บทที่ 749 สงสัย
“ข้ารู้แล้ว ข้าจะกลับไปตรวจสอบดู” ฉีหรัวพยักหน้า
“เช่นนั้นก็รบกวนเจ้าแล้ว ตอนนี้เจ้าเอาใบสั่งยาตัวปัจจุบันมาให้ข้าดู หากมีจุดไหนที่พอจะปรับได้ ระยะหลายวันนี้ข้าคิดเสร็จแล้วว่าจะส่งคนไปนำไปให้เจ้า” กู้อ้าวเวยยิ้มตาหยีก่อนหมุนกายออกจากด้านข้างของฉีหรัว เดินมาหย่อนตัวนั่งลงที่โต๊ะ ฉีหรัวก็บอกนางว่าของวางอยู่ที่ไหน
ดูเหมือนว่าทั้งสองคนจะสันทัดจัดเจนกับเรื่องนี้ดี หงเซียวเองก็มองสตรีที่แสนอ่อนโยนตรงหน้าด้วยแววนับถืออย่างเงียบๆ
หากกล่าวว่ากู้อ้าวเวยคิดรอบคอบ ทั้งยังสามารถอ่านใจคนได้ดูคล้ายธิดาอสูร เช่นนั้นฉีหรัวก็ไม่ได้แตกต่างจากสตรีสามัญทั่วไป สิ่งเดียวที่แตกต่างก็คือความก้าวร้าวของฉีหรัวมีไม่มากนัก ยิ่งไม่อาจคาดเดาผู้คนไปในทางชั่วร้ายได้เลย แสดงให้เห็นถึงความสมจริงมากยิ่งขึ้น
ทว่ารอจนกระทั่งตอนที่หงเซียวเสียเกมตาที่ห้า ความคิดเช่นนี้ก็เริ่มเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“ให้ข้าเล่นกับเขาเถิด” กู้อ้าวเวยเริ่มจะทนมองต่อไปไม่ไหวแล้ว นางเพิ่งจะอ่านสูตรยาได้เพียงครู่เดียว ฉีหรัวก็เอาชนะหงเซียวห้าเกมรวดเสียแล้ว แม้จะมีเฉิงซานคอยชี้แนะอยู่ข้างๆ หงเซียวก็ยังแพ้จนไม่เหลืออะไรเลยอยู่ดี
“ท่านคงเล่นสูสีกับเขาได้” ฉีหรัวเองก็ได้แต่ค่อยๆ หยัดกายขึ้นเนิบนาบ เปลี่ยนที่นั่งกับกู้อ้าวเวย คราวนี้ก็เงยหน้าขึ้นมองเฉิงซานปราดหนึ่ง “เจ้าจ้องกู้อ้าวเวยออกจะนานเกินไปหน่อย เจ้ากับหงเซียวล้วนไม่ได้อยู่ข้างกายอ๋องจิ้งกับอ๋องจงผิง แบบนี้จะดีหรือ?”
เฉิงซานนิ่งงันเล็กน้อย จากนั้นจึงรีบร้อนกล่าว “เมื่อกล่าวเช่นนี้ ผู้น้อยจะไปดูเดี๋ยวนี้”
มองส่งเฉิงซานจากไป ยามที่ฉีหรัวหย่อนกายนั่งกลับค่อนข้างเหม่อลอยเล็กน้อย
สายตาที่เฉิงซานคนนี้มองไปยังกู้อ้าวเวยดูคล้ายจะมีแววปรปักษ์อยู่หลายขนัด ทว่ารอกระทั่งนางหันหน้าหมายจะไปสำรวจสีหน้าท่าทางของกู้อ้าวเวยสักหน่อยนั้น กลับค้นพบว่านางจับขอบโต๊ะหมายจะพิฆาตหงเซียว เพียงเพราะเกมหมากกระดานที่เพิ่งเปิดฉากเมื่อครู่ออกจะดูเด็กเกินไป ดวงตาหงเซียววาววับ กู้อ้าวเวยยังคงนิ่งงันอยู่ตรงนั้นไม่รู้ว่าควรวางตรงไหน
ก็ไม่รู้ว่าใครสอนใคร
ฉีหรัวกระตุกมุมปาก ภายในใจกลับเคลือบแคลงสงสัยต่อเฉิงซาน
แม้จะบอกว่าบางครั้งกู้อ้าวเวยแสดงออกอย่างเหลือร้ายไปหน่อย แต่ในใจกลับไม่ได้เลวร้าย อีกอย่างเวลาส่วนใหญ่นางล้วนแยกแยะถูกผิดได้เสมอ หากเฉิงซานคนนี้คิดจะทำร้ายกู้อ้าวเวยจริงๆ นางในฐานะสหายย่อมไม่อาจอยู่เฉยๆ เป็นแน่
ส่วนเฉิงซานบรรลุถึงเบื้องหน้าของซ่านจินจื๋อแล้ว โค้งคำนับต่อท่านอ๋องทั้งสอง คราวนี้จึงปริปากกล่าว “พระนางท่านนั้นกำลังเล่นหมากกระดานกับคุณหนูฉีและหงเซียวอยู่ขอรับ”
ซ่านจินจื๋อยังคิดอยากไปพบคุยเรื่องบางอย่างกับนาง ทำเพียงปาดหยาดเหงื่อบนหน้าผาก “ข้าจะเข้าไปดูหน่อย”
“ท่านอ๋อง” เฉิงซานก้าวไปเบื้องหน้าหนึ่งก้าว ค่อนข้างจนปัญญา “พระนางกับคุณหนูฉีดีร้ายก็เป็นสหายกัน เวลาเนิ่นนานขนาดนี้ยังไม่ได้พูดจากันดีๆ เลย ท่านกับอ๋องจงผิงหากว่าติดแน่นกันเกินไป กลัวว่าจะทำให้ในใจของพระนางกับคุณหนูฉีออกจะ…”
ซ่านจินจื๋อทำหน้าบึ้งตึง แปลกใจว่าเหตุใดเฉิงซานถึงได้เสนอคำแนะนำเช่นนี้ออกมา
ซ่านเชียนหยวนที่หายใจหอบฝุ่นคลีคลุกทั่วกายกลับพยักหน้า “ใช่แล้ว ท่านอา ท่านออกจะตัวติดกับนางเกินไปหน่อย ท่านลองคิดว่าหากท่านพูดคุยกับพี่น้อง นางยังอยู่ข้างกายไม่ห่างแม้เพียงคืบ ท่านสบายใจหรือ? ข้าอยู่ข้างกายหรัวเอ๋อเพื่อปกป้องมากขึ้นยังถูกรังเกียจเชียว ท่านควรอยู่เพียงลำพังบ้างแล้ว”
เปลือกตาของซ่านจินจื๋อก็พลอยกระตุกขึ้นมา
เจ้าเด็กนี่สั่งสอนใครอยู่!
เมื่อนึกถึงจุดนี้ สีหน้าของซ่านจินจื๋อก็เย็นชาไปโดยสิ้นเชิง หมุนกายมุ่งตรงไปคว้าคอเสื้อของซ่านเชียนหยวน แล้ววกกลับเข้าไปในโรงฝึก “เช่นนั้นก็ออกกำลังกายอีกสักตั้ง”
ซ่านเชียนหยวนรู้สึกเพียงว่ายกก้อนหินหล่นกระแทกเท้าของตน
ทว่าในใจซ่านจินจื๋อรู้สึกอยู่ไรๆ ว่าเรื่องพวกนี้ดูแปลกประหลาด
ในขณะเดียวกัน กู้อ้าวเวยเล่นหมากกระดานกับหงเซียวไปพลาง ความคิดในใจก็สะสมกองรวมกันทีละน้อย
ความโกลาหลวุ่นวายในตอนนี้ถ้าหากเกิดจากคนกลุ่มเดียวกันจริงๆ เช่นนั้นเป้าหมายของคนกลุ่มนี้ก็ไม่ได้มุ่งตรงไปที่เป้าหมายตั้งแต่แรก หากแต่เป็นการถ่วงเวลาระหว่างทางในการค้นหาเป้าหมายหรือไม่ก็บรรลุเป้าหมาย
ถูกหงเซียวพิฆาตโดยไม่เหลือเกราะกำบังเลยสักแถว กู้อ้าวเวยบุ้ยปาก พลางถอนหายใจหนักๆ หนึ่งเฮือก “ทำไมข้าแพ้อีกแล้ว?”
“ก็ความสามารถในการวางหมากแบบนั้นของท่าน แม้แต่หยินเชี่ยวในตอนนี้ยังเอาชนะท่านได้เลย” ฉีหรัวเปิดโปงนางอย่างไร้ปรานี เหลือบเห็นกู้อ้าวเวยมีอาการคอตก จึงกล่าวต่อไป “แต่ว่าพูดย้อนกลับไปแล้ว สถานการณ์ตอนนี้ตึงเครียดนัก ความวุ่นวายกับเรื่องของความเป็นอมตะนี้แทบจะดำเนินการในเวลาเดียวกัน ท่านไม่กังวลใจเลย?”
“ข้าย่อมกังวลอยู่แล้ว แต่คิดไปคิดมา แม้ข้าจะกังวลจนหลับไม่ลงในยามกลางคืน คนที่อยู่เบื้องหลังผู้นี้ก็ลงมืออยู่ดี และคนที่สนใจเรื่องความเป็นอมตะยิ่งกระตือรือร้น ไยข้าต้องทรมานตัวเองด้วย ไม่สู้ตระเตรียมทุกอย่างไว้พร้อม เพื่อช่วงเวลาที่จำเป็นดีกว่า” กู้อ้าวเวยยืดเอวบิดขี้เกียจ เก็บหมากสีขาวของตนกลับคืนมาทีละตัว กล่าวกับหงเซียวว่า “เจ้าชอบผู้หญิงแบบไหนกัน กลับไปให้ฉีหรัวเฟ้นหาให้เจ้าสักคน”
หงเซียวนิ่งงันไป จากนั้นฉีหรัวที่อยู่ด้านข้างก็พลอยหัวเราะเบาๆ ขึ้นมา “นี่ท่านจะเอาคนมาจากมือของซ่านจินจื๋อแล้ว”
“แน่นอนอยู่แล้ว หงเซียวอาศัยอยู่ชายแดนเป็นเวลานาน สู่ขอภรรยาไม่ได้เสมอมา อีกอย่างถ้าหากสามารถต้องตาคนที่เจ้าแนะนำ วันหน้าก็จะมีผลดีต่อความสัมพันธ์ระหว่างอ๋องจงผิงและซ่านจินจื๋อ อย่างน้อยก็น่าไว้ใจ” กู้อ้าวเวยยิ้มตาหยีมองไปยังสีหน้าตื่นตระหนกของหงเซียว
หงเซียวกลืนน้ำลาย รีบโบกมือเป็นพัลวัน “ข้ายังไม่คิดเรื่องแต่งงานเลย”
“เช่นนั้นก็ไม่บังคับ พวกเราเล่นอีกสักตา ครั้งนี้เจ้าออมมือให้ข้าหน่อยแล้วกัน” ใบหน้าของกู้อ้าวเวยเจือรอยยิ้ม ดูเหมือนถ้อยคำเมื่อครู่จะเพียงแค่พูดล้อเล่น
ในที่สุดหงเซียวก็ถอนหายใจโล่งอกหนึ่งเฮือก ส่วนฉีหรัวกลับส่ายหน้าอย่างจนปัญญา
แต่ไรมากู้อ้าวเวยไม่ทำเรื่องเกินความจำเป็น ในเมื่อนางกล่าวเช่นนี้แล้ว กลัวแต่ว่าจะมีรอยแตกแยกเพิ่มขึ้นระหว่างซ่านจินจื๋อและซ่านเชียนหยวนเท่านั้น หวังว่าในนั้นจะมีคนทำหน้าที่ประสานรอยร้าว วันหน้าจะได้ไม่ถูกคนที่คิดคดคอยยั่วยุ
ดูเหมือนหงเซียวจะไร้เดียงสากว่ารูปลักษณ์ภายนอกหลายเท่านัก คราวนี้ฉีหรัวไม่ได้เปิดโปง ทำเพียงขบคิดแล้วรอหลังจากซ่านเชียนหยวนกลับเมืองเทียนเหยียนก่อนว่าควรจะยืนหยัดให้มั่นอย่างไรดี
ไม่ว่าอย่างไร ดีร้ายซ่านเชียนหยวนก็เป็นท่านอ๋องที่ได้ศักดินาอยู่แล้ว เวลานี้อาศัยอยู่เทียนเหยียนเนิ่นนานจะต้องมีคนคอยนินทา ปลุกปั่นลับหลังแน่นอน ส่วนนางย่อมต้องพิจารณาเรื่องเหล่านี้อยู่แล้ว
จนกระทั่งถึงยามพลบค่ำ กู้อ้าวเวยจึงนึกขึ้นได้ว่าต้องไปหาซ่านจินจื๋อเพื่อคุยธุระ ฝั่งเฉิงซานกลับบอกนางว่า “ในเมืองเทียนเหยียนส่งจดหมายและเอกสารราชการมาไม่น้อยเลย ท่านอ๋องปลีกตัวออกมาไม่ได้เป็นการชั่วคราว”
กู้อ้าวเวยค่อนข้างผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด ฉีหรัวที่อยู่ข้างหลังกลับเชิญชวนนางร่วมทานอาหารด้วยกัน ทั้งยังถามเรื่องของซ่านเชียนหยวนด้วย
“อ๋องจงผิงอยู่ด้วยกันกับท่านอ๋อง กลับไปครั้งนี้กลัวแต่ว่ามีเรื่องราวมากมายให้ต้องหารือกันแล้ว” เฉิงซานกล่าวด้วยท่าทางค่อนข้างจนด้วยเกล้า
กู้อ้าวเวยครุ่นคิดอยู่สักพัก นางย่อมรู้อยู่แล้วว่าซ่านเซิ่งหานดีต่อซ่านเชียนหยวนยิ่งยวด ครุ่นคิดทวนซ้ำจึงได้แต่พยักหน้า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ถ้าอย่างนั้นก็ให้พวกเขาหารือกันเถิด คืนนี้ข้าจะค้างอยู่ที่นี่ อย่างไรเสียพรุ่งนี้ยามที่ออกไปข้าก็พอจะพูดกับเขาได้สักประโยคสองประโยคอยู่ดีนั่นแหละ”
เฉิงซานพยักหน้า “ผู้น้อยจะไปเรียนเดี๋ยวนี้”
“ขอบคุณมาก” กู้อ้าวเวยพยักหน้า จากนั้นจึงย้อนกลับเข้าไปในกระโจมพร้อมกับฉีหรัว
หงเซียวที่กำลังจะจบเกมกระดานกลับมองเงาหลังของเฉิงซานเพิ่มขึ้นหลายปราด…เฉิงซานในวันนี้ ดูเหมือนออกจะแตกต่างไปเล็กน้อย
ส่วนซ่านจินจื๋อรู้ว่าวันนี้กู้อ้าวเวยจะค้างคืนอยู่ในกระโจมของฉีหรัว พลางนึกถึงคำเตือนสติของหยวนเอ๋อในวันนี้ จึงตกปากรับคำ “ตามใจนางเถิด”
เฉิงซานพยักหน้า ขอตัวออกจากกระโจม กลับไม่ได้ส่งคนไปคอยอารักขา หากแต่มุ่งตรงไปยังคุกใต้ดินแทน