บทที่ 810 ไม่มีที่ไป
“ท่านอ๋องจิ้ง ท่านต้องรู้ว่ามารดาขององค์ชายเก้าไต่เต้าขึ้นมาเหยียบบนพรมมังกรได้อย่างไร ?”
นางกำนัลที่คอยปรนนิบัติอยู่ข้างๆสวมชุดสีขาวสะอาด ผ้าโปร่งสีขาวถูกปิดไว้ครึ่งหน้า แขนขาวนวลทั้งสองข้างโผล่พ้นออกมาพาดอยู่ตรงขาของซ่านจินจื๋อพอดี หางตาโค้งเรียวตวัดขึ้นด้านบน คิ้วดั่งคันศร นัยน์ตาดอกท้อคล้ายมีหมอกควันเคลื่อนผ่านทำให้มองไม่ชัด น้ำเสียงนั้นยังไพเราะกว่านักร้องที่ร้องเพลงเพราะที่สุดในแคว้นเทียนเหยียนหลายเท่ายิ่งนัก ทุ่มต่ำวนเวียนไปมา ทำให้ยุแหย่คนได้
“ถึงจะเป็นแบบนั้น ยืมใช้ใบหน้าที่มีความคล้ายกับแม่นางหยุนซีปีนป่ายขึ้นเตียงมังกร ถึงได้ให้กำเนิดองค์ชายเก้าได้”เสียงของนางกำนัลอ่อนนุ่ม ร่างกายท่อนล่างค่อยๆยกขึ้น คุกเข่าอยู่บนพื้นแล้วค่อยๆลุกยืนขึ้นมา มือเรียวยาวคู่นั้นค่อยๆดึงเสื้อของซ่านจินจื๋อออก เสื้อที่ถูกกระทบกัน“แต่ข้ากลับทำไม่เป็น นอกเสียจากท่านจะอยากให้ข้าให้กำเนิดลูกหลานให้กับท่าน”
ใบหน้าที่โผล่ออกมาให้เห็นครึ่งหนึ่งมีความคล้ายคลึงกับกู้อ้าวเวยอย่างมาก แต่กลับสวยกว่ากู้อ้าวเวยหลายเท่ายิ่งนัก
สิ่งที่ประดับอยู่บนผิวและนิ้วเรียวยาวกับเรียบวาว น้ำเสียงอ่อนหวาน
“กรอบแกรบ——”มือที่กำลังจะสอดเข้าไปในหน้าของเขาดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงร้องโหยหวนของนางกำนัล องครักษ์ที่อยู่ด้านนอกของประตูรีบเข้ามาล้อมไว้ ซ่านจินจื๋อกลับโยนหญิงสาวที่นุ่มนวลดุจดั่งหยกนิ่มไปกับพื้นดั่งผ้าขี้ริ้ว ลุกขึ้นมาจากข้างๆเตียงแล้วเลือกคู่ต่อสู้ที่มีฝีมือ มุมปากเม้มเป็นเส้นตรง กรามกัดจนแน่นตึง“เขาไม่คู่ควรเป็นพ่อด้วยซ้ำ”
“อ๋องจิ้งได้โปรดอย่าได้โกรธแค้นเลย”
“ข้าเคยกลัวด้วยหรือ วันนี้เขาขังข้าไว้ที่นี่ ข้าไม่เชื่อว่าในพระราชสำนักใครกล้าเป็นปรปักษ์กับเจ้า”ซ่านจินจื๋อชกไปที่เสาของเตียง เหลือไว้เพียงแค่รอยของเนื้อที่บุบลงไป
เหล่าทหารทำได้เพียงแค่ก้มหน้าก้มตาลงมองพื้น ยังมีคนที่มีความกล้าพอลากตัวนางกำนัลที่ร้องไห้คร่ำครวญไม่หยุดออกไป ซ่านจินจื๋อเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว“ตอนนี้ท่านพี่อยู่ไหน?”
“ฝ่าบาทกำลังยืมใช้ชื่อของท่านจัดการเรื่องบนพระราชสำนัก”ทหารสี่นายขวางทางเขาไว้ พูดกับเขาด้วยความเคารพพลางคารวะไปด้วย แต่ตรงเอวของพวกเขาไม่มีอาวุธใดๆ กลัวว่าจะถูกซ่านจินจื๋อแย่งชิงไป ใช้คนจำนวนมากควบคุมเขาไว้
ซ่านจินจื๋อนำทุกอย่างเก็บไว้ในสายตาทั้งหมด เก็บสายตาร้อนรนทั้งหมด ถลกแขนเสื้อขึ้นแล้วก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว“ตอนนี้ฮูหยินหยุนหว่านเป็นอย่างไรบ้าง?ข้าอยากไปพบนาง ต้องรายงานด้วยใช่ไหม——?”
บรรยากาศรอบกายเย็นเฉียบ เหล่าองครักษ์ต่างรู้สึกข้างหลังเย็นวาบ ฝืนใจรับคำ
ดูท่าแล้วซ่านต้วนโฉงอยากจะกักขังเขาจริงๆ ตอนนี้เขายืมชื่อเสียงของเขาจัดการงานในพระราชสำนัก แต่คนที่มายังพระราชสำนักต่างเป็นคนที่ทำงานใกล้ชิดฮ่องเต้ ถ้าอย่างนั้นเรื่องที่เขาถูกจองจำและมีน้อยคนที่จะกล้าพูดออกไป ยากที่จะมีอะไรเปลี่ยนแปลง
ถึงจะเป็นอย่างนั้น เขายิ่งไม่สามารถที่จะนั่งรอความตายได้
“ส่งคนออกไปรายงานเรื่องนี้ บอกกับพี่ชายข้า นางเป็นแม่แท้ๆของข้า”ซ่านจินจื๋อขมวดคิ้วเป็นปมแน่น
เหล่าองครักษ์ต่างพากันแยกย้าย เสียงร้องไห้ของนางกำนัลข้างนอกยังไม่หายไปไหน
หลังจากผ่านไปหนึ่งก้านธูป หวางกงกงนำคนมาด้วยตนเอง พอเห็นใบหน้าอันเย็นชาของซ่านจินจื๋อ เขาทำได้เพียงแค่เดินไปข้างหน้าด้วยสีหน้าเอาใจแล้วเอ่ยปากพูดขึ้นด้วยความระมัดระวัง“อ๋องจิ้ง เรื่องก่อนหน้านี้——”
“ที่ท่านพี่ต้องทำเช่นนี้ ข้าไม่โกรธหรอก”ซ่านจินจื๋อลุกยืนขึ้นแล้วเดินจากไป
หวางกงกงนึกถึงข้อมือเขียวช้ำของนางกำนัลเมื่อครู่ รู้สึกตัวเย็นยะเยือก อ๋องจิ้งไม่ใช่เจ้านายที่ไม่เคยโกรธเกรี้ยว จึงรีบเดินตามไปข้างหน้า แต่ก็ไม่กล้าตามใกล้นัก
ซ่านจินจื๋อเดินไปที่ตำหนักที่พักผ่อนของนางกำนัล ตอนแรกควรจะได้พบกับบรรดานางสนมนางในขันทีจำนวนมาก แต่ตอนนี้ในวังหลวงส่วนใหญ่เห็นเพียงแค่ทหารที่จัดเวรยามเฝ้ากันอย่างแน่นหนา ข้างหลังยังมีหวางกงกงที่เดินห่างออกไปสามก้าวพลางเช็ดเหงื่อไปด้วย แล้วจึงรีบพูดขึ้นว่า“วังหลังมีเรื่องมากมาย ฮ่องเต้ได้สั่งการให้ทุกคนพยายามอย่าออกจากที่พักของตนเอง ถนนเส้นนี้ห่างไกลจากโรงครัวกับภายใน จึงทำให้ไม่เห็นนางในกับขันที”
เสียงหัวเราะอย่างเย้ยหยัน ดูท่าแล้วซ่านต้วนโฉงจะอยากตัดทางหนีของเขา
เขาควรที่จะคุ้นเคยกับถนนที่ตรงไปยังพระตำหนัก แต่หวางกงกงกลับขวางเข้าไว้ แล้วพูดขึ้นด้วยความเคารพ“นางกำนัลหลิ่วกับฮูหยินหยุนหว่านยังคงอยู่ที่ตำหนักเย็นที่อยู่ใกล้ๆ ไม่อยู่ตำหนักเดิมแล้ว”
กำหมัดจนแน่น ใบหน้าอันเย็นชาของซ่านจินจื๋อที่ดูไม่ออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่
เดินตรงไปยังตำหนักเย็นที่ไม่ใกล้ไม่ไกลมีน้อยคนที่จะเดินแถวนั้น ที่นี่ยังสามารถได้ยินเสียงคลุ้มคลั่งกับเสียงหัวเราะและเสียงร้องไห้ของหญิงสาวพวกนั้น เหมือนจะไม่ใกล้ไม่ไกลแยกไม่ออก สายตามองเห็นตำหนักที่ทรุดโทรม แต่มีคนจำนวนไม่น้อยที่เฝ้าอยู่ตรงนั้น ในตอนที่ผลักประตูเข้าไป กลิ่นฝุ่นที่ลอยคละคลุ้งไปมาทำให้ซ่านจินจื๋อต้องจามไปสองครั้ง
ครั้งนี้ ไม่รอหวางกงกงเอ่ยปากพูดขึ้นก่อน ได้ยินเพียงเสียงของเนื้อที่กระทบเข้ากับกำแพงเสียงดัง
ซ่านจินจื๋อบีบเค้นคอของทหารแทบจะกระแทกคนเข้ากับกำแพง นางกำนัลและขันทีที่อยู่ด้านหลังต่างก้าวถอยออกไปคนละก้าว มองเห็นสายตาของซ่านจินจื๋อสั่นไหว“ส่งคนไปทำความสะอาดที่นี่ทั้งข้างในและข้างนอก ถ้าหากยังมีฝุ่นแม้แต่น้อย ข้าก็จะเอาชีวิตของพวกเจ้า”
ดึงมือกลับมาแล้ว ทหารที่ไม่ทันรู้สึกตัวก็กระแทกลงกับพื้นเสียงดังตึ้ง ทหารที่อยู่ทั้งสี่ทิศไม่กล้าเอ่ยพูดอะไร
เก็บดาบมากเป็นเวลาหลายปี พวกเขาแทบจะลืมไปว่าอ๋องจิ้งเป็นท่านอ๋องผู้ทะนงองอาจได้อย่างไร
พอก้าวเข้ามาแล้ว เสียงอันนุ่มนวลของหยุนหว่านลอยแว่วเข้ามาในหูของเขา“เวยเอ๋อไม่อยู่ นิสัยของเจ้ากลับมาอีกแล้วสินะ”
รีบเดินก้าวขึ้นไปข้างหน้า ดึงผ้าม่านออกมาถึงได้เห็นความสวยงามนั้น เพียงแต่ในห้องเล็กแคบนั้นมีเพียงเตียงเล็กสามเตียงที่ถูกวางอยู่ด้านในอย่างเบียดเสียด จื่อเหมิงกับหลิ่วเอ๋อที่เห็นเขาแล้วจึงรีบทำความเคารพ หยุนหว่านได้แต่ตบไปที่เตียงข้างของตัวเอง มองดูท่าทางของเขาที่สองตาแดงก่ำ จึงอดกลั้นขำไม่ได้“เป็นแค่การคุมขังเท่านั้นเอง ยิ่งไปกว่านั้นเว่ยเอ๋อหนีไปแล้วนี่สิ”
“ท่านแม่”ซ่านจินจื๋อยังคงเรียกเสียงเบา“ทั้งๆที่เวยเอ๋อรู้ความจริง แต่กลับยังจะให้ข้าเชื่อใจท่านพี่ ตอนนี้แม้แต่ท่านข้ายังช่วยไม่ได้เลย”
“นิสัยของเวยเอ๋อเหมือนข้าในตอนสาวยิ่งนัก แค่เจ้ายังไม่รู้จักนิสัยของนางดีเท่านั้นเอง”หยุนหว่านขยับผ้าที่ปิดหน้าของนางโดยไม่ให้เหลือร่องรอย จนกระทั่งเห็นซ่านจินจื๋อนั่งอยู่ข้างหายของตนเอง เขาเป็นเพียงแค่คนอายุอานามประมาณสามสิบเท่านั้นเอง แต่พอนั่งลงมาแล้วกลับสูงกว่านางที่อายุใกล้เข้าห้าสิบมาก
พอนึกถึงวันเวลาที่ช่างทรมานคนยิ่งนัก นางทำเพียงแค่ถอนหายใจยาว บอกเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นกับเขาไปทั้งหมด และได้มอบจดหมายของกู้อ้าวเวยกับซ่านจินจื๋อ พลางเอ่ยปากพูดขึ้นว่า“ข้าไม่รู้ว่าเหตุใดนางถึงหนีไป”
หยุนหว่านมองดูซ่านจินจื๋อที่เหมือนกับเด็กสูญเสียงของที่รักไป ในใจจึงบีบรัดแน่น นิ้วชี้วาดไปยังรอยแผลที่อยู่บนใบหน้านั้น พลางเอ่ยเสียงเบา“เป็นเหตุผลเดียวกับข้าจากไปในตอนนั้น”
ซ่านจินจื๋อจ้องมองไปที่หยุนหว่าน อย่างไม่เข้าใจ
“พิษของรากถุงน้ำดีหงส์ อยู่มานานมาก ตอนถอนพิษ ทำให้ใบหน้าเสียโฉม ยิ่งไปกว่านั้นพิษในร่างกายของนางยังไม่หยุดแต่เพียงเท่านี้ ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย จะตายให้เจ้าเห็นต่อหน้าหรือ?”น้ำเสียงของหยุนหว่านเต็มไปด้วยความเสียใจ ดวงตาเป็นประกาย
“ข้าไม่สนใจว่านางจะเสียโฉมอย่างไร”
“แต่นางใส่ใจว่าจะต้องตายต่อหน้าเจ้า ไม่อย่างนั้นจากนิสัยของเวยเอ๋อแล้ว เหตุใดนางถึงให้กำเนิดลูกให้เจ้าในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดด้วยล่ะ?”หยุนหว่านถอนหายใจยาว“นางหวังเพียงแค่ได้สู้เพียงลำพัง กลับไม่อยากให้เจ้าต้องโดดเดี่ยวตัวคนเดียว ไม่มีคนคอยดูแลเจ้า”
ซ่านจินจื๋อหายใจลำบาก กำหมัดแน่น มองหน้านางอย่างไม่อยากจะเชื่อ“แต่ข้าหวังเพียงแค่ให้นางปลอดภัย เหตุใดนางถึงไม่พึ่งพาข้าให้มากด้วยล่ะ ถ้าหากข้ารู้ว่าท่านพี่……”
“ถึงนางจะพูดโกหก ข้ากลับรู้ดีว่าความเป็นญาติสองคำนี้สำคัญมากสำหรับนาง ซ่านต้วนโฉงเป็นพี่ชายแท้ๆของเจ้า องค์ชายพวกนั้นเป็นหลานชายแท้ๆของเจ้า นางจะไปให้เจ้าเลือกระหว่างนางกับซ่านต้วนโฉงได้อย่างไร?”สายตาของหยุนหว่านมองเขาอย่างไหวหวั่น“แน่นอนว่าเวยเอ๋ออยากให้เจ้าแก้ปัญหาในมือ แล้วค่อยไปตามหานาง”
ซ่านจินจื๋อเงียบไม่พูดไม่จา กำหมัดแน่นจนเสียงดังอย่างหงุดหงิดใจ
นางไปคนเดียวมาคนเดียวตลอด แต่เพียงแค่ไม่มีที่ไปแค่นั้นเอง