บทที่ 752 โผล่เหนือผิวน้ำ
กู้อ้าวเวยไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะได้พบกับท่านปู่ผู้สูงวัย รวมถึงชิงจือที่ไม่ได้พบกันมานานอีกครั้งในสถานการณ์เช่นนี้
นางไม่รู้ว่าซ่านต้วนเฟิงเชื่อมโยงเรื่องราวทั้งหมดนี้เข้าด้วยกันได้อย่างไรกันแน่ กระทั่งไม่เสียดายที่นำตัวหยุนชิงหยางและชิงจือออกมาพร้อมกันเพื่อสร้างความโกลาหลให้กับเอ่อตานทั้งยังกลายเป็นอาวุธที่ยับยั้งนางเอาไว้ได้
ชิงจือโตขึ้นมากแล้ว กลับยังคงกกอยูในอ้อมกอดของนาง ดูคล้ายยังจำได้ถึงภัยคุกคามที่ดาบคมพาดบริเวณลำคอเมื่อครู่นี้ได้ หยุนชิงหยางนั้นไม่รู้ว่าต้องทนทุกข์ทรมานเนื่องจากการเดินทางยาวนานและการขัดขืนมากแค่ไหน ดวงตาคู่นั้นเริ่มจะหม่นแววลง ทว่ากู้อ้าวเวยกลับได้แต่ปลอบขวัญชิงจือเสียงกระซิบ พลางเงยหน้าขึ้นมองที่เขา “ข้าคิดว่าเจ้าจะเป็นแค่องค์ชายหันหุนพลันแล่นคนหนึ่งเท่านั้น”
“เป็นเช่นนี้จริงๆ ช้ากระทั่งหุนหันพลันแล่นยิ่งกว่าที่ท่านจินตนาการเอาไว้เสียอีก” ซ่านต้วนเฟิงกำลังนั่งอยู่ริมโต๊ะพลางดื่มชา สายตามองสำรวจกู้อ้าวเวยขึ้นลงตั้งแต่หัวจรดเท้า ยิ่งดูเหมือนกำลังสำรวจสมบัติล้ำค้าชิ้นหนึ่ง สายตาเช่นนั้นทำให้กู้อ้าวเวยอดมุ่นคิ้วขึ้นมาไม่ได้
“ข้าไม่อยากสืบเสาะว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าแค่อยากรู้ว่าเจ้ารั้งข้าเข้ามาเพื่ออะไรกัน?” กู้อ้าเวยโอบชิงจือเข้าสู่อ้อมกอด ปลายนิ้วลากไล้ผ่านแผ่นหลังของเขาอย่างละเลียด มืออีกข้างหนึ่งทาบลงบนศีรษะด้านหลังของเขา จุมพิตเส้นผมของเขาราวกับสมบัติเลอค่า สายตาแสนจริงใจ น้ำเสียงอ่อนโยน “จากนี้ไปแม่จะไม่เสี่ยงต่อความปลอดภัยของเจ้าอีกแล้ว ชิงจือยกโทษให้ข้าได้หรือไม่?”
ซ่านต้วนเฟิงกลับมองอย่างแน่นิ่ง
เด็กน้อยที่ไม่ร้องไห้ส่งเสียงเอะอะเรื่อยมาคนนั้นในเวลานี้กำลังสะอื้นผะแผ่วตัวโยนอยู่ในอ้อมกอดของกู้อ้าวเวย ทว่าผู้หญิงคนที่ทีแต่เดิมควรจะเป็นสาวงามล่มเมืองกลับทำเพียงยิ้มเบาๆ พลางจุมพิตลงบนเส้นผมของเขาเรื่อยมาจนถึงนัยน์ตาสุกใสของเด็กน้อยเท่านั้น ความอ่อนโยนในแววตาเจียนจะเอ่อล้นออกมา ส่วนมือสองข้างกลับลูบผ่านเรือนกายของเด็กน้อยในเวลาเหมาะสมอยู่เสมอมา ยิ่งดูเหมือนตรวจสอบว่าเขาได้รับบาดเจ็บบริเวณใดหรือไม่ ทั้งยังคาดหวังให้เด็กน้อยยกโทษ
นิ้วมือที่ซูบผอมเกินไปข้างนั้นดูเหมือนจะมีพลังยิ่งนัก อีกทั้งหลังจากกู้อ้าวเวยได้รับการยกโทษจากชิงจือแล้วยิ่งหัวเราะอย่างสบายใจออกมา ทว่าครั้นนัยน์ตาที่เปี่ยมล้นด้วยความอ่อนโยนคู่นั้นช้อนขึ้นมามองไปที่ซ่านต้วนเฟิง กลับเย็นยะเยือกเสียยิ่งกว่าคมมีด น้ำเสียงนั้นยิ่งขุ่นอึมครึมเข้าไปใหญ่ “บอกจุดประสงค์ของเจ้าแก่ข้ามา”
น่าสนใจเกินไปแล้ว
ผู้หญิงที่ซ่านต้วนเฟิงยังไม่เคยคิดว่าเป็นแม่คนนั้นงดงามได้เยี่ยงนี้ แววยะเยือกกลางนัยน์ตาดอกท้อคู่นั้นกลับดูเหมือนความเย็นยะเยือกของดอกท้อยามที่ถูกหยาดพิรุณพร่างพรมลงมา
“ท่านคิดว่าท่านมีสถานะอะไรคิดจะมาเจรจาเงื่อนไขกับข้า”
“ก็อาศัยแค่เจ้าถึงขนาดต้องจับตัวประกันมาเพื่อรั้งข้าไว้ แทนที่จะพาข้าไปโดยตรง จะต้องมีเรื่องมาร้องขอข้าเป็นแน่” สองมือของกู้อ้าวเวยปิดอยู่ที่ใบหูของชิงจือ เบือนหน้าไปมองหยุนชิงหยางที่อยู่ด้านข้างดูเหมือนจะไม่มีปัญหาอะไร ทอดสายตาไร้ปัญหาอะไรเข้าไปด้วยอาการปลอบประโลม กระทั่งไม่ได้ปราดมองซ่านต้วนเฟิงอีกเลย “ทั้งยังเป็นตัวประกันสองคน เจ้าอยากได้อะไรจากตัวข้า? หรือไม่ก็ เจ้าคิดอยากร้องขอให้ข้าทำอะไร?”
“ข้าสามารถสามารถพวกท่านได้ทุกเมื่อ” ซ่านต้วนเฟิงกำถ้วยชาในมือแน่น เขาเกือบจะถูกกู้อ้าวเวยยั่วโทโสเข้าให้แล้ว
“เจ้าย่อมทำเช่นนี้ได้อยู่แล้ว แต่ในเมื่อเจ้าซ่อนตัวได้ถึงขั้นนี้ เจ้าก็ควรจะรู้ว่าข้าเป็นคนแบบไหน ไม่ว่าอย่างไร ข้าคงไม่อาจละทิ้งหลักการเดิมของข้าเพียงเพราะชีวิตของตัวเองหรือของผู้อื่นอย่างแน่นอน เจ้าจะลองดูก็ได้” กู้อ้าวเวยคลายใบหูของชิงจือออก วางเขาลงจากเข่าของตนแล้วให้นั่งลงด้านข้าง “ชิงจือ เจ้ายังจำสิ่งที่แม่สอนเจ้าได้หรือไม่?”
ดวงตากลมโตสุกใสของชิงจือมองไปที่ผู้ชายชั่วที่มัดตนเอาไว้ พลางสะอึกสะอื้น “ยอมเป็นหยกแหลกลาญ ไม่ขอเป็นกระเบื้องสมบูรณ์”
หน็อยแน่…ยอมเป็นหยกแหลกลาญ ไม่ขอเป็นกระเบื้องสมบูรณ์!
ซ่านต้วนเฟิงแทบจะกัดฟันจนเป็นผุยผง กู้อ้าวเวยคนนี้ช่างไม่ใช่คนเรียบง่ายเสียจริงๆ
ส่วนชายหน้าอัมพาตที่อยู่นอกประตูก็เดินเข้ามา “ผู้ติดตามเหล่านั้นกลับไปกันหมดแล้ว และไม่พบอะไรผิดปกติเลยขอรับ”
กล่าวจบ สายตาของชายหน้าอัมพาตก็โปรยตกไปที่ร่างของกู้อ้าวเวย ส่วนอูกงกงที่ตามมาติดๆ ก็มองกู้อ้าวเวยเพิ่มขึ้นอีกปราดหนึ่ง ทั้งสองดูเหมือนจะปากอ้าตาค้างที่กู้อ้าวเวยไม่ได้แผดเสียงร้องสนั่นหรือมีการขัดขืนใดๆ ซ่านต้วนเฟิงกระทั่งไม่ได้เพิ่มพันธนาการมัดมือมัดเท้านางเลยด้วยซ้ำ
“พระองค์ ผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดาเลย” แววอึมครึมบนหน้าของอูกงกงอันตรธานหายไปอย่างสิ้นเชิง หลงเหลือเพียงใบหน้าเย็นชา
“เจ้ารู้ด้วยว่าข้าไม่ธรรมดา ดังนั้นเจ้าคิดว่าใส่กุญแจมือข้าแค่นี้ก็จะกักขังข้าอยู่ที่นี่ได้แล้ว แทนที่จะปลอดให้คนในครอบครัวที่แข็งแรงทั้งสองคนของข้ากัดลิ้นฆ่าตัวตาย?” กู้อ้าวเวยโอบไหล่ของชิงจือเอาไว้พลางส่งเสียงหัวเราะเย้ยหยัน “หรือเจ้าคิดจะโยนข้าเข้าไปบนเตียงของเจ้านายพวกเจ้า จากนั้นคิดว่าข้าจะทำอะไรเพื่อพรหมจรรย์ตัวกวนเพื่อประโยชน์ของเขาได้?”
แทบจะคิดเกี่ยวกับวิธีการทั้งหมดที่อาจเป็นประโยชน์ต่อพวกเขาได้แล้ว กู้อ้าวเวยดูเหมือนจะสันทัดจัดเจนยิ่งนัก ไม่เหมือนคนที่ถูกควบคุมเลยแม้แต่น้อย
“ข้าจะทำอะไรได้ แม้แต่เขายังบอกว่าผู้หญิงคนนี้ยากจะต่อกรเลย!” ซ่านต้วนเฟิงแค่ออกเสียงเฮอะหนึ่งทีแล้วกระแทกถ้วยในมือลงบนผิวตะ แววโกรธขึ้งบนใบหน้าไม่ได้พับเก็บเลยแม้แต่ครึ่งเสี้ยว
“ดังนั้นคนที่อยู่เบื้องหลังเจ้าคือกู้เฉิง?” กู้อ้าวเวยปริปาก
ผู้ชายสามคนดูเหมือนเห็นผีกำลังมองเข้าอยู่ ส่วนชายหน้าอัมพาตคนนั้นกระทั่งคิดจะถอดดาบออกมาเลยเสีย
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าเองก็เข้าใจแล้ว” กู้อ้าวเวยอุ้มชิงจือไปที่ข้างกายของหยุนชิงหยาง เป็นเช่นนี้แล้ว เรื่องราวทั้งหมดก็พอจะทำความเข้าใจได้ “ดังนั้นกู้เฉิงทำประโยชน์ให้กับซ่านเซิ่งหานหรือทำประโยชน์เพื่อคนอื่นๆ ก็เป็นเพียงหน้ากากเท่านั้น ก็เพียงเพื่อรอให้เจ้าโตจนกว่าจะแย่งชิงบัลลังก์ฮ่องเต้มาได้ ตรงข้ามก็เพราะเจ้าซ่อนตัวลึกเกินไปจนรากฐานไม่มั่นคง วิธีการที่ดีที่สุดก็คือสลายโต๋ผู้เข้าชิงสี่คนอย่างพวกเขา เจ้าค่อยนั่งภูผาชมศึกราชสีห์ รอจังหวะมาถึง เจ้าก็จะสามารถปรากฏตัวไกล่เกลี่ยตอนที่พวกเขากำลังเข่นฆ่ากันเอง…”
กล่าวสิ่งเหล่านี้จบ กู้อ้าวเวยไม่ได้สนใจว่าซ่านต้วนเฟิงจะตบโต๊ะลุกพรวดขึ้นมาด้วยซ้ำ ตรงข้ามกลับกระตุกมุมปากขึ้น “อีกอย่าง ดูเหมือนเมี่ยวหารกับพวกเจ้ายังไม่ทันบรรลุฉันทามติกัน แต่พวกเจ้าต้องการเขาอย่างเร่งด่วน ความเป็นไปได้เพียงหนึ่งเดียวก็คือความเป็นอมตะ ดูเหมือนกู้เฉิงก็ไม่ใคร่จะชื่นชอบลูกของเขาเท่าใดนัก แต่มีใจภักดีต่อเจ้าคนเดียวเช่นนี้ อีกอย่างเจ้าเชื่อใจเขาขนาดนี้อีก เพราะอะไรกัน?”
กล่าวสิ่งเหล่านี้จบ กู้อ้าวเวยก็ลุกขึ้นยืนต่อหน้าของซ่านต้วนเฟิงที่โกรธไฟสุมขอน นัยน์ตาสุกปลั่งคู่นั้นมองเขาโดยไม่เสหลบ “เจ้าไม่ใช่ตัวหมากที่ดีเลย และคงไม่อาจเป็นราชาที่ดีนั่งอยู่บนบัลลังก์ได้ยาวนานด้วย ดังนั้นกู้เฉิงเป็นพ่อบังเกิดเกล้าของเจ้า หรือว่ามารดาของเจ้าจึงจะเป็นคนที่เขารักอย่างแท้จริง ทำให้ในตอนแรกเขาพรากกระทั่งผู้หญิงที่ควรจะกำนัลให้กับฮ่องเต้องค์ก่อนไป…ท่านแม่ของข้าเอง”
แต่ไหนแต่ไรมาเรื่องราวบนโลกใบนี้ไม่มีอะไรที่ไร้เหตุผล และไม่มีความปรารถนาเพียงฝ่ายเดียว ทุกอย่างล้วนเป็นเหตุเป็นผลกัน
แต่ชั่วขณะนี้ ลักษณาการของซ่านต้วนเฟิงอ่อนลงไปทันที คล้ายกับถูกคนทิ่มแทงจุดอ่อนก็ไม่ปาน ก้าวถอยหลังด้วยสีหน้าปั้นยาก ส่วนคมดาบของชายอัมพาตตกลงบนลำคอของนางท่ามกลางเสียงแผดสนั่นของชิงจือเป็นที่เรียบร้อย
“เจ้ารู้มากเกินไปแล้ว”
“ก็เพราะข้ารู้มากเกินไปนี่เอง เจ้าถึงไม่กล้าฆ่าข้า” กู้อ้าวเวยยิ้มพิมพ์ใจ ปลายนิ้วกดลงบนคมดาบอันเย็นเยียบ “เดิมทีข้าคิดว่าในตอนแรกกู้เฉิงแต่งงานกับท่านแม่ของข้าเพราะความเป็นอมตะ ตอนนี้ดูแล้ว เป็นเพราะฮ่องเต้องค์ก่อนแย่งคนรักของเขาไป เขาถึงได้แย่งเอาชายาแรกที่ควรเป็นของฮ่องเต้องค์ก่อนไป ต่อมากลับรู้เรื่องความเป็นอมตะเข้า ตั้งแต่เขาพูดว่าท่านแม่ข้าสมรู้ร่วมคิดกับองค์ชายสอง ข้าก็ควรจะรู้ว่าท่านแม่ติดกับจวนเฉิงเสี้ยง ถ้าหากสมคบคิดกับองค์ชายสองได้จริงๆ คงไม่ต้องตกอยู่ในจุดจบแบบวันนี้อย่างแน่นอน ดังนั้นทุกสิ่งนี้ เป็นเพียงอุบายถ่วงเวลาและสร้างสถานการณ์ในปัจจุบันของกู้เฉิง”
คมดาบนั้นถูกดันออกเบาๆ กู้อ้าวเวยกลับเดินไปข้างหน้าต่อ คว้าคอเสื้อของซ่านต้วนเฟิงเอาไว้ “เจ้าเป็นลูกของฮ่องเต้ กลับทำประโยชน์ให้กับคนรักปักดวงใจของแม่เจ้า เจ้าไม่กลัวสักวันกู้เฉิงจะแว้งกัดเจ้าหรอกหรือ!