บทที่782 ไม่ต้องอาลัยอาวรณ์
ห้องชั้นบนมีพ่อค้าที่มีชื่อเสียงพักอยู่ ได้ยินมาว่าเป็นเพื่อนของฉีหรัว
องครักษ์ของตำหนักอ๋องจงผิงยังคงยืนอยู่นอกประตู ฉีหรัวเดินขึ้นมาในชุดผ้าโปร่งสีขาวราวกับหิมะ นางให้คำชมเชยเป็นเงินสองตำลึงกับชายหนุ่มเพื่อปิดปากคนชอบพูดที่อยู่ข้างล่าง “อาหารอร่อยทุกโต๊ะ วันนี้มีความสุขมาก”
“ค่ะ!” คนรับใช้เสี่ยวเอ้อจับราวบันไดตะโกนรับรายการอาหาร
ผู้คนด้านล่างต่างพากันพูดถึงฉีกรัวว่านางได้พบกับเพื่อนหรือว่าคนรักเก่ากันแน่และยังหัวเราะเยาะอ๋องจงผิงที่ถูกถรรยาสวมเขา
แต่เมื่อเปิดประตู มองคนคุ้นเคยที่อยู่ในห้อง ฉีหรัวก็หุบยิ้มในทันที และมองไปยังซ่านเชียนหยวนด้วยความไม่พอใจ พลางมองไปอีกด้านหนึ่งก็คือองค์ชายสามที่ควรจะอยู่ในคุกใต้ดินของต้าหลี่ซื่อ
ตอนนี้ซ่านเซิ่งหานถอดชุดของคุกใต้ดิน ออกแม้เขาจะสวมชุดหรูหราสวยงามเหมือนกับซ่าเชียนหยวน แต่การกระทำของเขานั้นสง่างามใบหน้าที่อบอุ่นนั้นมีเพียงความเย็นชาและดวงตาที่แหลมคม
ตอนนี้ฉีหรัวยิ่งเห็นได้ชัดว่าซ่านเซิ่งหานแตกต่างกับพี่น้องของเขา
“พวกที่พูดพล่ามอยู่ข้างล่าง รอหน่อยเถอะกลับไปข้าจะให้คนมาแก้แค้น” ซ่านเชียนหยวนทำลายความเงียบด้วยความไม่มีเหตุผลของตนเอง จากนั้นจึงลุกขึ้นไปข้างหน้าฉีหรัว แล้วดึงนางให้นั่งลง พลางรินชาแล้วส่งให้นาง
ฉีหรัวมองเขาและไม่ได้ตัดพ้อต่อว่าแต่อย่างใด เขาก็ยังคงเป็นองค์ชายสี่ที่คอยก่อเรื่องให้น้องๆ จากนั้นนางก็หยิบน้ำชาแล้วพูดว่า “พวกเจ้าออกมาจากคุกใต้ดินได้อย่างไร?”
“เสด็จพ่อรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว เพียงแต่ข้ากับเสด็จอาไม่นึกเลยว่าความแค้นในอดีตจะมลายหายไป” ซ่านเซิ่งหานพูดด้วยเสียงเย็นชา ถ้วยในมือของเขาย้ายไปอีกทางหนึ่ง ดูเหมือนว่าเขาจะไม่พอใจที่น้ำชาสีเข้มกระฉอกใส่แขนเสื้อและนิ้วมือของเขา
ฉีหรัวมองซ่านเชียนหยวนอย่างอธิบายไม่ถูกและดูเหมือนนางจะไม่เข้าใจความหมายของประโยคเหล่านั้น
“เสด็จพ่อแอบปล่อยข้าออกมา และกำบังเพื่อไปสืบเรื่องของน้องเก้า” ซ่านเซิ่งหานพูด
อีกด้านหนึ่งซ่านเชียนหยวนเอากล่องไม้ค่อนข้างใหญ่ออกมาจากใต้โต๊ะ ฉีหรัวรู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ จนกระทั่งได้เห็นสิ่งที่อยู่ในกล่องไม้ ดวงตาของนางก็เบิกโพลง “นี่คือ…..”
ซ่านเชียนหยวนปิดกล่องไม้ จากนั้นผลักไปด้านหน้าของซ่านเซิ่งหาน แล้วพูดด้วยความสนใจว่า “นี่คือทุกอย่างที่เตรียมไว้เพื่อเจ้าตั้งนานแล้ว หวังว่าพี่สามจะไม่ระแวงมากเกินไป”
ทันใดนั้นซ่านเซิ่งหายก็เปลี่ยนสีหน้า ทว่าฉีหรัวกลับมองซานเซิ่งหายแล้วยิ้มด้วยความขมขื่น
ในขณะที่สบตากัน ซ่านเซิ่งหานลูบหน้าผากด้วยความเจ็บปวด ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย “ข้าก็แค่……”
“ข้าเคยถูกสิ่งเหล่านี้ทำให้ลำบากใจ ตอนนี้ข้าก็กตัญญูต่อพ่อแม่มาตลอด ปกป้องพี่น้องข้าก็รู้ ในตอนนั้น ข้าเป็นเพียงเด็กดื้อที่ยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม” เพียงแค่คิดว่าพ่อไม่เคยเห็นข้าเป็นลูก เขาเพียงแค่อยากจะแต่งงานกับนาง
แต่เมื่อนางกลับมา เห็นฉีหมิงสุดจะทนกับบัญชีรายชื่อสามีที่ทั้งหนักและหนาวางอยู่บนโต๊ะ ก็เพิ่งจะรู้สิ่งที่พ่อต้องการ ทว่านางก็สามารถแต่งงานกับครอบครัวที่ดีได้ เราเลือกครอบครัวที่วงศ์ตระกูลปานกลางเพียงเพื่อจวนฉีจะได้สามารถให้การสนับสนุนกับนาง สามีตำแหน่งขุนนางระดับสูงเหล่านั้น กลับถูกเลือกอย่างละเอียดถี่ถ้วนเพราะกลัวว่าจะมีคนพฤติกรรมไม่ดีและไม่สามารถปกป้องนางได้ในภายภาคหน้า
แล้วซ่านเซิ่งหานล่ะ?
ด้วยเหตุนี้ ทั้งสองคนจึงเห็นใจกัน แล้วซ่านเซียนหยวนก็ลุกขึ้นไปข้างหน้าเพื่อปิดบังสายตาของซ่านเซิ่งหาน “พี่สาม เจ้าอยู่ไม่ไกลจากบัลลังก์อย่าคิดถึงหญิงสาวที่ไม่เกี่ยวข้อง”
เมื่อสติของฉีหรัวกลับมา นางก็หัวเราะไม่หยุด
ในที่สุดซ่านเซิ่งหานก็เข้าใจว่าเพราะเหตุใดในทุกๆวันเสด็จอาจึงมองเขาด้วยแววตาสำนึกเสียใจ เขาวางถ้วยชาลงแล้วส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้ “แต่ว่ามันก็เป็นสถานการณ์ไม่ดีเช่นกัน จะว่าไป ข้าก็อยากรู้ว่าเวยเอ๋อ ปลอดภัยหรือไม่”
“เจ้ายังไม่ยอมแพ้นางอีกรึ?” ซ่านเชียนหยวนอ้าปากกว้าง
“ไม่เคยยอมแพ้” ซ่านเซิ่งหานยอมรับอย่างตรงไปตรงมา เมื่อเทียบกับการหลบซ่อนของเมื่อก่อน จนกระทั่งตอนนี้กล่องไม้ได้ส่งถึงมือของเขาและเขาก็เพิ่งจะเข้าใจว่าตนเองไม่ได้ถูกปล่อยปละละเลย กลับตรงกันข้ามเสด็จพ่อคาดหวังในตัวเขา “ในเมื่อข้าทำดีกว่าเสด็จอาและปฏิบัติต่อนางอย่างอ่อนโยน เหตุใดนางจึงเลือกเสด็จอา? ใครๆก็รู้ว่าเสด็จอาเคยตกหลุมรักผู้อื่น แม้กระทั่งฆ่าหญิงสาวก็สามารถทำได้ ถึงแม้จะไม่ใช่ข้าแต่เสด็จอาก็ไม่คู่ควรกับเวยเอ๋ออยู่ดี”
ผู้ที่อยู่ในห้องเงียบสนิท
ฉีหรัวไม่ค่อยเห็นผู้ที่ยกย่องกู้อ้าวเวยเช่นนี้ แม้แต่ในตอนนั้นซ่านจวนฮ่าวก็ไม่ได้ปฏิบัติเช่นนี้
สติของฉีหรัวก็กลับมาที่กล่องไม้ด้วยความตกตะลึง นางพูดด้วยเสียงเบาว่า “ตอนนี้อ๋องจิ้งยังไม่กลับมา พวกเจ้าสองคนเคยบอกแผนการกับเขา”
เมื่อนางพูดจบ ซ่านเชียนหยวนก็ลูบหน้าด้วยความอึดอัดใจ จากนั้นเขาก็หยิบตำราพิชัยสงครามออกมา วางบนโต๊ะต่อหน้าซ่านเซิ่งหาน ฉีหรัวและกองทัพของเทียนเหยียน “ก่อนที่เสด็จอาจะจากไปเจาเคยบอกกับข้าว่าจะให้ทุกสิ่งที่ข้าต้องการ ตอนนี้ข้าเชื่อใจพวกเจ้าทั้งสองจึงบอกเรื่องนี้กับเจ้า”
ด้วยคำพูดเหล่านั้น ทำให้ในตอนนี้ซ่านเชียนหยวนมองไปยังซ่านเซิ่งหาน “แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าเมื่อก่อนพี่สามจะปฏิบัติต่อข้าอย่างจริงใจหรือไม่ก็ตาม แต่ตอนนี้เราเปิดเผยต่อกัน เพียงแค่หวังว่าในภายภาคหน้าเจ้าจะยอมให้ข้าเป็นอ๋องไร้อำนาจที่อินโจว ในอนาคตข้ารับประกันว่าธุรกิจของหรัวเอ๋อจะไม่เข้าร่วมในการเมือง”
ฉีหรัวมองซ่านเชียนหยวนอย่างมึนงง จากนั้นก็ยิ้มออกมา
คนง่ายๆก็มีวิธีการดำเนินชีวิตแบบคนง่ายๆ
ซ่านเซิ่งหานมองน้องสี่ของตนเองด้วยสีหน้าสับสน หากความไม่จริงใจก่อนหน้านี้ผสมรวมกับความจริงใจเพียงเล็กน้อย ในตอนนี้ก็ทำให้หัวใจของเขาอบอุ่น เพียงแค่ยิ้มอย่างขมขื่นแล้วพูดว่า “หากเจ้ากับข้ามีแม่คนเดียวกันก็คงจะดี”
ซ่านเชียนหยวนกลับหัวเราะเบาๆแล้วกอดไหล่ซ่านเซิ่งหาน “หากเจ้าไม่รังเกียจ วันหลังเรียกแม่ข้าว่าเสด็จแม่ก็ได้ นางหวังมาเสมอว่าวันหนึ่งลูกชายของตนจะได้ขึ้นครองบัลลังก์”
เป็นครั้งแรกที่ซ่านเซิ่งหานสนิทสนมกับพี่น้อง แววตาที่แหลมคมของเขาอ่อนโยนลงเล็กน้อย
เมื่อเห็นเรื่องราวทั้งหมดนี้ ฉีหรัวยังไม่ได้พูดถึงเรื่องธุรกิจก็มีเสียงเคาะประตู หงเซียวที่สวมผ้าคลุมและชุดสีดำเดินเข้ามา ด้วยแววตาที่หม่นหมอง “แม่นางฉี ตอนนี้ท่านอ๋องยังกลับไม่ได้ชั่วคราว หากมีเรื่องอะไรโปรดเรียกใช้ข้าตามประสงค์”
หงเซียวคุกเข่าทำความเคารพ ทว่าระหว่างคิ้วมีแต่ความหดหู่
“เพราะเหตุใดจึงยังกลับมาไม่ได้?” ซ่านเซิ่งหานขมวดคิ้ว “หรือว่าเกิดอะไรขึ้นกับเวยเอ๋อ…..”
“ท่านอ๋องได้ตรวจสอบข่าวสารของแต่ละกองกำลังและทุกอย่างก็ชัดเจน วันนี้จึงยินยอมที่จะวางแผนซ้อนแผนกับองค์ชายสามและแสร้งเป็นอยู่ข้างองค์ชายเก้าเพื่อรวบรวมหลักฐาน ภายนอกเขาสามารถพึ่งพาอ๋องจงผิงเพื่อเป็นผู้ควบคุมทั้งหมด และพยายามดึงขุนนางมาเป็นพวก และสั่งว่าหากเขาไม่กลับมาเพียงแค่ส่งจดหมายนี้ให้กลับนางข้าหลวงพี่เพิ่งเลื่อนตำแหน่งในวัง” หงเซียวหยิบจดหมายออกมาสองฉบับ ทว่าส่งให้กับซ่านเซิ่งหาน
เมื่อเปิดจดหมาย กลับเห็นเพียงตัวเลขที่เขียนลวกๆ “จดจ่อที่บัลลังก์ ไม่ต้องอาลัยอาวรณ์”
ซ่านเซิ่งหานถือกระดาษด้วยมือที่สั่นเทา