บทที่ 755 ดำเนินการรอบคอบ
กลุ่มคนกลับไปยังกระโจมอย่างโอ่อ่า ซางนิงและโย่วหลีเฝ้าประตูขนาบซ้ายขวา
ส่วนหงเซียวกลับไปแก้มัดให้กู้จี้เหยาและซูพ่านเอ๋อ ฉีหรัวก็ยืนอยู่ด้วยกันกับซ่านเชียนหยวน รักษาแววหวาดระวังต่อเฉิงซาน
เฉิงซานทำหน้าราบเรียบ ดูคล้ายคิดว่าเรื่องนี้ไม่ได้มีข้อผิดพลาด
ซ่านจินจื๋อกลับผลัดอาภรณ์ตัวนอกของผู้ติดตามออก ระหว่างทางบัญชาให้คนไปยืนยันว่าซ่านต้วนเฟิงนำตัวคนส่งกลับไปหรือไม่ ทางนี้จึงหย่อนกายลงนั่ง ปั้นหน้าเย็นชามองไปที่กู้จี้เหยา “ข้าให้เจ้าอยู่ที่แห่งนี้ ก็เพียงเพราะในตอนนี้พรรคพวกที่เหลือของอ้ายหยินยังไม่ทันถูกกำจัดอย่างสมบูรณ์ ถ้าเจ้าไม่บอกเหตุผลสักข้อมา ข้าย่อมสามารถทิ้งศพเจ้ากลางป่าได้ทุกเมื่อ”
“จะว่าไปวันหน้ากู่เซิงจะเป็นราชา ยังถือว่าเป็นพี่ใหญ่ของข้า ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าดีร้ายพวกเราก็เป็นสามีภรรยากันอยู่” สีหน้าของกู้จี้เหยาออกจะปั้นยากเล็กน้อย
“ต่อให้กู่เซิงจะเป็นพระราชา ก็คงไม่อาจเป็นศัตรูกับข้าเพียงเพราะเจ้าที่แสนขี้ผงคนหนึ่ง นับประสาอะไรเรื่องในตอนแรกยังต้องการข้าทำแบบเดิมซ้ำอีกหรือ?” สีหน้าของซ่านจินจื๋อลดลงไปอีกหลายขั้น แต่ไรมาไม่ค่อยได้ปั้นหน้าดูดีอะไรต่อกู้จี้เหยาและซูพ่านเอ๋อที่อยู่ต่อหน้าเลย
ทว่าในเวลานี้ ฉีหรัวที่อยู่ด้านข้างได้รับคำกำชับของกู้อ้าวเวยนั้นกลับรู้เรื่องราวบางอย่าง ตัวอย่างเช่นกู้อ้าวเวยเคยให้นางนำยาในมือของนายท่านเห้อไปให้กู้จี้เหยาทั้งหมด เวลานี้ไม่สนการขัดขวางของซ่านเชียนหยวน สาวเท้าไปข้างหน้าหยุดอยู่ข้างกายของกู้จี้เหยา “ท่านอ๋อง เรื่องไม่สะดวกพูดกับท่านจริงๆ นับดูแล้วเรื่องนี้ก็เป็นถึงเรื่องความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศ ข้าเต็มใจเป็นผู้ค้ำประกันให้กับกู้จี้เหยาเอง”
เฉิงซานกลับเดินเข้ามาเบื้องหน้า “เช่นนั้นคุณหนูฉีรู้สาเหตุในนั้นหรือ?”
“ไม่รู้ เพียงแต่คาดเดา” ฉีหรัวกล่าวอย่างเถรตรง
“ในเมื่อคาดเดา ก็ไม่นับว่าเป็นเรื่องจริง ตอนนี้คุณหนูกู้ไม่ใช่คนของชางหลานอย่างสิ้นเชิงแล้ว ถ้าหากมีแก่ใจหลอกใช้ทำอันตราย หรือไม่ก็ต้องการร่วมมือกันทำอะไรกับพระนางผู้นั้นละก็…เช่นนั้นการค้ำประกันในตอนนี้ของคุณหนูฉีก็จะเป็นไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ วันหน้าหากเกิดเรื่องอันใดขึ้น ท่านก็จะไม่มีความสามารถในการแบกรับภาระสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้เลย” เฉิงซานกลัวเช่นนี้ กลับยิ่งมองอ๋องจงผิงเพิ่มอีกปราดหนึ่ง
ซ่านเชียนหยวนในฐานะราชวงศ์ เวลานี้กลับถูกคนปลุกปลั่นอีกครั้ง การปฏิบัติต่อกู้จี้เหยาคนนี้เขาก็ไม่ได้จับตามองเช่นกัน ตอนนี้ได้รับสายตาของเฉิงซาน เขาเองก็ส่ายหน้าให้ฉีหรัวอย่างจนปัญญา “เว้นแต่จะพูดความจริงออกมา”
“แต่ข้าคิดว่าเรื่องนี้ไม่ได้เรียบง่ายขนาดนั้นนัก” ฉีหรัวขบเรียวปากล่าง ท้ายที่สุดก็ได้แต่ละสายตาโปรยไปที่ตัวของซูพ่านเอ๋อ “แต่ข้ากลับสงสัยนัก เหตุใดซูพ่านเอ๋อแต่เกลียดกู้อ้าวเวยเข้าแกนกระดูก หลายวันมานี้กลับฟังคำสั่งของนางอย่างว่าง่ายเช่นนี้ เพราะแอบซุ่มความคิดอยากจะแก้แค้นในสักวัน หรือว่า…”
“ซูพ่านเอ๋อนั้นข้ารั้งเอาไว้เพื่อล่อหลอกเมี่ยวหาร ให้นางไปอยู่คุกใต้ดินก็ไม่เป็นปัญหา” ซ่านจินจื๋อตัดบทฉีหรัว “เจ้าเองก็ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนเรื่อง ตอนนี้สิ่งที่ต้องตัดสินใจคือการอยู่หรือไปของกู้จี้เหยา รวมถึงใครเป็นคนปล่อยเยว่ชิงออกมา”
“คนที่ปล่อยข้าออกมา เป็นถึงผู้ใต้บัญชาคนสนิทของท่าน” เยว่ชิงหัวเราะเบาๆ พลางกึ่งคุกเข่าลงบนพื้น เงยหน้าขึ้นสบมองซ่านจินจื๋อโดยตรง “ท่านอ๋องคิดจริงๆ หรือว่ากู้อ้าวเวยจะรักเดียวใจเดียวต่อท่านเช่นเดียวกันองค์ชายสาม?”
“เจ้าคิดจะปลุกปั่นความบาดหมางหรือ?” ซ่านจินจื๋อแค่นเสียงเย็น สายตาคู่นั้นกรีดแทงลงบนหัวใจของเฉิงซานอย่างเยียบเย็น ทำเอาเฉิงซานตกใจจนรีบคุกเข่าลงมาคู่กัน ก้มหน้าคางชิดอก “เฉิงซาน เจ้าอยู่ข้างกายข้ามานานหลายปี เวยเอ๋อเป็นคนอย่างไร เจ้าเองยังแยกแยะไม่ออกเชียวหรือ?”
“ผู้น้อย…” เฉิงซานอ้ำๆ อึ้งๆ กลับพูดอะไรไม่ออก…ตอนนี้เขาไม่เชื่อใจกู้อ้าวเวยจริงๆ นั่นแหละ
“เช่นนั้นเรื่องของกู้จี้เหยา เรื่องของซูพ่านเอ๋อ รวมถึงเรื่องของความเป็นอมตะ กู้อ้าวเวยเคยบอกท่านไปแล้วกี่ส่วน?” เยว่ชิงตัดบทเฉิงซาน ดวงตาคู่นั้นเจือแววเดือดดาลหลายเท่า กระโปรงที่กองกระจายอยู่บนพื้นก็ถูไถเบาๆ ตามร่างกายที่สั่นระริกของนาง ส่งเสียงผะแผ่วที่ทำให้ผู้คนยากจะอดกลั้นได้ “นางไม่เคยเชื่อในพวกท่านคนใดเลย นางเพียงแค่มีแก่ใจจะเอาปริศนาแห่งความเป็นอมตะ อีกทั้งสาเหตุที่ซูพ่านเอ๋อทำประโยชน์ให้นาง ก็เพราะนางบอกความจริงทุกอย่างให้ซูพ่านเอ๋อฟังหมดแล้ว ส่วนซูพ่านเอ๋อคิดว่าพวกนางต่างก็เป็นหมากเช่นเดียวกัน จึงเลือกถวายชีวิตให้กู้อ้าวเวย ซื้อตัวกู้จี้เหยาและซูพ่านเอ๋อไป ท่านอ๋องคิดว่านางคิดจะทำอะไรกันแน่?”
ครั้นถ้อยคำนี้เปล่งออกมา นัยน์ตาและดวงหน้าของซูพ่านเอ๋อต่างเรื่องแดงขึ้นมา ซึ่งทำให้คำให้การของเยว่ชิงสมจริงขึ้นหลายเท่า
หลายคนพลันนิ่งเงียบในชั่วขณะ เวลานี้ฉีหรัวก็เริ่มสงสัยตัวเองว่าควรจะออกหน้าเป็นผู้ค้ำประกันจริงๆ ดีหรือไม่ ตั้งแต่แรกเริ่มซ่านเชียนหยวนก็ยังเคยมองกู้อ้าวเวยคนนี้ได้ปรุโปร่งเลย แต่เขากลับทำลายความเงียบลง “อย่างไรเสียนางคงไม่อาจทำร้ายข้า ข้าเต็มใจเชื่อกู้อ้าวเวย”
หัวคิ้วของเฉิงซานยิ่งขมวดมุ่นหนักกว่าเดิม
เงียบไปชั่วขณะ ซ่านจินจื๋อกลับเหลือบมองความยุ่งเหยิงที่กู้อ้าวเวยทิ้งเอาไว้ด้วยแววตาเย็นชา กลับทำเพียงซักถามหงเซียว “เจ้าคิดว่าอย่างไร?”
หงเซียวนิ่งงันไปก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นจึงรีบปริปาก “ผู้น้อยคิดว่า ถ้าหากสิ่งที่เยว่ชิงและเฉิงซานพูดมาล้วนถูกต้อง เช่นนั้นว่าตามหลักแล้ว พระนางผู้นั้นเพียงแค่ต้องการจะได้รับปริศนาแห่งความเป็นอมตะ และไม่ได้ก้าวก่ายเรื่องการเมือง เป็นเช่นนี้แล้ว จะชักภัยอันตรายอะไรมาให้ได้อีกกันเล่า? เว้นแต่ทุกท่านที่อยู่ที่นี่ก็มีความคิดเช่นนี้เหมือนกัน”
หนึ่งประโยคที่สุดแสนเรียบง่าย กลับสลายเมฆคลุ้มให้แก่ฝูงชนได้
ผู้ที่อยู่นอกเหตุการณ์รู้ชัดเจน สิ่งที่เอ่ยว่าล้วนเป็นความจริง
ฉีหรัวนิ่งงันไปก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นจึงส่งเสียงหัวเราะเบาๆ “มิน่าเล่ากู้อ้าวเวยถึงได้บอกว่าเจ้าเป็นคนน่าสนใจนัก”
ซ่านเชียนหยวนลูบปลายจมูกน้อยๆ กลับไม่เคยคิดถึงจุดนี้มาก่อนเลย สีหน้าของเฉิงซานกับเยว่ชิงต่างก็ยุ่งเหยิงขึ้นมาเหมือนกัน
มีเพียงน้ำค้างแข็งบนดวงหน้าของซ่านจินจื๋อสลายไปเท่านั้น แม้ว่าเชิงกรามจะยังคงขบแน่น ทว่าบนดวงหน้าเส้นเว้าโค้งชัดเจนดวงนั้นก็เจือแววอ่อนโยนเพิ่มขึ้นมาในที่สุด น้ำเสียงก็พลอยอ่อนลงเล็กน้อย “ต่อให้เวยเอ๋อต้องการไล่ล่าวิธีแห่งความเป็นอมตะ ก็คงไม่อาจเกิดเรื่องที่ขัดต่อบรรทัดฐานได้ นับประสาอะไรนางยังชักใยผู้หญิงตั้งมากมายอย่างพวกเจ้าอยู่ในกำมือแล้วด้วย เวลานี้ก็แค่ค่อยๆ ห่างเหินกับลูกหลานในราชวงศ์ทีละน้อย สิ่งนี้สำหรับตัวข้า ก็เป็นความจริงใจอันใหญ่หลวงที่สุดแล้ว”
กล่าวเช่นนี้ไปพลาง ซ่านจินจื่อก็ค่อยๆ หยัดตัวลุกขึ้น มองไปที่กู้จี้เหยาจากมุมสูง “เจ้ากับข้าเป็นสามีภรรยากันอย่างแน่นอน ข้ารู้สึกละอายต่อเจ้า วันหน้าย่อมต้องตอบแทนให้กับพี่ใหญ่ของเจ้า ในตอนนี้เจ้าก็อยู่ที่นี่ต่อด้วยความสบายใจ หากมีวันหน้า ข้าก็หวังว่าเจ้ายังจะพอเรียกเวยเอ๋อว่าพี่สาวได้ด้วยความจริงใจ”
มองไปที่คนผู้นั้นซึ่งยืนร่างเหยียดตรงอยู่ต่อหน้าของตน ท้ายที่สุดกู้จี้เหยาก็ไม่สามารถซ่อนเร้นอันตรายการเต้นของหัวใจเสี้ยวนั้นเอาไว้ได้
เพียงแต่ถ้อยคำที่ซ่านจินจื๋อพูดมานั้นกลับตัดขาดเสี้ยวความรู้สึกที่แผ่ขยายนั้นของนางลง รังแต่จะทำให้นางทั้งโกรธทั้งหงุดหงิด “ข้ากับนางไม่ได้เกี่ยวพันทางสายเลือดกันด้วยซ้ำ”
“เจ้าคนนี้ยามปกติก็เอาแต่ใจตัวเอง ถ้าหากไม่ได้ชอบเจ้าสักเสี้ยว ก็อย่าว่าแต่ช่วยเจ้าเลย ไม่ปล่อยให้เจ้าตายก็ไม่เลวเลย นับประสาอะไรนางช่วยเจ้ากับกู่เซิงไว้หลายเรื่อง เจ้าเรียกนางว่าพี่สักคำ วันหน้ายังสามารถให้ฮ่องเต้เป็นพ่อได้ มันไม่ดีกระนั้นหรือ?” ซ่านจินจื๋อกล่าวเช่นนี้ ก็เพราะอยากเตือนสตินางไปในตัว
ถ้าหากกู่เซิงต้องการจะยึดติดกับเจียงเยี่ยนในอดีตจริงๆ ยังจำเป็นต้องการความสัมพันธ์อีกมากมายทีเดียว
ครั้นกู้จี้เหยาสามารถยึดโยงความสัมพันธ์กับกู้อ้าวเวยได้จริงๆ ก็เท่ากับยึดโยงความสัมพันธ์กับเอ่อตานในทางอ้อมได้ ถึงตอนนั้นเอ่อตานก็สามารถแลกคูเมืองต่างๆ ได้โดยไม่ต้องใช้กองกำลังทหาร ในขฯเดียวกัน กู่เซิงก็สามารถได้รับยืนหยัดปักฐานจากผู้หนุนหลังที่แข็งแกร่งด้วย
กู้จี้เหยามีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างปุบปับ การเต้นตึกตักในหัวใจเสี้ยวนั้นพลันมลายหายไป “ท่านกับกู้อ้าวเวยสร้างเป็นคู่สร้างคู่สมนัก ปีนั้นเหตุใดข้าถึงได้ตกหลุมรักผู้ชายเลือดเย็นไร้ความปรานีขนาดนี้อย่างท่านได้ลง”
“ตอนนี้รู้แจ้งแล้ว จะไปก็ยังไม่สาย” ซ่านจินจื๋อหุบรอยยิ้มบนใบหน้า มองไปทางฉีหรัว “เรื่องของราชวงศ์ไม่ได้เรียบง่ายนัก ระยะหลายวันนี้ก็ให้หงเซียวอยู่เป็นเพื่อนเจ้าไปพลาง ส่วนเยว่ชิง ก็ให้อยู่ข้างกายเฉิงซาน และติดตามข้ากลับไปเทียนเหยียนในทุกๆ วัน”
“หมายความว่าอย่างไร?” เยว่ชิงไม่พอใจกับเรื่องนี้ยิ่งนัก