่ทุกที่ คาวคละคลุ้งน่าขยะแขยง
ออกทัพไปโดยไม่ยึดสัญญาสามวัน ทหารที่ปลดอาวุธและยอมจำนนไม่ฆ่าและไม่ได้รับบาดเจ็บ ไม่ได้ใส่ใจแผ่นดินแคว้นชางหลานที่อยู่ใต้เท้า เหนือศีรษะยังมีคำสั่งทางการทหารของฮ่องเต้ ชื่อเสียงการรบของซ่านจินจื๋อนั้นมีให้ได้ยินแม้ในแคว้นชางหลาน
เพียงแต่น่าเสียดายที่หลายปีมานี้เขาไม่ได้ยุติความวุ่นวายในแคว้นชางหลาน หลายปีแล้วที่ไม่ได้เห็นสงครามนองเลือดของซ่านจินจื๋อ
ต้องทำลายทั้งสามเมืองต่อเนื่องกัน ทำให้ทหารทุกคนเหนื่อยหล้า แต่ซ่านจินจื๋อขี่มาไปยังประตูเมืองคนเดียว หงเซียวขับรถม้ามาอย่างมั่นคงและหยุดลงตรงประตูเมือง กู้จี้เหยาในชุดสีขาวมองไปที่ซ่านจินจื๋อยิ่งทำให้ขาอ่อนแรง จนกระทั่งหงเซียวยื่นมือมาหานาง “ท่านอ๋องเป็นคนมีหลักการ ไม่เข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ตามอำเภอใจ”
“ข้ารู้” กู้จี้เหยาค่อย ๆออกจากรถม้า รู้ดีว่าก่อนจะออกไปยังไม่ลืมที่จะกระตุ้นความรู้สึกของกู้อ้าวเวย ยังเคยยิ่งกว่าหลอกลวงเขา ในตอนนี้รู้สึกผิดอย่างช่วยไม่ได้ ได้แต่เอาจดหมายฉบับหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ ยื่นให้กับเขา “มาที่นี่ครั้งนี้ ก็เป็นเพราะเหตุนี้”
หงเซียวเห็นมือของซ่านจินจื๋อเต็มไปด้วยเลือด จึงได้ช่วยเขาเปิดจดหมายฉบับนั้น ในนั้นกลับมีการวาดแผนที่เอาไว้ครึ่งหนึ่ง
เพียงพริบตาเดียว ซ่านจินจื๋อเป็นเพียงคนเดียวที่รู้ว่านี่คือแผนที่ของน้ำใต้ดินในตอนนั้น กู้อ้าวเวยเคยสืบเรื่องนี้มาก่อน และคาดเดาทิศทางของมันไว้ด้วย รูปแผนที่ที่วาดออกมามีความคล้ายคลึงกับส่วนนี้อยู่มาก จากนั้นใช้เสื้อคลุมเช็ดมือให้สะอาด เขามองตรงไปยังกู้จี้เหยาด้วยสายตาเย็นชา “ดังนั้นคนที่วางยาพิษในตอนนั้น ก็คืออ้ายหยิน ไม่ใช่กู้เฉิงอย่างนั้นหรือ”
“เป็นเช่นนั้น แผนที่ส่วนนี้ก็ต้องเป็นอ้ายหยินเป็นผู้ส่งมาด้วยตนเอง เมื่อรู้ว่าพวกเขากำลังจะพ่ายแพ้ พูดไว้ว่าถ้าพวกเราไว้ชีวิตเขาและมอบศักดินาให้เขา ก็จะให้แผนที่ฉบับสมบูรณ์กับพวกเรา ว่ากันว่านี่เป็นส่วนหนึ่งของความเป็นอมตะ” คำพูดของกู้จี้เหยาเล็กลงเรื่อย ๆ ขาทั้งสองข้างไม่สามารถหยุดสั่นได้
จมูกเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด บางทีมันอาจจะมีกลิ่นโคลนและดินปืนอยู่ด้วย
“เจ้าก็มาเพื่อจะพูดเรื่องนี้นะหรือ” ซ่านจินจื๋อโยนแผนที่กลับไปในมือของหงเซียว ก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง “บอกกู่เซิง ข้ารู้สึกว่าการให้เขาเป็นฮ่องเต้มันเป็นความคิดที่ดี แต่หากต้องการได้รับการสนับสนุนจากข้า ก็คิดหาวิธีเอาภาพที่สมบูรณ์ส่งมาให้ได้ จะให้ดีที่สุดก็จะต้องเอาศีรษะของอ้ายหยินแขวนไว้บนผนังด้วย”
“ข้าจะนำไปบอกกล่าว….” เขารู้ได้อย่างไรว่ากู่เซิงจะอยู่เคียงข้างเขา
พูดทุกอย่างเสร็จสิ้น ซ่านเซิ่งหานก็ยกมือขึ้น โบกมือให้กับทหารที่ประตู และพูดกับหงเซียวไปด้วย “เรื่องของข้าทางนี้ไม่จำเป็นต้องปิดบัง เปิดเผยต่อซ่านเซิ่งหาน ให้ไปตรวจสอบให้ข้าอีกครั้ง ด้านชายแดนนี้ซ่านต้วนเฟิงเป็นคนควบคุม หรือใครเป็นผู้ควบคุม”
“หาไม่ใช่การควบคุมของซ่านต้วนเฟิง ยังจะมีใครอีกหรือ” หงเซียวรับดาบที่อยู่ในมือซ่านจินจื๋ออย่างราบรื่น
“ถ้าถูกควบคุมโดยซ่านจินจื๋อจริง ก็คงจะเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ฮองเฮาสิ้นพระชนม์ เขาก็สามารถนำกองทัพโจมตีได้โดยตรง แทนที่จะรอให้ข้ายึดเมืองทั้งสามก่อนแล้วจึงปกป้องเมือง เห็นได้ชัดเจนว่าต้องการยืดเวลา และส่งให้ทีมอื่นไปตกน้ำ มองไปยังกู้อ้าวเวย หากนางทำเรื่องอะไรที่ไม่ธรรมดา เจ้าก็ค่อยกลับมาพบ” ซ่านจินจื๋อพูดจบ ก็กลับหลังกันขึ้นบนม้า โดยไม่มองไปที่กู้จี้เหยาเลยตั้งแต่ต้นจนจบ
จนกระทั่งเขาจากไป กู้จี้เหยาก้าวถอยหลังแล้วทาบหน้าอกของตนเอง หอบอย่างหนัก
หงเซียวยกมือขึ้นเพื่อประคองนาง หัวเราะซิกซี้ “ท่านอ๋องก็พูดจาเย็นชาแบบนี้เป็นปกติทุกวัน มีอะไรน่ากลัวกันเล่า”
“แต่สิ่งที่เขาพูดมันล้วนเกิดขึ้นจริง นี่ช่างน่ากลัว” กู้จี้เหยาหายใจลึก ๆสองครั้ง ตบลงบนหน้าอก “และก็ไม่รู้ด้วยว่าสมองของเขาและกู้อ้าวเวยเติบโตขึ้นมาได้อย่างไร ตอนแรกข้าไปหลงเชื่อใจเขา….”
“ท่านอ๋องเก่งมาก” เปลือกตาของหงเซียวกระตุก
“ไม่ดีเก่งเลยสักนิด เขาก็ต้องมองเจ้ากลับไปกลับมาให้ชัดเจน มันน่ากลัวมาก” กู้อ้าวเวยแกว่งมือของหงเซียว เช็ดมือด้วยความรังเกียจ พูดด้วยเสียงเยือกเย็น “เจ้าไปทำธุระของเจ้าเถอะ เรื่องกู่เซิงให้ข้าติดตามเขาอีกสักระยะ และดีต่อการส่งข่าว”
หงเซียวมองไม่ออกว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเคยหลงใหลท่านอ๋องได้อย่างไร
แต่กลับส่งคนมาคอยดูแลอย่างรอบคอบ มุ่งหน้าไปด่านลั่วสุ่ยเพื่อตามหาคนตามลำพัง
……
ในเวลาเดียวกัน ในเมืองเทียนเหยียน
วันนี้ซ่านเชียนหยวนนำผิงชวนและจื่อออกมาจากตำหนักขององค์ชายโดยราบรื่นไม่มีอะไรเกิดขึ้น นอกจากความยากในการเดินให้ผ่านลานออกไปเพราะมีโซ่ใส่ไว้ที่เท้า แต่ทั้งสองคนก็ปลอดภัย
มีเพียงคำอธิบายของซ่านเชียนหยวนเท่านั้นที่ไม่สามารถตอบสนองทั้งสองคนได้ เมื่อเห็นจื่อและผิงชวนตัดสินใจแจ้งเรื่องนี้ไปให้ทิงเฟิงเก๋อทราบ เขาเองก็ไม่อาจจะสกัดกั้นได้ ยิ่งไปกว่านั้นเขายังไม่รู้ว่าเจตนาที่แท้จริงของกู้อ้าวเวยคืออะไร
รอจนถึงเวลาก่อนออกเดินทาง ฉีหรัวสวมชุดดำทั้งตัว ได้พานายท่านเห้อแห่งจี้ซื่อถางเข้ามาในตำหนักอย่างเงียบๆ
คนเฝ้าประตูที่อยู่ด้านหลังสวนต่างก็ประหลาดใจกับการมาถึงของคุณหนูฉี แต่กลับมาไปยังนายท่านเห้อมากขึ้น ไม่ได้หยุดหย่อน พาคนผู้นี้ไปห้องหนังสือของซ่านเชียนหยวน หลังจากสวมเสื้อคลุมก็เข้ามาอย่างเร่งรีบ มาตรงหน้าฉีหรัวอย่างยุ่งเหยิงวุ่นวาย “เกิดอะไรขึ้นหรือ”
ฉีหรัวดึงเสื้อคลุมลง สายตาคู่หนึ่งมองเขาอย่างสงสัย “ไม่กี่วันก่อนเกิดเรื่องการขโมยขึ้นที่ตำหนักขององค์ชายสาม ไม่รู้ว่า….”
“ข้าเป็นคนทำเอง เมื่อกู้อ้าวเวยจากไปแล้วก็ให้ข้าจัดการให้จื่อและผิงชวนกลับมาเหมือนเดิม” ซ่านเชียนหยวนกล่าวอย่างตรงไปตรงมา มองไปยังเห้อจิ้นหล่างในขณะที่จัดการปกเสื้อของตนเอง “นายท่านเห้อนี่คือ….”
“เมื่อตอนที่กู้อ้าวเวยจากไป ได้ทิ้งสิ่งของไว้ให้พวกเราทั้งสามคน” ฉีหรัวหยิบจดหมายฉบับหนึ่งในหลายฉบับออกมายื่นให้ในมือของซ่านเชียนหยวน และขมวดคิ้วขึ้น “ดูเหมือนนางจะจัดการวางแผนทุกอย่างไว้ตามลำดับ แต่ข้ารู้สึกเบา ๆว่ามีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้น”
เปลือกตาของซ่านเชียนหยวนกระตุก เมื่อฉีหรัวก็คิดเช่นนั้น ทุกคนก็ต่างคาดเดาไปพร้อม ๆกัน
และ ข้อตกลงกับเขาและกู้อ้าวเวย….
ยังมีเวลาที่จะจัดการเรื่องอนาคต ฉีหรัวได้ขัดจังหวะของเขา “เจ้ามีอะไรเก็บปิดบังไว้ใช่ไหม”
“เป็นไปได้อย่างไร” ซ่านเชียนหยวนกลืนน้ำลาย ภายใต้สายตาที่เย็นชาของฉีหรัว พูดออกไปเบา ๆ “นี่เป็นข้อตกลงเล็กน้อยระหว่างข้ากับนาง นางไม่ได้บอกว่าต้องการจะทำอะไรกันแน่ แต่นางเคยบอกกับข้าว่าอย่าไปสร้างปัญหาวุ่นวายให้กับองค์ชายสาม”
เพราะอะไรนางต้องปกป้ององค์ชายสามเช่นนี้
และซ่านเชียนหยวนก็ได้อธิบายให้แต่ละคนฟังทีละเรื่องว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนนั้นที่เข้าวัง ฉีหรัวรู้เรื่องของวังหลังเพียงเล็กน้อย ไม่ต้องพูดถึงท่านชายเห้อที่อยู่วินิจฉัยโรคในจี้ซื่อถาง ทั้งสามคนต่างพูดอะไรไม่ออกเหมือนกัน ซ่านเชียนหยวนกลับพูดเบา ๆ “แต่ นางยืนยันที่จะให้ข้าไปชายแดนด้วยกัน ว่ากันว่าจะมีคนไปช่วยแก้ปัญหาความวุ่นวายในเมืองเทียนเหยียน”
“องค์ชายหกหรือ” ฉีหรัวคาดเดาไปแบบนี้
ซ่านเชียนหยวนส่ายหน้า เขามองไปที่เห้อจิ้นหล่างแทน “อย่างนั้นนางให้นายท่านเห้อทำอะไร”
“ให้ข้าช่วยหาวัตถุดิบยา และยังให้ข้าบอกพวกเจ้าด้วยว่าไม่ต้องกังวลอะไร” เห้อจิ้นหล่างพูดมาแบบนี้ เพียงแต่ลูบเคราเบาๆ “แต่หากว่าข้าเป็นนาง ก็คงคิดอยากจะรู้เรื่องวิธีการของความเป็นอมตะ”
หลายคนมีความคิดเป็นของตนเอง
แสงแดดส่องผ่านหน้าต่าง และคนรับใช้ในตำหนักก็รีบกุลีกุจอเข้ามา “ท่านอ๋อง! ฮ่องเต้จะแต่งตั้งให้ฮุยเฟยเป็นฮองเฮาองค์ใหม่ และจะปิดเรื่องอดีตฮองเฮา”
“จำเป็นต้องตื่นตระหนกขนาดนี้เลยหรือ” ซ่านเชียนหยวนรู้สึกนิดหน่อยถึงความแปลกของเรื่องนี้
“ฮ่องเต้กล่าวว่าจะต้องตรวจสอบเรื่องการวางยาพิษนี้ให้ละเอียด และขอให้ท่านรีบไปชายแดนทันที นำอ๋องจิ้งกลับไปเมืองเทียนเหยียนเพื่อรับโทษ” คนรับใช้อ้าปากค้าง
ซ่านเชียนหยวนเปลือกตากระตุกไม่หยุด
เขาคงได้ยินผิดไปแน่ ๆ เสด็จพ่อจะให้เขาจับเป็นท่านอา