บทที่ 759 ไต่สวน
จางเหยียงซานไม่ได้ออกจากค่ายทหารมาเป็นเวลานานแล้ว
ในวันนี้ซ่านจินจื๋อกับซ่านเชียนหยวนพาอ้ายหยินที่กลับมาพร้อมกับความพ่ายแพ้ เขาเดินก้มหน้าก้มตาออกมาจากด้านหลัง ขาทั้งสองข้างเต็มไปด้วยเป็นทางยาว ดวงตาจ้องมองไปที่ซ่านจินจื๋อไม่วางตา แล้วเอ่ยเสียงต่ำ“ท่านอ๋อง ตอนที่นางจากไปนางได้นำยาถอนพิษไปด้วยบางส่วนใช่หรือไม่?”
ซ่านจินจื๋อกระโดดลงจากม้าด้วยสีหน้านิ่งเฉย แล้วโยนหมวกที่เต็มไปด้วยเลือดไปให้ข้ารับใช้ ขมวดคิ้ว“ทำไม?”
“ถ้าหากนางแอบทดลองยาถอนพิษ อาจจะทำให้นางตายเร็วขึ้นก็เป็นได้”จางเหยียงซานรีบส่ายหน้า แล้วเดินไปยังด้านหน้า“ร่างกายของเขาไม่ปกติเหมือนดั่งเดิม มาวันนี้ยังคงเดินตรงไปข้างหน้า เป็นเพราะภายในร่างกายยังมีพิษไหลเวียนอยู่ ขอเพียงแค่สามารถถอนพิษได้หนึ่งอย่าง ความสมดุลทุกอย่างก็จะถูกทลายไปจนหมด หรือนางอาจจะนอนหลับไม่ตื่นก็เป็นได้!”
ซ่านจินจื๋อขมวดคิ้วเป็นปมแน่น ไม่ได้ยินเสียงข้างหลังที่ซ่านเชียนหยวนจัดการกับเล่าพวกที่พ่ายแพ้สงครามอย่างไรแล้ว มีเพียงมือที่คว้าแขนของจางเหยียงซานเดินตรงเข้าไปในค่ายทหาร ให้ทหารที่เขียนหนังสือได้ลงมือเขียนจดหมายส่งไปให้ซ่านเซิ้งหาน
หงเซียวที่ได้ยินข่าวเรื่องนี้ ก็รีบเอ่ยขึ้นว่า“องค์หญิงส่งเชี่ยวชาญชำนาญเรื่องตำรับยา แน่นอนว่าไม่มีวันเสี่ยงกับอันตรายเช่นนี้เป็นแน่ ท่านอ๋องไม่จำเป็นต้องกังวล”
ได้ยินเขาพูดดังนั้น จางเหยียงซานที่กดดันจนมึนงงได้แต่กะพริบตาปริบๆ พอได้สติกลับมา“ก็จริง……”
ซ่านจินจื๋อพยายามสงบสติอารมณ์ตัวเองถึงค่อยๆบังคับตัวเองให้ใจเย็นลง
การแพทย์ของเวยเอ๋อดีขนาดนั้น เรื่องนี้คงไม่มีวันเกิดขึ้นเป็นแน่
พอคิดได้ดังนั้น ม่านที่อยู่ตรงประตูก็ถูกเปิดออก ในมือของฉีหรัวกุมกระบอกไม้ไผ่ที่ถูกเปิดออกมาแล้ว ขมวดคิ้วพลางพูดขึ้นมาว่า“เสียนเฟยเนี๊ยงเนี๊ยงให้คนส่งข่าวมาแล้ว ให้พวกเรารีบกลับไป หลายวันก่อนเฟยฮุยได้ขึ้นเป็นฮองเฮาคนใหม่แล้ว ตระกูลตงฟางอยู่เบื้องหลังของฮุยเฟย ได้ให้การสนับสนุนซ่านเซิ่งหานเป็นรัชทายาท แต่เรื่องที่แปลกก็คือ นอกจากกลุ่มของเมิ่งซู่ ”
“เขาไปเป็นกบฏทรราชตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”ซ่านจินจื๋อถามขึ้น
“เขาเริ่มติดต่อกับกู้เฉิงตั้งแต่อายุสิบกว่าขวบ รวมถึงเขายังอาศัยอำนาจของกู้เฉิงเข้าควบคุมด่านชายแดนให้มั่นคง ฮ่องเต้กับพวกขุนนางจำนวนไม่น้อยต่างคิดว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ เพราะว่าซ่านต้วนเฟิงเป็นแพะรับบาปของซ่านเซิ่งหาน แต่ตงฟางเซ่อของฮองเฮากลับหนุนหลังให้กับซ่านเซิ่งหาน มาวันนี้อ๋องจิ้งท่านหากกลับไปพร้อมกับอ๋องจงผิง เกรงว่าถึงเวลานั้นท่านกับซ่านเซิ่งหานจะต้องถูกต้าหลี่เซ่อไต่สวนเป็นแน่”ฉีหรัวขมวดคิ้วแน่น ถึงนางที่แม่ค้าก็รู้ถึงความลับในนั้น
ถ้าหากซ่านเซิ่งหานกับซ่านจินจื๋อทั้งสองคนมีความเป็นไปได้สูงที่สุดที่จะถูกฮ่องเต้ไต่สวน ถ้าอย่างนั้นองค์ชายที่เหลือก็จะโอกาสเท่าเทียมกัน
แต่ในขณะเดียวกัน คนร้ายที่อยู่เบื้องหลังคือใครกัน คนที่ลงมือกับฮ่องเต้เป็นใคร ไม่สามารถที่จะตัดสินได้
อย่างไรเสียพอกลับไปที่เมืองเทียนเหยียนแล้ว ไม่เพียงแค่องค์ชายเก้าที่สามารถสืบทอดบัลลังก์ของฮ่องเต้ได้ องค์ชายที่เหลือที่อายุสิบกว่าปีก็มีโอกาสเหมือนกัน อีกทั้งมารดาของพวกเขายังอยู่ในวังหลัง นอกเสียจากหาคนที่ลงมือวางยาฮ่องเต้จนเจอ……
“เพราะฉะนั้นเขาเคยก่อกบฏทรราชจริง”หงเซียวกลืนน้ำลายดังเอือก นี่เป็นโทษร้ายแรง“เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว พวกเราก็ไม่สามารถเป็นพันธมิตรกับเขาได้แล้วสินะ”
“ที่ซ่านเซิ่งหานสามารถก้าวมายินอยู่ในจุดทุกวันนี้ได้ ไม่ใช่คนโง่ ตอนนั้นเขาไม่มีใครให้พึ่งพา บรรดาพี่น้องยิ่งไม่ชอบรัชทายาทอย่างเขา ตอนนั้นเขาให้กู้เฉิงมาคอยหนุนหลังให้เขาก็ไม่ใช่เรื่องที่ทำไม่ได้ แต่พูดถึงการก่อกบฏแล้ว ข้ามีความเห็นพ้องต้องกันกับเวยเอ๋อ จะทำไม่ได้เป็นอันขาด”ซ่านจินจื๋อหัวเราะอย่างเยาะเย้ยไปหนึ่งครั้ง ถ้าหากเขาทำอะไรมามากมายที่เป็นการทรยศต่อบ้านเมือง มาวันนี้บัลลังก์ฮ่องเต้อยู่ในมือของเขานานแล้ว อย่างไรเสียตอนนั้นกู้เฉิงก็มีอำนาจใหญ่โตคับฟ้า ก็ไม่เห็นว่าซ่านเซิ่งหานจะได้รับประโยชน์อะไรมากนัก
ฉีหรัวรีบพูดขึ้นมาว่า“ไม่เพียงแต่เท่านี้ ฮ่องเต้ยังมีราชบัญชาส่งตัวพวกขุนนางไปจับตัวซ่านเซิ่งหานมา”
“เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เขาจึงไม่สามารถส่งสารได้อีกแล้ว”ซ่านเชียนหยวนที่จัดการเก็บกวาดเรื่องเมื่อสักครู่เสร็จแล้วจึงเดินตามเข้ามา เห็นเสื้อผ้าอันสะอาดเรียบร้อยของฉีหรัว เพียงแต่ก้าวถอยหลังแล้วเก็บมือที่เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดไปสองสามก้าว
“ดูท่าแล้วขุนนางพวกนั้นจะมีหลักฐานอยู่เยอะพอตัว แต่คงไม่มากขนาดนั้น”สายตาของซ่านจินจื๋ออันตรายมาก ดูท่าแล้วคนที่อยู่เบื้องหลังเตรียมที่ถอยหลังเดินออกมา แต่พอนึกขึ้นมาได้“เรื่องความเป็นอมตะนั่นที่ด่านลั่วส่วย……”
“ฮ่องเต้อนุญาตส่งสารให้พี่สามอยู่ต่อเพื่อจัดการ แต่ต้องมีขุนนางท้องที่กับราชทูตสองคนคอยจับตาดูไว้”ฉีหรัวพูดเช่นนี้ แล้วจึงหยิบจดหมายลับออกมา“อีกอย่าง ขุนนางของเอ่อตานให้ส่งตัวกู้อ้าวเวยออกมา พอฮ่องเต้ปฏิเสธแล้ว แสดงให้เห็นว่าในเมื่อทั้งสองแคว้นมีสัมพันธไมตรี ควรจะต้องเชื่อและไว้ใจซึ่งกันและกันไป จึงตัดสินใจส่งองค์ชายหกไปเปลี่ยนที่เอ่อตาน แสดงความจริงใจ”
เรื่องยิ่งวุ่นวายขึ้นเรื่อยๆ
ซ่านจินจื๋อไม่มีวิธีที่จะไปแก้ไขจัดการปัญหาเรื่องพวกนี้ ได้เพียงแต่บีบนวดขมับอย่างปวดหัว“มาวันนี้ดูท่าแล้ว มีวิธีเดียวคือการไปเทียนเหยียน ถึงจะสามารถรู้ได้ว่าตกลงพวกเขากำลังทำอะไรอยู่กันแน่”
“มีเพียงวิธีการนี้จริงๆ……”ซ่านเชียนหยวนหัวเราะแห้งๆไม่กี่ครั้ง แล้วมองไปที่ฉีหรัวอย่างทำอะไรไม่ได้“เจ้าไปอินโจวดีกว่า……”
“ข้าต้องไปตามหากู้อ้าวเวย”ฉีหรัวเอามือกอดอกแล้วส่ายหัวไปมา สายตาไปตกอยู่ที่บนตัวของหงเซียว “ช่วงนี้ข้าขอยืมตัวหงเซียวหน่อยได้หรือไม่?”
“กู้อ้าวเวยเป็นอย่างไรบ้างแล้ว?”ซ่านเชียนหยวนก็นึกว่าตัวเองพลาดอะไรไป
“เพียงแค่สัมผัสพิเศษของสตรีอย่างข้าแค่นั้นเอง อย่างไรเสียพวกเจ้าต่างมีเรื่องสำคัญที่ต้องทำ ไม่สามารถดูแลนางได้”ฉีหรัวส่ายศีรษะไปมา เดินไปยืนข้างๆของซ่านเชียนหยวนเพื่อเช็ดฝุ่นและคราบเลือดบนใบหน้าของเขา“อย่างไรเสียนางก็เป็นเพียงแค่หญิงสาวคนหนึ่ง”
ซ่านเชียนหยวนยืนตัวแข็งอยู่กับที่ แต่ซ่านจินจื๋อกลับคิ้วขมวดเป็นปมแน่น แล้วมองไปยังหงเซียว“ปกป้องพวกนางไว้ดีๆ”
“ข้าจะดูแลให้ดี”ศีรษะของหงเซียวยุ่งเหยิงเหมือนหัวกระเทียม
“ท่านอ๋อง เรื่องที่ต้องจัดการสำคัญกว่า”เฉิงซานเดินไปยังข้างหน้า“คนรักถึงแม้จะสำคัญ แต่เทียบกับตัวประกันที่ต้องมีชีวิตต่อไปในภายภาคหน้านั้นสำคัญกว่า”
ซ่านจินจื๋อพยักหน้า แล้วยักคิ้ว“คืนนี้กลับเทียนเหยียนกัน”
เขาจะจัดการเรื่องที่อยู่ในมือ แล้วค่อยนำกู้อ้าวเวยมาไว้ข้างกายเขาให้ได้
แล้วหลังจากนั้น พวกเขาก็จะไม่ต้องกังวลเรื่องการใช้ชีวิตอย่างสงบสุข นางสามารถไปเปิดโรงเรียนหรือโรงพยาบาลได้ และเขาก็สามารถชดเชยวันเวลาที่เขาไม่ได้อยู่ข้างกายนาง
เวยเอ๋อ รอข้าหน่อยนะ
……
หยุนชิงหยางรู้ดีว่าเหตุใดนางถึงไม่ฟื้นขึ้นมาสักที เป็นเพราะหลังจากสองวันที่ได้พบเจอกับกู้อ้าวเวยแล้ว
เขาใช้เวลาในการนั่งคิดเรื่องที่เหตุใดนางถึงหลับไม่ตื่นมานาน สุดท้ายต้องตัดสินใจ เลือกหลานสาวที่ไม่คิดสู้ของตัวเองแล้ว
ไม่ใช่การหลบหนี เพียงแต่เป็นความสัมพันธ์ที่บริสุทธิ์ นำเรื่องจริงเก็บซ่อนไว้ในความฝันไว้ให้หมด
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ถึงซ่านต้วนเฟิงคิดอยากจะทำร้ายคนใกล้ชิดหรือขู่ก็ไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้ว เพราะว่านางตกอยู่ในภาวะหลับใหล‘จริงๆ’
ซ่านต้วนเฟิงมองดูดวงตาแดงก่ำของหยุนชิงหยาง สุดท้ายก็ทนไม่ไม่ไหว “ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!”
“เป็นเพราะก่อนหน้านี้เวยเอ๋อได้รับพิษมากเกินไป และมีการจดบันทึกรากถุงน้ำดีหงส์ในปริมาณที่น้อย ข้าก็ไม่อาจช่วยอะไรได้แล้วจริงๆ”หยุนชิงหยางจับมือของกู้อ้าวเวยจนแน่น แน่นอนว่าเขาที่เป็นท่านตาของนางไม่อาจเปิดเผยคำโกหกของนางได้ ทำได้เพียงแค่ทำผิดซ้ำซ้อน
แต่ถ้าหากใช่ เวยเอ๋อไม่สามารถฟื้นตื่นขึ้นมาได้อีก…