บุบผาร้อยเสน่ห์ – ตอนที่ 733

ตอนที่ 733

บทที่ 733 โน้มน้าวให้คนเชื่อ

เมื่อเทียบกับคนที่ไว้วางใจในความรู้สึก เป็นพันธมิตรชั่วคราวในแนวรบเดียวกันจะดีกว่า

กู้อ้าวเวยมีความคิดของตัวเองเกี่ยวกับสิ่งที่กำลังจะทำ ในรถม้าเหลือเพียงนางและซูพ่านเอ๋อสองคน หากคำนวณอย่างรอบคอบแล้ว นางและซูพ่านเอ๋อรู้จักกันมานานกว่าคนรอบตัวในตอนนี้

ดังนั้น นางจึงสามารถรู้ได้อย่างถูกต้องว่าซูพ่านเอ๋อคิดอะไรอยู่ในใจ เช่นเดียวกับบทเรียนแรกในชีวิตของนางก็คือการสังเกตสีหน้าคนอื่น นี่ก็เป็นเหตุผลที่นางมีเส้นทางที่ราบรื่นในการเรียนแพทย์โดยที่ไม่มีคลื่นใดๆ

ซูพ่านเอ๋อวิตกมากขึ้นเมื่อรู้ว่ากู้อ้าวเวยสามารถมองเห็นได้ นางไม่รู้ว่าทำไมกู้อ้าวเวยจึงเลือกตัวเอง หรือแม้แต่ปกป้องตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเสียงเรียกนั้นที่พูดว่าพ่านเอ๋อซึ่งน่าขยะแขยงเกินไปแม้ว่าจะรู้สึกสนิทสนมก็ตาม

ตลอดทางไม่มีคำพูดใด หลังจากกลับมาถึงในเมือง กู้อ้าวเวยก็สังเกตเห็นว่าบรรยากาศในเมืองเปลี่ยนไป เยว่นำทาง ซูพ่านเอ๋อก็ประคองนางก้าวเข้าไปในโรงเตี๊ยมที่พัก ก้าวขึ้นไปบนชั้นสองในห้องหรูหรา ตอนนั้นกู้เฉิงที่อยู่ในชุดผ้าไหมทั้งตัวกำลังวางถ้วยน้ำชาลง แววตาทอดมาสู่บนร่างกายของนาง ค่อยๆ เลิกคิ้วขึ้น แฝงไว้ด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า

บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารอันโอชะ ประตูหน้าต่างปิดอยู่

กู้เฉิงรินน้ำร้อนให้นาง “จะว่าไป พวกเจ้าสองคนล้วนเคยเป็นลูกสาวของข้า”

“นั่นเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ” กู้อ้าวเวยก็ยิ้มตามขึ้นมา ดวงตานั้นกลับข่มขู่ให้กู้เฉิงห้ามพูดมากอีก คนที่อยู่ด้านหลังจะไม่ล่วงเกินกู้อ้าวเวยในตอนนี้เพียงเพื่อซูพ่านเอ๋อที่ไร้ประโยชน์ผู้หนึ่งเป็นแน่ ก็เลยเดินตรงเข้าไป “ในเมื่อด่านลั่วส่วยเป็นดินแดนที่มีความสุข เมื่อครู่เจ้าชี้แนะให้คนนำน้ำเข้ามาในหลุมลึกทำไม ที่แท้เพื่ออะไรกันแน่”

“เพียงแค่ในที่ที่น้ำไหลอยู่ จึงมีศาลเจ้า” กู้อ้าวเวยบอกการคาดเดาทั้งหมดเกี่ยวกับการไหลของน้ำและดินแดนแห่งความสุขจนหมด เพื่อหลีกเลี่ยงคนที่คุ้นเคยรู้ดีกับข่าวคราวทั้งหลายอย่างกู้เฉิงให้เกิดความวงวัยขึ้น ยิ่งพูดคุกคามว่า “ณ ตอนนั้นบรรพบุรุษของข้าได้ทิ้งคำพูดเอาไว้ ให้ราชวงศ์แคว้นชางหลานพิทักษ์เจิ้งสุ่ย และเจิ้งสุ่ยนี้ก็เลยกลายเป็นสถานที่ที่ได้รับความสุขเหล่านี้”

“แต่เชิงภูเขาเทียนกลับไม่ใช่เช่นนี้……” กู้เฉิงมองไปที่กู้อ้าวเวยด้วยความสนใจ

ที่แท้เรื่องที่เขารู้มีไม่น้อยเลยทีเดียว

“เชิงภูเขาเทียน เมื่อหลายร้อยปีก่อนเป็นแหล่งกำเนิดของเจิ้งสุ่ย” กู้อ้าวเวยค่อยๆ พูดเบาๆ “ตอนนี้ถูกปกคลุมด้วยลมและหิมะ แต่ข้างใต้มีกระแสน้ำไหลตกลงสู่เจิ้งสุ่ย ไปยังสถานที่ที่ได้รับพรทั้งหมด”

กู้เฉิงจับคางและคิดอย่างรอบคอบ ที่กู้อ้าวเวยพูดครึ่งจริงครึ่งเท็จ ยังรู้ว่าบางคนเคยบอกว่าน้ำใต้ท้องฟ้าเป็นหิมะที่ละลายโดยเทือกเขาภูเขาเทียน ดังนั้นจึงมีการจาริกไปที่ภูเขาเทียน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนที่พิทักษ์รักษาเจิ้งสุ่ยในตอนนั้น และเรื่องที่ตั้งชื่อว่าเจิ้งสุ่ย แม้ว่าคนนอกจะไม่รู้ แต่กู้เฉิงให้ความสำคัญกับตระกูลหยุน จะไม่รู้ได้อย่างไร”

“ในความคิดของข้า เจ้าไม่ใช่คนที่ฝันถึงความเป็นอมตะ”

“ข้าแค่อยากมีชีวิตที่ดี และความเป็นอมตะก็เป็นโอกาสหนึ่ง” กู้อ้าวเวยถกแขนเสื้อของนางขึ้นมาอย่างถูกต้อง แล้วเอาถ้วยน้ำชาวางไว้ด้านหลังแขนเสื้อยาว กดริมฝีปากเบาๆ ลงไป ขยิบตาให้ซูพ่านเอ๋อที่อยู่ข้างกาย

ซูพ่านเอ๋อไม่เข้าใจ ได้เพียงแต่แสดงออกถึงท่าทางงุนงงออกมา

กู้เฉิงที่อยู่ตรงข้ามก็เห็นสีหน้าท่าทีของซูพ่านเอ๋อชัดเจน มองมาทางกู้อ้าวเวย “แม้ว่าเจ้าจะพูดเช่นนี้ ข้าก็ไม่กล้าที่จะเชื่อได้โดยง่าย ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับตระกูลหยุนตระกูลจงได้อย่างไรกัน”

“เนื่องจากบรรพบุรุษของตระกูลหยุนรู้กฎแห่งความเป็นอมตะ แล้วทำไมตระกูลหยุนถึงมีอายุยืนยาวไม่ได้ ข้าแค่สงสัย ดังนั้นฉันจึงถามเจ้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ ยังไงข้าก็เกิดและเติบโตที่เทียนเหยียน มันแตกต่างจากทายาทของตระกูลหยุนที่ถูกส่งไปก่อนหน้านี้” กู้อ้าวเวยลดแขนเสื้อลง และวางถ้วยเปล่าลง

กู้เฉิงหัวเราะขึ้น “เจ้าเป็นคนฉลาดเสียจริง ข้าควรจับเจ้าเอาไว้ให้แน่นตั้งแต่แรก”

“หากไม่ใช่เพราะเจ้าปล่อยมือตอนนั้น และส่งมอบข้าให้กับซ่านจินจื๋อ ข้าก็คงไม่ได้พบข่าวอะไรมากมายเช่นนี้ มันเป็นวัฏจักรของสาเหตุ” กู้อ้าวเวยยกมุมปากขึ้น ยื่นมือออกไป “และข้าเท่านั้นที่ได้ม้วนหนังแพะครึ่งหนึ่งของตระกูลจู และอีกครึ่งม้วนล่ะ”

“ทำข้อตกลงจำเป็นต้องยุติธรรมเป็นกลาง”

“ด่านลั่วส่วยจะสร้างศาลเจ้าที่แท้จริงอีกครั้ง แต่คนที่จะอยู่เป็นอมตะได้จริงๆ บัดนี้ก็คงมีเพียงข้าที่มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้เพียงคนเดียวเท่านั้น” กู้อ้าวเวยกล่าว

สีหน้าของกู้เฉิงเปลี่ยนไปมาก ซูพ่านเอ๋อก็ถลึงตามองมาที่กู้อ้าวเวยตามกัน

นี่มันช่างต่างจากที่เมื่อครู่พูดไปพวกนั้น ไม่ใช่บอกว่าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจอมปลอมหรือ”

“ที่เจ้าพูดเป็นความจริงหรือ” กู้เฉิงเคาะโต๊ะเบาๆ

“หากพวกเจ้าอยากลอง ก็คงมีเพียงทางแห่งความตายทางเดียว ประการแรกข้าไม่ต้องคำนึงถึงเวลาและสถานที่ที่เหมาะสม แค่บอกว่าต้องมีน้ำที่ไหลอยู่ใต้ศาลเจ้านี้ ให้เลือดของคนเหล่านั้นไหลเวียน เพียงเพื่อรักษาจิตวิญญาณ และขึ้นอยู่กับบาปกรรมที่ทำมาของเจ้าและผู้อื่น วิญญาณเหล่านี้จะถูกทิ้งได้จริงๆ หรือไม่ และตระกูลหยุนที่ได้ฝึกฝนการแพทย์มาหลายชั่วอายุคน ไม่สามารถนับได้ว่าเป็นพระในลัทธิเต๋าได้ แต่เรายังช่วยโลกและช่วยชีวิตผู้คน และจะไม่ตกนรกหลังความตาย” กู้อ้าวเวยพูดอย่างจริงจัง หลังจากหยุดชั่วขณะตรงกลางเธอไม่ได้ยินกู้เฉิงพูด จึงพูดต่อว่า “ประการที่สอง เลือดของทรราชที่เข้าร่วมโดยผลไม้ของแคว้นเอ่อตาน แม้ว่าจะไม่เป็นพิษเมื่อสัมผัสกับภายนอก แต่หากสะสมจากน้อยไปเรื่อยๆ จนเยอะก็อาจเป็นพาได้ และก็ไม่มีวิธีหยุดเลือดได้ หากเจ้าจะเอากระดูกซี่โครงออกมาแล้วใส่กลับเข้าไปจริงๆ พิษจะเข้าสู่บาดแผลมาก เจ้าก็แค่ต้องตายเท่านั้น”

คำพูดดูไร้สาระ แต่นางทำได้ทุกอย่าง

แม้ว่ากู้เฉิงจะไม่มั่นใจอย่างสมบูรณ์ แต่เมื่อมองไปที่การพูดที่จริงจังของกู้อ้าวเวยเช่นนั้น รวมถึงข้อมูลที่เขารู้ ก็ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นไปไม่ได้ ในขณะที่ลังเล กู้อ้าวเวยก็พูดอีกว่า “นอกจากนี้ หงส์นิพาน(หากหงส์ต้องการหลุดพ้นจากกิเลสและกองทุกข์ จะต้องกระโจนเข้ากองไฟเผาตัวเอง)ก็ดี ตายไปหลังจากการคลอดก็ดี พวกเจ้าก็ออกไปจากความเป็นมนุษย์จริงๆ ไม่ได้ จะสัมผัสวิธีที่ไร้มนุษยธรรมได้อย่างไร”

“เจ้าเคยตายอีกหรือ” กู้เฉิงหัวเราะเยาะเรื่องนี้โดยไม่เชื่อเด็ดขาด

“ในเมื่อเจ้ากล้ามาพบข้า ก็ย่อมรู้ว่าข้าใช้พิษได้เหมือนกับท่านแม่เช่นกัน แน่นอนว่าต้องพาหมอที่สนิทมาด้วย แค่ให้เขาจับชีพจรข้า ก็จะรู้ทุกอย่าง” กู้อ้าวเวยเหยียดข้อมือตนเองออกไป

กู้เฉิงเรียกพวกพ้องของตนเข้ามา เพียงแค่สัมผัสชีพจรลงไป หมออายุราวสามสิบกว่าผู้นั้นก็เหงื่อแตกเต็มตัว มองกู้อ้าวเวยอย่างระวัง “แม่นาง……ร่างกายของเจ้าไม่มีอะไรผิดปกติหรือ”

“มีบางอย่างไม่ถูกต้องหรือ” กู้เฉิงมองไปที่กู้อ้าวเวยอย่างระวัง ก็แค่ผอมเกินไปเท่านั้น

“แต่ชีพจรของแม่นาง……มันควรจะเป็นอัมพาตบนเตียง เป็นเรื่องยากที่จะลุกนั่งและพูดได้……” หมอดึงมือของเขาออกเหมือนไฟฟ้าช็อต มองไปที่รอยยิ้มบนใบหน้าของกู้อ้าวเวย รู้สึกเพียงหนาวที่หลัง

กู้เฉิงขมวดคิ้วชิดกันแน่น เกือบจะคีบแมลงวันตาย “นี่มันการแสดงหลอกเด็กอะไรกันอีก”

“พิษเข้าสู่ไขกระดูก ยาไม่มีทางรักษา” กู้อ้าวเวยดึงแขนเสื้อขึ้นเล็กน้อย แล้วเหลือบไปที่ซูพ่านเอ๋อที่อยู่ข้างกาย “ดังนั้น ข้าไม่มีเวลาปกป้องเจ้ามากนัก ดีที่สุดหยิบเอาของที่มีประโยชน์ออกมาใช้”

ซูพ่านเอ๋อไม่ค่อยเข้าใจ ได้แต่พยักหน้าอย่างงงๆ

เรื่องมาถึงตอนนี้ กู้เฉิงจึงเชื่อในคำพูดของกู้อ้าวเวยอยู่หลายเท่า ใครกันจะตายไปแล้วยังจะมาพร่ำเพ้อเรื่องตลกเช่นนี้กัน อีกไปกว่านั้นกู้อ้าวเวยห่างจากความเป็นอมตะเพียงไม่กี่ก้าว

“ตระกูลหยุนไม่เพียงแต่ไม่มีคนที่อายุยืน โดยเฉพาะสตรีที่ถูกส่งไปที่เทียนเหยียน ส่วนใหญ่แล้วมีอายุถึงสี่สิบปีก็ตาย” กู้เฉิงผลักของทุกสิ่งอย่างขวางหน้านางเอาไว้ แล้วพูดต่อว่า “แต่ตั้งแต่การทดลองลับของตระกูลหยุนปรากฏขึ้น ช่วงชีวิตของพวกนางก็ไม่ต่างจากคนทั่วไป การทดลองนั้นคืออะไรกันแน่”

บุบผาร้อยเสน่ห์

บุบผาร้อยเสน่ห์

Status: Ongoing

ฟิ้ววว นางข้ามพภแล้ว!!!แพทย์โดดเด่นทันสมัยกู้อ้าวเวยข้ามภพกลายเป็นลูกสาวคนโตของเฉิงเสี้ยง อยากฆ่าข้าหรือ?มีดผ่าตัดของข้าสามารถทำให้เจ้าพิการทั้งตัวเลยนะ เปิดร้านยา ช่วยชาวบ้าน ถึงจะเป็นฮ่องเต้ก็อยากมาคบหาข้า นี่ท่านอ๋องชายเลว เจ้ากำลังแกล้งข้าอยู่รึ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท