บทที่ 798 ความจริงถูกเปิดเผย
หันกลับไปทางโต๊ะ เฟิงฉีนตามประกบใกล้กับกู้อ้าวเวย ท่าทางเหมือนกำลังปกป้อง
ด้านในของเสื้อขาวสะอาดถูกเลิกขึ้นไปเกินครึ่ง แม้แต่ข้อมือของกู้อ้าวเวยที่ปัดเฟิงฉีนออกยังมีร่องรอยของการต่อสู้ ดวงตาดอกท้อคู่นั้นกลับมีสายตาที่ทำให้ผู้คนยากต่อการเข้าใจ ต้อนรับสายตาอันเกรี้ยวกราดของกู้เฉิง“หมายความว่าอย่างไร?”
“เจ้าคาดเดาได้ตั้งนานแล้วฮ่องเต้อยาก……”
“ตอนนั้นไทเฮาดูแลข้าดีมาก ในนั้นมีระบุเขียนไว้ว่ารู้สึกผิดต่อตระกูลหยุนเซ่อ หลังจากนั้นนางยังบอกอีกว่ากระดูกที่กองพะเนิน ถูกฝังไว้ใต้ซากต้นไม้ ข้ายังคงไม่เข้าใจจนถึงทุกวันนี้”กู้อ้าวเวยพิงกับโต๊ะเขียนหนังสือข้างหลังเล็กน้อย สายตาราวกับกำลังคิดวิเคราะห์“แต่หลังจากที่ข้าไปถึงอารามไป๋หม่าแล้ว ไทเฮาไม่มาพบข้า แต่กลับพบเข้ากับซ่านเซิ่งหาน ข้าคิดมาตลอดทาง ถึงพึ่งเข้าใจว่าคนที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมดไม่ใช่ซ่านต้วนเฟิงหรือซ่านเซิ่งหาน”
กู้เฉิงกำหมัดแน่น ถ้าหากคนที่อยู่เบื้องหลังคือจักรพรรดิ พวกเขาไม่มีแม้แต่โอกาสชนะ
แต่เรื่องมันมาถึงขั้นนี้แล้ว……
“เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เพื่อหญิงสาวที่ลูกชายของตนเองรัก เจ้ายิ่งต้องออกหน้าเพื่อรับผิดชอบทุกสิ่ง”กู้อ้าวเวยพูดต่อในสิ่งที่กู้เฉิงกำลังคิดอยู่ สายตาอันเปล่งประกายกลับมองไปยังซ่านต้วนเฟิงที่อยู่ข้างๆ“มาวันนี้แม้แต่จะปกป้องตัวเองยังทำไม่ได้ เจ้าจะปกป้องเขาได้อย่างไร?”
คำพูดทั้งหมดไม่มีคำโกหกเลยแม้แต่น้อย
ก่อนหน้านี้หากพูดถึงศัตรูที่เป็นเพียงแค่องค์ชายคนอื่นๆ ทำให้เกิดเรื่องวินาศสันตะโรเช่นนี้ขึ้น โจมตีกันไปมาครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ฮ่องเต้ในปัจจุบันยังไม่สิ้นพระชนม์ และซ่านจินจื๋อก็เริ่มเข้ามาดูแลราชสำนักแทน ในสถานการณ์ที่ไม่มีราชโองการใดๆ โอกาสที่เขาจะขึ้นบัลลังก์เป็นฮ่องเต้มีอยู่มาก
เฟิงฉีนไม่เข้าใจเป็นอย่างมาก“องค์หญิง องค์ชายเก้าไม่เกี่ยวข้องอะไรกับท่านเลยนะเพคะ”
“กู้เฉิงมีบุญคุณที่เลี้ยงดูข้า ข้าแค่เสนอให้เขาใช้ชีวิตของเขาเพื่อแลกกับชีวิตของซ่านต้วนเฟิงก็เท่านั้นเอง”พูดจบ กู้อ้าวเวยก็จัดเรียงกระดาษข้างหลังเรียงให้เรียบร้อยแล้วส่งมอบให้เฟิงฉีน แล้วเอ่ยปากขึ้นอีกครั้ง“อีกอย่าง หวังว่าองค์ชายสามจะสมปรารถนากับเรื่องที่คาดหวังไว้นะ”
“ขอยืมคำอวยพรของท่าน”เมื่อได้รับของที่ตนเองต้องการแล้ว เฟิงฉีนก็ไม่อยู่รอต่ออีก
กู้อ้าวเวยทำเพียงแค่จัดเรียงเสื้อผ้าบนร่างกาย แล้วสูดหายใจเบาๆนั่งไปที่เก้าอี้ด้านข้างด้วยใบหน้าซีดเซียว มือข้างหนึ่งจับไปที่เสื้อบนหน้าอกจนแน่น มืออีกข้างก็หยิบปากกาขึ้นมาใหม่อีกครั้ง แล้วเอ่ยเสียงเบา“มาวันนี้เป็นเวลาที่ทุกคนต้องพบเจอกับอันตราย พวกเจ้ายืนเฝ้าข้าอยู่เช่นนี้ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก”
“เจ้ายังคงเป็นคนที่ซ่านจินจื๋อให้ความสำคัญเสมอ”
“ถึงอย่างนั้น เมื่อเทียบกับแคว้นอันกว้างใหญ่ไพศาล เป็นเพียงคนที่อยู่ในใจของอีกคนแล้วยังไงล่ะ?”กู้อ้าวเวยยิ้มอย่างเย้ยหยันอย่างไม่ใส่ใจ ราวกับสามารถมองเห็นอนาคตที่ซ่านจินจื๋อนั่งครองบัลลังก์ แต่ร่างกายของนางกลับถูกทำร้ายจนแหลกสลาย ในเมื่อมีชีวิตต่อไปก็รังแต่จะเป็นการฝืนมีชีวิตต่อไป แล้วจะสามารถเป็นภรรยาที่ถูกต้องของเขาได้อย่างไร
ซ่านต้วนเฟิงได้แต่เงียบไม่พูดไม่จาอะไร ยากที่จะตอกกลับ
คนที่อยู่ในห้องต่างพากันหน้าดำค่ำเครียด แต่กู้อ้าวเวยยังคงเขียนจดหมายต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ หวังเพียงแค่ว่าในภายภาคหน้าเพื่อนสนิทมิตรสหายจะยอมตามใจนางอีกสักครั้ง
พระอาทิตย์ด้านนอกหน้าต่างสาดส่อง ไม่รู้ว่าจะมีเมฆฝน
……
ในตอนนั้นกราบอ้อนวอนขอร้องให้ขุนนางจากครอบยากจนได้เข้ารับราชการ มาวันนี้บนราชสำนักสามารถพูดได้ว่าขาดแคลนเป็นอย่างมาก หนึ่งในพวกคนชั่วยังมีคนให้การสนับสนุนอ๋องจงผิงกับองค์ชายเก้าที่ไร้ความสามารถอีกด้วย หวังแค่เพียงว่าจะใช้ฮ่องเต้เป็นหุ่นเชิด เข้าควบคุมบ้านเมืองได้
แต่ขุนนางที่มาจากครอบครัวยากจนส่วนมากให้ความสำคัญกับการเรียนเป็นอย่างมาก ให้ซ่านจินจื๋อเป็นผู้นำ
เมื่อดูแล้ว ถ้าหากไม่มีเมิ่งซู่ที่นำทัพพวกขุนนางให้สนับสนุนองค์ชายสามซ่านเซิ่งหานขึ้นบัลลังก์ เกรงว่าคงจะมีน้อยคนที่จะให้การสนับสนุนเขา แต่เป็นเพราะฮ่องเต้มีคำสั่งที่ประกาศออกไปทำให้มีผลต่อทรัพย์สมบัติของราชวงศ์กับขุนนางที่มีความโชคดีได้เลื่อนขั้น ยิ่งเป็นเพราะว่าความฉลาดเกินคนขององค์ชายสามทำให้ควบคุมได้ยาก เบื้องหลังไม่มีตระกูลของมารดาหนุนหลัง และก็ไม่ได้ความรักจากฮ่องเต้
เพียงแวบเดียว ถึงอยากจะมอบงานทุกอย่างส่งให้องค์ชายสาม แต่ก็ไม่สามารถทำได้
ราชสารที่กองพะเนินอยู่บนโต๊ะต้องตรวจสอบอย่างละเอียด ซ่านจินจื๋อปวดศีรษะจนต้องนวดขมับ หวางกงกงรีบให้คนไปหาซุปสาลี่มา วางไว้ข้างๆมือของเขา“ท่านอ๋องจิ้งพักเรื่องงานในมือก่อนเถอะพ่ะย่ะค่ะ เรื่องสำคัญพวกนี้หลายวันมานี้มีวิธีจัดการแล้วนะพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้าไม่สามารถให้องค์ชายสามมาดูแลราชสำนักแทนได้หรือ?”ซ่านจินจื๋อไม่เคยได้รับจดหมายของกู้อ้าวเวยเลย เขารู้สึกเป็นห่วงมาก ไม่รู้ว่านางอยู่ในจวนปลอดภัยดีหรือไม่
“แน่นอนว่าไม่ได้อยู่แล้ว เรื่องก่อกบฏขององค์ชายสามกับองค์ชายเก้ายังไม่สามารถตรวจสอบให้แน่ชัดได้ อีกทั้งเมื่อครู่ท่านยังสั่งการ ให้ไปสืบค้นที่จวนขององค์ชายเก้า หากู้เฉิงผู้ทรยศไม่เจอ ยังมีองค์ชายที่ยังอายุน้อยเกินไป”หวางกงกงพูดจบ สีหน้ามีความไม่สบายใจเช่นเดียวกัน
ในเวลานั้นไม่รู้ว่าจะพูดอะไรอีก ในตอนที่ซ่านจินจื๋อถือราชสารขึ้นมาก็นึกขึ้นมาได้ว่า“ตอนนี้ฮูหยินหยุนหว่านอยู่ไหน?”
“ไม่อยากให้พระสนมคนอื่นๆต้องเข้าไปยุ่งวุ่นวาย ยังคงสั่งการพวกทหารให้เฝ้าเวรยามตลอดเวลา และได้ส่งคนไปแอบสืบคนลงมือวางยาพิษ เพียงแต่……”หวางกงกงพูดแล้วหยุดไปชั่วครู่ เนิ่นนานกว่าจะเปิดปากพูดอีกครั้ง“ตระกูลฝั่งของยู่เหม่ยเหริน หลายวันมานี้ใต้เท้าซู๋อ้างว่าป่วยหนักไม่ยอมมาพบท่าน แต่ลูกน้อง……”
“ข้ารู้ดี เกี่ยวกับการตายของยู่เหม่ยเหริน แน่นอนว่าจะต้องให้คำตอบตระกูลซู๋อย่างแน่นอน อีกอย่าง ถ้าหากท่านพี่ฟื้นขึ้นมาได้ เจ้าไปถามเขาด้วยว่าจะให้เหม่ยเหรินอีกสองคนเลื่อนตำแหน่งหรือไม่”ซ่านจินจื๋อกล้าให้หวางกงกงทำเรื่องนี้เพียงแค่คนเดียว
อย่างไรเสียขุนนางส่วนมากก็ต่างคิดกันว่าตอนนี้ฮ่องเต้ยังสลบไม่ฟื้น
จากนั้นก็รีบตอบรับอย่างรวดเร็ว เรื่องที่เกี่ยวกับราชสำนัก ถึงจะมีคำพูดอีกมากเขาที่เป็นเพียงแค่ขันทีคนหนึ่งก็พูดอะไรมากไม่ได้
เวลาผ่านไปหลายชั่วยาม เมิ่งซู่ที่ได้ข่าวก็รีบเดินทางมายังห้องอักษร ตอนแรกอยากจะกล่อมให้อ๋องจิ้งไปราชสำนักครู่หนึ่ง จัดการเรื่องของราชสำนักที่ท้องพระโรง แต่ซ่านจินจื๋อยืนกรานจะอยู่แค่ในห้องอักษรเล็กๆแห่งนี้ ในมือของเขามีกองทหาร ขุนนางพวกนั้นต้องยำเกรงอยู่แล้ว อยากกล่อมหลายครั้งแต่ก็ไร้ประโยชน์ เมิ่งซู่จึงไม่พูดให้มากความอีก
วันนี้ก็มาเพราะเรื่องวุ่นวายในราชสำนัก เดี๋ยวไปถึงแล้วจะถามซ่านจินจื๋อ“ตอนนี้ชัยภูมิของราชสำนักเป็นอย่างไร?”
“ตอนนี้ขาดแคลน ขุนนางส่วนมากหลายปีมานี้ต่างเปลี่ยนน้ำกัน มาวันนี้ราชวงศ์กับขุนนางจากครอบครัวยากจนที่อยู่บนราชสำนักยังคงเป็นกำลังที่เข้ากันไม่ได้ และด้านวรยุทธ์ ในทุกๆปียังมีการสอบจอหงส์วนฝ่ายบู๊เพื่อเข้ารับราชการ แต่เป็นเพราะหลายปีมานี้ชางหลางไม่มีศึกสงคราม เส้นทางบำรุงแนวกำลังกองทหารของจอหงส์วนฝ่ายบู๊มีเพียงขุนนางทหาร แต่ขุนนางทหาร……”เมิ่งซู่ไม่กล้าพูดต่อไปอีก
ซ่านจินจื๋อกลับแสยะยิ้มขึ้น โยนราชสารในมือลงบนโต๊ะ นางในที่อยู่ข้างๆรีบพากันคุกเข่าอย่างตกใจ แต่เขาก็เงยหน้าขึ้นสูงพลางพูดด้วยเสียงอันเย็นชาไปว่า“ถ้าอย่างนั้นแล้ว ตอนนั้นองค์ชายสามเป็นคนทำแบบอย่างเช่นนี้ก่อน แต่กลับไม่มีใครวางแผนรับมือกับเรื่องที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ เรื่องที่สำคัญขนาดนี้ เหตุใดตอนนั้นไม่ทูลต่อฮ่องเต้เสียก่อน?”
เพ็ดทูลฮ่องเต้ เป็นโทษอันใหญ่หลวง!
สีหน้ารีบคุกเข่าลงด้วยใบหน้าอันซีดเซียว แล้วรีบพูดขึ้นว่า“ฝ่าบาทรู้เรื่องนี้นานแล้วพ่ะย่ะค่ะ แต่ฝ่าบาทเป็นฮ่องเต้ที่อยู่บนอาชา ระหว่างอำนาจทางการทหารกับกองทัพมีเรื่องที่บาดหมางกันเยอะมาก สุดท้ายจึงทำอะไรไม่ได้ มาวันนี้ในมือของอ๋องจิ้งมีกองทัพ แล้วยังสามารถดูแลควบคุมราชสำนักได้ กระหม่อมถึงได้พูดเพื่อเกลี้ยกล่อม!”
มีเสียงถอนหายใจออกมาเบาๆเฮือกหนึ่ง ซ่านจินจื๋อโบกมือ“ช่างมันเถอะ ค่อยๆมาทีละเรื่อง”
เรื่องราวเปลี่ยนไปเยอะมาก