บทที่ 756 เรื่องบังเอิญที่ทำให้เข้าใจผิด
“ที่เวยเอ๋อขอให้เจ้าอยู่ต่อ ก็เป็นเพราะกลัวว่าเจ้าจะไปก่อกวนต่อหน้าองค์ชายสาม มาวันนี้เพียงแค่ในระยะเวลาสั้นๆแม้แต่ข้ารับใช้ของข้าเจ้าสับสน จึงต้องจับตาดูเจ้าทุกฝีก้าว”ซ่านจินจื๋อพูดขึ้นอย่างเย็นชา แล้วจึงมองไปยังเฉิงซาน“ไปรับโทษโบยสิบครั้งเอง จำเรื่องของวันนี้ให้ดี วันหน้าก็อย่าได้สงสัยอะไรอีก”
“พ่ะย่ะค่ะ”เฉิงซานแพ้อย่างไม่ติดใจ ที่แท้อ๋องจิ้งกับกู้อ้าวเวยต่างประสบพบเจอเรื่องราวมาด้วยกันมากมาย
แก้ไขเรื่องพวกนี้อย่างรีบร้อน ซานจินจื๋อก็เช่นกัน ที่เริ่มแรกมีความงงงวยจนกระทั่งวันนี้ได้รู้ความจริงอย่างกระจ่างแจ้ง ในใจของเขากลับรู้สึกเป็นห่วงกู้อ้าวเวยมากขึ้น
กู้อ้าวเวยทำอะไรอธิบายกับคนอื่นน้อยมาก เขาเริ่มกระจ่างชัดขึ้นมาบ้างแล้ว พยายามคิดวิเคราะห์อย่างละเอียดจึงรู้ว่าเหตุใดนางต้องทำเช่นนี้ แต่หากว่าเรื่องนี้มันเกิดขึ้นกับคนอื่น การไปยุแยงหลายๆครั้งอย่างนี้จะต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่ๆ
แต่สำหรับการกระทำพวกนั้นของซูพ่านเอ๋อ ดูไปแล้วยิ่งเหมือนกับการแก้แค้นอย่างหนึ่ง
นางไม่เคยมีวันไหนที่สามารถลืมซีจือที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นมาลืมตาดูโลก
ยิ่งไม่สามารถที่จะให้อภัยซูพ่านเอ๋อได้
ตั้งแต่คนจากไป ซางนิงแง่มหน้าต่างเปิดออกมาแล้ว เห็นซ่านจินจื๋อที่ใจไม่อยู่กับร่องกับรอย จึงกระแอมเบาๆไปสองสามครั้ง “ผู้หญิงที่เจ้าหามาวุ่นวายมาก”
“เพราะว่านางเป็นตัวเจ้าปัญหาน่ะสิ ข้าก็เลยต้องไม่ชอบอย่างนั้นหรือ……”ซ่านจินจื๋อเงยหน้าขึ้นมองไปที่ซางนิงอย่างเบื่อหน่าย“ครั้งนี้เป็นเวยเอ๋อที่เอาแต่ใจ หากท่านอาวุโสไม่เป็นอะไร……”
“ข้าจะยังคงอยู่ต่อไป จะคอยรอดูว่าเจ้าเด็กคนนี้จะก่อเรื่องขึ้นมาอีก”ซางนิงนั่งอยู่ข้างๆเก้าอี้ด้วยท่าทางสบายๆ ไขว้ขาแล้วค่อยๆเอนตัวพิงกับพนักเก้าอีก“เมื่อครู่ข้าได้ข่าวมาว่า ทางเก้าเมืองได้ส่งคนกลุ่มเล็กส่งนางกลับด่านลั่วส่วยแล้ว”
“เป็นอย่างนั้นก็ดี”ในที่สุดซ่านจินจื๋อก็สามารถโล่งใจได้หนึ่งเปราะ แต่ใจของเขาก็ยังคงลงเหลือซากไว้
วันนี้ที่เย่วก่อกวนเฉิงซานไม่รู้ว่าเป็นเพราะเรื่องส่วนตัวหรือตั้งใจ ทางด้านนี้ยิ่งทำให้ไม่รู้ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังคือซ่านเซิ่งหานหรือไม่ ถ้าหากว่าซ่านเซิ่งหานเป็นหนึ่งในตัวการก่อกวน มาวันนี้ส่งตัวกู้อ้าวเวยกลับไปข้างกายเขา ก็ไม่ต่างกับส่งเข้าถ้ำเสือ
หลังจากที่นิ่งเงียบไปพักใหญ่ ซ่านจินจื๋อถึงได้เปิดปากพูดขึ้น“พวกเราน่าจะกลับเทียนเหยียนเช้าหน่อย ตลอดทาง”
“ข้าส่งคนไปสำรวจลาดเลาของด่านลั่วส่วยแล้ว ช่วงนี้มีคนปล่อยข่าวออกมาว่า เมื่อศาลเจ้าสร้างเสร็จ ก็จะเริ่มทำพิธีทำให้คนเป็นอมตะ อีกทั้งซ่านเซิ่งหานยังให้คนไปกวาดซื้อเมล็ดสนจากแคว้นเอ่อตานจำนวนมาก ส่งไปยังด่านลั่วส่วยท่ามกลางสงครามอย่างเร่งรีบ มาวันนี้ข่าวยังลือไปทั่วทั้งยุทธภพ ยังมีแม้แต่คนที่ที่คิดว่านี่เป็นเรื่องมนต์ดำ อย่างไรเสียในยุทธภพก็ยังมีคนพูดกันว่าตั้งใจฝึกปรือวรยุทธ์จะสามารถอายุยืน”พูดถึงตรงนี้ ซางนิงก็รู้สึกตลกเล็กน้อย
ซ่านจินจื๋อส่ายหัวไปมา“พวกเขาคงกินอิ่มกันมากเกินไป”
“พูดถึงเรื่องกินอิ่มก็รู้สึกสนุกขึ้นมาแล้วล่ะ”ซางนิงพูดถึงตรงนี้ดวงตาก็เป็นประกายขึ้นมา แล้วจึงพูดอย่างขบขัน“ข้าส่งคนไปสืบที่หลิ่งหนานตระกูลหยุนมาแล้ว รวมถึงตำราบันทึกเรื่องราวในตระกูล พูดถึงก็ใช้เวลาหามาสามสี่ปีแล้วล่ะ เจอเรื่องที่น่าสนใจเรื่องหนึ่ง”
“ทำไม?”ซ่านจินจื๋อรู้เรื่องนี้ดี ในวันที่เขาแต่งงานกับกู้อ้าวเวย ซางนิงก็ส่งคนไปสืบตระกูลของกู้อ้าวเวยอย่างละเอียด แม้แต่ในเรื่องเล็กๆน้อยๆในวัยเยาว์ของกู้จี้เหยาก็ขุดออกมาจนหมด เพียงแต่ถูกกู้เฉิงปิดบังไว้จึงทำให้ไม่พบพิรุธอะไร แต่กลับทำให้ตระกูลหยุนเป็นปริศนา ในตอนนั้นเขาก็ด่วนตายจากไปเสียก่อน จึงส่งคนไปสืบไม่น้อย
“ก่อนหน้าบรรพบุรุษของตระกูลหยุนรุ่นที่หนึ่งในตอนนั้น แผ่นดินใหญ่ยังขาดแคลนอาหารยากแค้นอัตคัด แต่สิ่งที่ประสบความสำเร็จที่สุดของฮ่องเต้คนแรก นั่นก็คือเปลี่ยนแปลงการทำเกษตร ผ่านการพัฒนามาแล้วหลายปี เพราะฉะนั้นพวกเราถึงได้อยู่ดีกินดีได้ อีกทั้งมีเรื่องที่ถูกจดไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ไม่น้อยเลย บรรพบุรุษของตระกูลหยุนยังถูกเรียกว่าสตรีที่ไร้ยางอาย และยังหลงเหลือความอัปยศอดสูที่ถูกจารึกไว้ในตำราไม่น้อยให้บัณฑิตได้อ่าน แต่สตรีสองคนของตระกูลหยุนแข็งแกร่งมาก อีกทั้งยังสนับสนุนให้สตรีเป็นใหญ่”พูดถึงตรงนี้ ซางนิงก็หยิบตำราสามสี่ม้วนออกมา วางไว้บนโต๊ะ“ไม่เพียงแค่บรรพบุรุษเคยใช้ แม้แต่กู้อ้าวเวยก็เคยใช้มาก่อน คำพูดของพวกนางอย่างคล้ายกันอีกด้วย”
ในสองเล่มนี้เป็นข้อมูลทางประวัติศาสตร์ที่ถูกจารึกไว้ในตำราของบรรพบุรุษของตระกูลหยุน เก่าทรุดโทรมเป็นอย่างมาก
แต่อีกสองเล่มนั้น พูดได้ว่าเป็นสิ่งที่กู้อ้าวเวยร่างไว้ในชีวิตประจำวัน จำนวนเยอะมาก อีกทั้งซางนิงยังใช้เวลาในการเปรียบเทียบฉบับร่างที่เหลืออยู่ในจวนอ๋องจิ้งเป็นเวลานานมาก ถึงมีของพวกนี้ได้
แต่กู้อ้าวเวยก็เคยบอกว่านางไม่ใช่คนที่นี่ แต่ฮ่องเต้คนแรกเป็นคนเปิดทางให้บรรพบุรุษของตระกูลหยุน ก็เช่นเดียวกับ
ซ่านจินจื๋อแวบเดียวก็รู้ได้เลยว่า ตัวหนังสือที่ทั้งสองเขียนเป็นตัวเดียวกับตัวอักษรที่ถูกสลักอยู่บนป้ายหินคนตายของตระกูลหยุนมีความคล้ายกันมาก ……
กำม้วนตำราในมือแน่น“ถ้าเป็นไปตามที่ว่ามานี้.…..”
“ถึงแม้ข้าจะไม่เชื่อเรื่องภูตผีวิญญาณ แต่ไม่พูดไม่ได้ ความบังเอิญที่ทะลุผ่านกาลเวลามานานนับพันปีก็เป็นเรื่องน่าขนลุกเหมือนกันนะ”ซางนิงพูดเช่นนี้ พร้อมกับสายตาจริงจัง“อีกทั้ง สิ่งที่บรรพบุรุษของตระกูลหยุนคนนั้นทำมาทั้งหมดนับไม่ถ้วน เพียงแต่มีคนน้อยมากที่จะไปใส่ใจกับเรื่องที่บอกคนอื่นไม่ได้”
ซ่านจินจื๋อขมวดคิ้วเป็นปมแน่น“นอกเสียจากว่า.…..”
“เวลาที่คนทั้งสองปรากฏขึ้น ต่างเป็นเวลาที่กำลังเปลี่ยนแปลง อีกทั้ง เป็นเรื่องของการอยู่อย่างอมตะถูกนำกลับขึ้นมาบนลานใหม่อีกครั้ง ข้าเชื่อแม้กระทั่งพวกเขาคือคนที่ฟ้าส่งลงมา แม้แต่โชคชะตายังเหมือนกันขนาดนี้ ดูท่าแล้วบรรพบุรุษคนนั้นก็คงจะเป็นกังวลกับเรื่องเป็นอมตะอยู่ไม่น้อย แต่ความลับนี้ก็ยังคงถูกเก็บไว้เป็นความลับอย่างดีในราชวงศ์ แต่สิ่งที่คาดคิดไม่ถึงไม่ใช่สืบทอดกันมา ทำให้ทุกวันนี้เจ้าต้องเป็นหนึ่งในราชวงศ์ ไม่รู้เรื่องนี้”ซางนิงขมวดคิ้วเป็นปม ราวกับคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมาก
ถ้าหากสืบอย่างละเอียด กู้อ้าวเวยกับบรรพบุรุษคนนั้นที่ไม่เหลือไว้แม้แต่ชื่อมีความคล้ายกันเป็นอย่างมาก
ซ่านจินจื๋อก็ต่างกำลังคิด“เรื่องพวกนี้เป็นเพียงเรื่องบังเอิญเท่านั้น”
ใบหน้าของซ่านจินจื๋อดูนิ่งสงบไร้ความรู้สึกใดๆ ซางนิงสงสัยก่อน แล้วกลับจากนั้นก็ขมวดคิ้วแน่น“เจ้ารู้เรื่องอะไรแล้วใช่หรือไม่?”
“หรือกู้อ้าวเวยในตอนนั้นจะตายไปแล้ว อย่างไรเสียได้ยินมาว่าบรรพบุรุษตระกูลหยุนคนนั้นก็เป็นคนที่ถูกหมู่บ้านชาวประมงช่วยชีวิต”ซ่านจินจื๋อพูดอย่างไม่หยุด และเขาก็เชื่อเรื่องนี้อย่างไม่สงสัยอะไรเลย หรือตั้งแต่เริ่มต้น สตรีของตระกูลหยุนทั้งสองคนนี้ไม่ใช่คนของยุคนี้ การมาของพวกนาง เป็นเหมือนกับการดาวร้ายก็ไม่ปาน จะมาทำให้เกิดอาเพศ
ซางนิงกำลังครุ่นคิด แล้วเอ่ยขึ้นเสียงต่ำ“ถ้าอย่างนั้นสตรีเช่นนี้ เหตุใดเจ้าต้องเชื่อใจด้วย ถ้าหากพวกนางเป็นปีศาจสาวจริงๆ……”
“ข้าเชื่อว่านางไม่ใช่คนที่นี่ แต่จะไม่ยอมเชื่อว่านางเป็นปีศาจสาว”ซ่านจินจื๋อส่ายหัวไปมาเบาๆ ยกมือขึ้นแล้วนำสิ่งที่กู้อ้าวเวยเขียนไว้มาจัดวางเรียงไว้อย่างดี แล้วเอ่ยขึ้นเสียงต่ำ“แต่สิ่งที่เจ้าหามาได้พวกนี้ ก็บอกเรื่องหนึ่งกับข้าได้เหมือนกัน”
“อะไรนะ?”ซางนิงที่ยังไม่หายตกตะลึงกับเรื่องเมื่อครู่ เสียงในตอนนี้เต็มไปด้วยความสั่นเครือ
เพราะฉะนั้นกู้อ้าวเวยไม่ใช่คนที่นี่ แต่ซ่านจินจื๋อทั้งๆที่รู้อยู่แล้ว แต่กลับยังตั้งใจจะไปให้หญิงสาวที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าเบื้องลึกหรือเบื้องหลัง
“ราชวงศ์ตระกูลซ่านไม่ได้เหลือไว้เพียงคำพูดไม่กี่คำ หรืออาจจะเป็นไปได้ว่าไม่ใช่ว่าไม่มีผู้สืบทอด แต่ตั้งแต่ตอนแรก บรรพบุรุษของตระกูลหยุนคนนั้นไม่ได้เหลือสิ่งของใดไว้ให้สืบทอด ปริศนาความอมตะ หรืออาจจะเป็นอย่างที่เวยเอ๋อพูดไว้ว่า เป็นเพียงข้ออ้างที่จะหาคนที่ราชสกุลหนึ่งคนมาปกป้องตระกูลหยุน”สายตาของซ่านจินจื๋อกวาดมองไปแวบหนึ่งอย่างเย็นชา“เบาะแสทั้งหมดตั้งแต่แรกเป็นเพียงสิ่งที่พวกเขาคาดเดากันไปเอง สิ่งของที่ตระกูลหยุนหลงเหลือไว้จริงๆ นั่นก็คือลูกหลานนับหมื่นนับพันรุ่น ปริศนาความเป็นอมตะนั้น ถูกเปิดเผยนานแล้ว”