บทที่ 800 กลับสู่จุดเริ่มต้น
ยู่จือเขย่งปลายเท้าขึ้นเพื่อกระซิบข้างหูของยู่หง แล้วจึงมองเห็นสีหน้าอันเปลี่ยนไปของยู่หง นานทีปีหนที่จะเดินตามยู่จืออ้อมฉากกั้นห้องไปอย่างเชื่อฟัง กระทั่งยังเชื่อฟังมากกว่าตอนที่ฉีหรัวสั่งเขาเดินตรงออกไปรออยู่ด้านนอกประตู
ฉีหรัวมองเห็นท่าทางของทั้งสองคนด้วยความรู้สึกงุนงง แต่กู้อ้าวเวยกลับดื่มชาอย่างครุ่นคิด อดที่จะพูดขึ้นไม่ได้ว่า“ยู่จือสามารถคำนวณเหตุการณ์ในอนาคตได้อย่างเฉียบขาด”
“เจ้าพูดอะไรน่ะ นอกจากเรื่องปริศนาเรื่องความอมตะ จะไปมีเวลาที่ไหนพูดเรื่องเหนือธรรมชาติพวกนี้ล่ะ”ฉีหรัวเอ็ดตำหนิเบาๆ
ครั้งนี้เปลี่ยนเป็นกู้อ้าวเวยที่มองบน“เจ้าควรพูดว่า ในเมื่อบนโลกใบนี้ยังมีเรื่องปริศนาความเป็นอมตะ มาวันนี้มีคนสืบเสาะความลับของสวรรค์หยั่งรู้อนาคตล่วงหน้าได้นี่ถือเป็นเรื่องปกติ”
ฉีหรัวใช้สายตาอย่างคนโง่เขลามองไปยังนาง เกือบจะไปเกาหัวถามหาว่านางไม่สบายตรงไหนรึเปล่า
หลังจากที่ถูกมองเช่นนั้น กู้อ้าวเวยก็เริ่มทะลึ่งตึงตังขึ้นมา กล่าวเสียงต่ำไปว่า“ยู่หงเป็นของเซ่นไหว้ที่พวกนางเลี้ยงจนเติบใหญ่ หลังจากนั้นก็ถูกยู่จือพาออกมา แต่จากหลายวันที่รู้จักกันมา ข้าพบว่ายู่จือรู้สึกจริงจังกับเรื่องของยู่หงทุกเรื่อง และสิ่งที่ข้าคาดเดาก็แม่นมากซะด้วย”
“ก็ไม่เห็นนับอะไรได้เลยนิ่”
“หากท่านนักพรตจะรับลูกศิษย์มันก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่หากรับไว้เพื่อเลี้ยงเป็นของเซ่นไหว้ ก็คงจะแปลกไปสักหน่อย อีกทั้งข้ายังได้พูดคุยกับยู่จือในบางครั้ง ถึงได้รู้ว่านางไม่เคยคิดว่ายู่หงเป็นลูก คิดว่าเขาเป็นสมบัติอันล้ำค่ามาโดยตลอด”กู้อ้าวเวยพูดจบ ก็วางถ้วยน้ำชาในมือลง สายตาอันหนักแน่น“หรืออาจจะเป็นเพราะรู้ว่ากำลังจะเกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้น กู้เฉิงจะต้องช่วยยู่หงไว้ เพราะฉะนั้นยู่หงในตอนนั้นเป็นเพียงแค่คนที่คอยรับใช้กู้เฉิงข้างกาย และเขาก็จงรักภักดีกู้เฉิงอย่างหมดใจ เป็นผู้ช่วยที่ดีของกู้เฉิง”
พูดถึงตรงนี้ ฉีหรัวยังคงเข้าใจแค่ครึ่งเดียว“ข้าไม่เข้าใจ”
“ตระกูลยู่ได้ทำการจำลองอนาคตขึ้นมา รู้ว่าในที่กู้เฉิงต้องปรากฏตัวขึ้น เพราะฉะนั้นถึงได้ให้ยู่หงออกมาก่อน และของเซ่นไหว้ที่ว่ามานั้น เป็นการรับเคราะห์แทนคนคนหนึ่ง เพื่อเป็นการยืนยันถึงอนาคตของคนคนหนึ่ง”
พอพูดจบ ฉีหรัวยังคงสับสน
กลับกันเป็นการทำให้กู้อ้าวเวยลำบากใจ นางจึงไม่แน่ใจว่าตัวละครอย่างยู่จือกับยู่หงจะมาปรากฏตัวขึ้นในช่วงเวลาสำคัญขนาดนี้ แต่ว่า……
“เพียงแต่มีสิ่งหนึ่งที่ข้ามั่นใจได้ กู้เฉิงเป็นคนสำคัญมาก ข้าต้องการความช่วยเหลือจากเจ้า”กู้อ้าวเวยแทบจะขยี้หัวจนผมยุ่ง นางไม่สนใจว่าเรื่องพวกนี้จะเป็นเรื่องภูตผีปีศาจหรือไม่ นางสนใจแค่เพียงว่าเรื่องทุกอย่างเป็นความจริง นางก็จะยอมเชื่อ
“เจ้าว่า”
“ข้าต้องการอาจื่อ ก่อนที่จะเกิดเรื่องทุกอย่างขึ้น ต้องนำคนที่สำคัญดึงออกสนามรบก่อน ถึงจะสามารถเปลี่ยนแปลงทิศทางการเดินได้”
แต่มีที่กั้นห้องกับหน้าต่างกั้นไว้ ยู่จือที่อยู่ประตูด้านนอกค่อยๆยกมุมปากขึ้น บีบแขนที่อยู่ในมือกระชับแน่นขึ้น สายตาดุจดั่งหงส์คู่นั้นมองยู่หงอย่างเคารพเกรงขาม นางเอ่ยเสียงต่ำ“ความสามารถในการตัดสินใจสูงกว่าเจ้ายิ่งนัก”
ยู่หงกำหมัดจนแน่น ดวงตาทั้งคู่แดงก่ำ“เรื่องที่นางพูดมาทั้งหมด……”
“แปดเก้าไม่พ้นสิบ แต่มีสิ่งหนึ่งหนึ่งที่นางอาจจะคิดผิดไป”ยู่จือเขย่งปลายเท้าเล็กน้อย แทบจะเกาะบนตัวของยู่หงไปครึ่งหนึ่งของลำตัว ตาทั้งคู่กะพริบปริบๆ เปิดปากพูดเรื่องสำคัญขึ้น“ตั้งแต่แรกเริ่ม ในตอนที่ตระกูลยู่รับเจ้ามาเลี้ยงเป็นลูกนั้น เพราะหวังให้เจ้ามารับเคราะห์แทนซูพ่านเอ๋อ แล้วค่อยให้เจ้ายืมใช้คำสั่งจากกู้เฉิงไปสังหารซ่านต้วนเฟิง แล้วทำให้ซ่านจินจื๋อเป็นจักรพรรดิผู้โหดร้ายทารุณ”
“เป็นไปไม่ได้ อาศัยแค่เรื่องพวกนี้……”ยู่หงยังคงไม่อยากจะเชื่อเรื่องโชคชะตาพวกนี้
แต่หลังจากที่เห็นสายตาทั้งคู่ของยู่จือ จึงทำให้พูดไม่ออก
“และข้าก็เป็นลูกหลานที่ฉลาดที่สุดในตระกูลยู่ มีเพียงข้าที่คำนวณออกมาได้ ในคืนเข้าหอของอ๋องจิ้ง ดาวหางทางทิศตะวันตกพอตกลงมาก็หายแวบไป เป็นปรากฏการณ์ที่ผิดปกติ”สายตาทั้งคู่ของยู่จือจับจ้องไปที่ยู่จือไม่ปล่อย นางพูดด้วยน้ำเสียงอันหนักอึ้งไปว่า“ตระกูลยู่ไม่ใช่เทวดาที่ต้มตุ๋นผู้อื่น ลูกหลานของหยุนเซ่อรุ่นแล้วรุ่นเล่าต่างเฝ้ารอกันอยู่ในพื้นแผ่นดินของชางหลาง ความฉลาดของบรรพบุรุษ เจ้ากับข้าจะสามารถสืบเสาะได้สักเท่าไหร่กัน?”
ในที่สุดยูหงส์ก็ปิดปากเงียบไม่พูดอะไรอีก ในใจของเขากลับรู้สึกว่าเหมือนมีบางสิ่งบางอย่างมันหายไป
ถ้าหากสิ่งที่ยู่จือกับกู้อ้าวเวยพูดเป็นเรื่องจริง ถ้าอย่างนั้นเขาก็คงหนีไม่พ้นจากคำว่าโชคชะตา
ถ้าหากวันใดวันหนึ่งเขาต้องตายแทนซูพ่านเอ๋อจริงๆ มันก็เหมือนกับเรื่องที่ถูกต้องแล้ว เพราะว่าซูพ่านเอ๋อเป็นลูกสาวของกู้เฉิง และซ่านจินจื๋อยังเป็นคนที่นางรักมากที่สุดในชาตินี้ มันพอที่จะทำให้ซ่านจินจื๋อหน้ามืดตามัวได้
แต่กู้อ้าวเวยก็ปรากฏตัวขึ้น
ในขณะที่กำลังคิดฟุ้งซ่าน คนในห้องที่กำลังคิดคำนวณกันอยู่ก็เดินออกมา ร่างกายอันผอมบางทำให้ชุดสีเขียวไผ่ที่นางสวมอยู่ดูใหญ่ไปเลย ใบหน้าทรุดโทรมเล็กน้อย แต่ดวงตาคู่นั้นกลับยังเปล่งประกายอยู่ ยู่จือกับนางสบประสานตากัน
ครั้งนี้ยู่จือกับหัวเราะออกมาอย่างเย้ยหยัน“ข้าได้ยินหมดแล้ว”
“เจ้าเป็นวรยุทธ์อย่างนั้นหรือ?”กู้อ้าวตกตะลึง ในขณะที่ข้ามธรณีประตูมานางได้จับกระโปรงขึ้นมาเล็กน้อย
“ลัทธินอกรีตเท่านั้นแหละ แต่สิ่งที่ข้าแปลกใจมากไปกว่านั้นก็คือเหตุใดเจ้าถึงคาดเดาอะไรแปดเก้าไม่พ้นสิบเลยล่ะ”ตาของยู่จือหรี่ลงเล็กน้อย
หลังจากที่ปล่อยมือจากกระโปรงที่จับอยู่แล้ว นางได้ไปหยิบที่ปัดแก้มสองกล่องมาจากมือของสาวใช้ แล้วนางจึงยิ้มอ่อน“ข้าเป็นคนพูดมาก และบนโลกใบนี้ก็มีคนอีกมากมายหลายรูปแบบและไม่เหมือนใคร ขอเพียงแค่มีคนมีความรู้สึกร่วมด้วย ข้าต้องรู้อยู่แล้วว่าคำพูดประโยคไหนเป็นเรื่องจริง ประโยคไหนเป็นเรื่องโกหก”
ยู่จือโกรธจนพุ่งตัวเข้าไปด้วยใบหน้าแดงก่ำ ยู่หงจึงดึงตัวนางกลับมาอย่างอึดอัดใจ จ้องตานางถลนไปหนึ่งครึ่ง“ถ้าเป็นดังนั้น นางก็ถือว่าเป็นผู้มีพระคุณต่อชีวิตของข้า”
ทันใดนั้นนางก็ใช้สายตาดุจดั่งหงส์มองไปยังยู่หง ยู่จือยืนอ้าปากข้างอย่างไม่อยากเชื่อ แต่กู้อ้าวเวยกลับรู้สึกแปลกใจขึ้นมา นางเป็นผู้มีพระคุณต่อชีวิตเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ เพียงแต่เมื่อครู่ยู่จือบอกว่าสิ่งที่นางพูดเป็นเรื่องจริงทั้งหมด ดูท่าแล้วปัญหาจะมาจากตัวกู้เฉิงเองสินะ
นางพึ่งเดินออกไปได้สองก้าว ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องด้านหลังของยู่จือลอดออกมา“ข้าสิที่เป็นผู้มีบุญคุณของเจ้า ข้าเป็นคนช่วยชีวิตเจ้าจากเงื้อมมือของกู้เฉิง เป็นข้าที่เปลี่ยนแปลงโชคชะตาชีวิตของเจ้า”
กู้อ้าวเวยแอบด่าในใจว่าเจ้าเทพต้มตุ๋นเอ้ย แล้วจึงรีบสาวเท้าเดินไปยังจวนขององค์ชายเก้า
คำพูดเหนือธรรมชาติพวกนี้เป็นเพียงสิ่งที่ช่วยนางยึดมั่นสิ่งที่คิดอยู่ ถ้าหากให้นางเชื่อว่าบนโลกใบนี้มีวิธีทำให้เป็นอมตะได้โดยที่ไม่ต้องเสียอะไรเลยจริงๆ หรือความสามารถที่ตัดสินอนาคตที่กำลังจะเกิดขึ้นได้ นางยังคงไม่เชื่ออยู่ดี
ในฐานะที่เป็นหมอ นางเคารพแต่พระเจ้า แต่ก็ไม่ยอมเชื่ออย่างหมดใจ
พอรีบเดินทางกลับมาถึงจวนขององค์ชายเก้า คนพวกนั้นก็คล้องโซ่ตรวนให้กู้อ้าวเวยใหม่อีกครั้ง แล้วนำนางไปขังไว้ที่ห้องเล็กๆห้องหนึ่ง และก็ไม่รู้ว่ายู่หงกับยู่จือคุยอะไรกันบ้าง ยู่หงบอกกับกู้เฉิงเพียงว่า นางไม่ได้ก่อเรื่องอะไร
แต่ในขณะที่นางกำลังจัดเตรียมยา ยู่จือตั้งใจดึงโซ่ตรวนที่ข้อมือของนาง ทำให้นางตกใจเซไปพึ่งกับโต๊ะ“มีอะไรอีก?”
“วันนี้ยู่หงช่วยเจ้าผิดบังเรื่องที่เกิดขึ้น และยังพลิกสถานการณ์อีกด้วย ดูท่าแล้ว ตำลึงของตระกูลยู่คงจะต้องแบ่งจากกระเป๋าเจ้าแล้วสินะ”ยู่จือตั้งใจเฉยคางขึ้น
กู้อ้าวเวยกลับหัวเราะออกมา มองดูสายตาของยู่จือเต็มไปด้วยความเห็นแก่ตัวของปุถุชนธรรมดา จึงเอ่ยเสียงต่ำ“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องรอข้ามีชีวิตรอด เจ้าเคยทำนายโชคชะตาของข้านิ่”
“ภารกิจสำเร็จ กลับไปเริ่มใหม่ที่ศูนย์”คำพูดของยู่จือกดดันจนนางหายใจไม่ออก