บทที่ 814 วาจาอันดื้อแพ่ง
ไม่นานหลังจากนั้น อาภรณ์และสำรับอาหารล้วนถูกไล่เรียงส่งขึ้นมา
เด็กรับใช้เสี่ยวเอ้อร์นั้นปากมากอีกหนึ่งประโยคแลดูเหมือนไม่วางใจ “พระนาง เวลานี้เสียงเบื้องนอกโหมกระหน่ำ กลัวแต่ว่าร้านเล็กๆ ของพวกเราจะปกป้องท่านเอาไว้ไม่นาน ท่านรีบทานแล้วออกเดินทางเร็วหน่อยจะดีกว่า เถ้าแก่พวกเราได้ส่งจดหมายไปยังร้านละแวกใกล้เคียงแล้ว ถึงตอนนั้นจะจดไว้ให้ท่าน ตลอดทางนี้ท่านจะได้สะดวกขึ้นมาหน่อย”
“เสียงลมโหมกระหน่ำ?” กู้อ้าวเวยรับอาภรณ์ไว้ มืออีกข้างหนึ่งกระชับแผนที่แน่นอีกครา
“ท่านนั้นมิทราบ ตอนนี้ในเมืองเทียนเหยียนมีการออกคำสั่งลับ บัญชาให้หยาเหมินรอบบริเวณเสาะหาร่องรอยของท่าน ทั้งยังให้นำไปรายงานกลับเทียนเหยียนด้วย ทว่าไม่เคยเอ่ยถึงสถานะของท่านเลยแม้แต่น้อย ดูแล้วคงหาใช่เรื่องดีไม่” เด็กรับใช้เสี่ยวเอ้อร์เอ่ยถึงตรงนี้แล้วก็ทำท่าทางเชือดคอไปหนึ่งที แต่ว่าเขาเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้
แต่การคาดเดาของเขากลับสมเหตุสมผล
กู้อ้าวเวยคิดไม่ถึงเลยว่าซ่านต้วนโฉงจะถึงขั้นอดรนทนไม่ไหวอยากกำจัดนางอย่างเร่งรีบปานฉะนี้ เป็นดังนี้แล้ว นางก็อดเป็นห่วงสถานการณ์ภายในวังมิได้ ท่านแม่ย่อมมีการปกป้องจากซ่านจินจื๋ออยู่แล้ว ทว่าสถานการณ์ของตัวซ่านจินจื๋อเองจะเป็นอย่างไรกันเล่า?
แม้นางจะสามารถตั้งข้อกล่าวหาฉอดๆ ต่อหน้าไทเฮา ทว่านางก็มิอาจคาดเดาแผนการและความคิดทั้งหมดของซ่านต้วนโฉงได้อย่างแม่นยำ ครุ่นคิดเนิ่นนาน นางก็ยังมอบจดหมายสองฉบับไปให้เด็กรับใช้เสี่ยวเอ้อร์คนนั้นอยู่ดี “จดหมายสองฉบับนี้ มอบให้ถึงมือองค์ชายสามทั้งหมด เขาย่อมรู้อยู่แล้วว่าควรทำอย่างไร”
เด็กรับใช้เสี่ยวเอ้อร์กลืนน้ำลาย ทว่าก็ยังรับไว้ แต่ยังมิทันเดินออกไป ก็ได้ยินกู้อ้าวเวยปริปากเอ่ยต่อ “แม้เจ้าจะเปิดอ่าน ก็ไม่เข้าใจความหมายในนั้นอยู่ดี แต่ถ้าเจ้าไม่ส่งจดหมายฉบับนี้ ข้ายังมีจดหมายที่มากกว่านี้ส่งออกไป”
“ขอรับ ผู้น้อยเข้าใจแล้ว” เด็กรับใช้เสี่ยวเอ้อร์รีบวิ่งออกไปทันที
และหลังจากที่เขาออกไป กู้อ้าวเวยก็ได้คลี่แผนที่ที่กำแน่นออกอีกครั้ง เผยให้เห็นข้อความสองอันที่ยับยู่ยี่ ยัดมันเข้าไปในกระบอกไม้ไผ่ขนาดเล็กเท่านิ้วหัวแม่มือโดยไม่พูดไม่จา เปิดบานหน้าต่างออก ปรากฏนกพิราบส่งสารที่หยุดอยู่บริเวณนี้ตั้งแต่แรกแล้ว ผูกมันให้เรียบร้อย จนกระทั่งมองนกพิราบส่งสารตัวนั้นถาปีกโผบิน อันตรธานไร้ร่องรอย
ถ้าหากองค์ชายสามได้รับจดหมายที่เหมือนกันเป๊ะสองอัน เขาจะรู้เองว่าที่แห่งนี้ยังมีคนที่ใช้ประโยชน์ได้ซึ่งอยู่ข้างกายอ๋องจิ้งอยู่ เทียบกับองครักษ์ลับน่าอดสูในตำบลเหยสุ่ยพวกนั้น บางทีอ๋องจิ้งยิ่งต้องการคนคอยส่งข่าวสารอยู่ด้านนอก ทั้งให้คนในท้องพระโรงแปรพักตร์ ไปทำประโยชน์ให้เขาอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง
แต่ถ้าหากเขาได้รับเพียงจดหมายหนึ่งในนั้น องค์ชายสามก็คงไม่อาจติดต่อมาถึงตรงนี้ และคิดหาทางอื่น
ซูพ่านเอ๋อที่ซุกตัวบนเตียงอยู่ด้านหลังประจักษ์ทุกอย่างไว้ในสายตาทั้งสิ้น ขบเรียวปากล่างแน่น โพล่งประโยคหนึ่งออกมา “ข้าอยากล้างเนื้อล้างตัวหน่อย”
“เด็กรับใช้เสี่ยวเอ้อร์คนนั้นฉลาดมาก รอประเดี๋ยวก็คงมีให้” กู้อ้าวเวยอดมองอาภรณ์ยู่ยี่พวกนั้นบนเรือนร่างของนางเพิ่มอีกปราดหนึ่งไม่ได้ ส่วนซูพ่านเอ๋อกลับกำเจ้าของที่เหมือนกับเศษผ้าขี้ริ้วเหล่านั้นเอาไว้อย่างแน่นหนา หลังจากได้ยินวาจาของกู้อ้าวเวยสีหน้ายิ่งขาวซีดยิ่งขึ้น
เด็กรับใช้เสี่ยวเอ้อร์คนนั้นย่อมรู้ถึงทุกอย่างที่นางประสบมา
กู้อ้าวเวยเพ่งพินิจอาการเหม่อลอยจมในภวังค์ของซูพ่านเอ๋อ แต่มิได้ลงทัณฑ์อันใดต่อเรื่องที่นางคิดหนีอีก กลับปริปากพลางยิ้มบางๆ “ไม่นานเจ้าก็จะได้พบเมี่ยวหารแล้ว”
ดวงตาไร้แววคู่นั้นของซูพ่านเอ๋อพราวระยับเล็กน้อยขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นกลับหัวเราะเย้ยหยันตัวเอง “ทำไม? เจ้าคิดจะบอกเรื่องในวันนี้กับเมี่ยวหาร จากนั้นให้เขาทิ้งข้าไปใช่หรือไม่?”
“เขารักเจ้ามากกว่าที่เจ้าคิดเสียอีก แม้เจ้าจะสกปรกปานนี้ เขาก็ยังรักเจ้าดังวันวาน” เสียงหัวเราะเบาๆ เอ่อล้นออกมาจากลำคอของกู้อ้าวเวย ชมเชยเมี่ยวหารอย่างจริงครึ่งเท็จครึ่ง “ไม่มีใครรักเจ้ายิ่งกว่าเขาแล้ว แต่ข้าต้องการยาถอนพิษของเขา”
ครั้งนี้ซูพ่านเอ๋อกลับไม่ได้ปริปาก จนกระทั่งกู้อ้าวเวยทานอาหารส่วนที่เป็นของตนหมดแล้ว มองสำรวจส่วนที่นางกินลงไปกระทั่งไม่ได้ครึ่งหนึ่งของเมื่อก่อนเลย ขมวดคิ้วเล็กน้อย ซูพ่านเอ๋อที่อยู่บนเตียงจึงปริปากเอ่ยเจือด้วยเสียงสะอื้นไห้ “เขาเพียงแต่อยากให้ข้าเป็นเครื่องสังเวยก็เท่านั้น รอหลังจากศาลเจ้าที่ด่านลั่วสุ่ยสร้างเสร็จ เข้าก็จะ…”
“บางทีเขาคงไม่ทำอย่างนี้ก็ได้ เขารักเจ้าเสียขนาดนั้น” กู้อ้าวเวยปรามนางอย่างไม่ใส่ใจ สายตากลับสำรวจไปยังแผนที่อย่างถี่ถ้วน ภายใต้สถานการณ์ที่ถูกทหารฮ่องเต้ไล่กวดนี้ นางจำต้องไตร่ตรองว่ามีสถานที่ใดที่การคุ้มกันกวดขันหรือไม่ก็เป็นเป้าสายตาบ้าง
แม้ว่าสายลับของอ๋องจิ้งจะเป็นของจริง ก็มิอาจรับประกันว่าพวกสายลืบที่ไร้ผู้นำจะไม่เอาตัวนางออกไปเพราะเห็นแก่เงินหรือข้าวของอย่างอื่น
นางมิอาจไว้ใจบุคคลใดได้เลย
ซูพ่านเอ๋อดึงหมวกม่านออกเต็มแรง ลากสังขารที่สวมอาภรณ์หลุดลุ่ยทั้งชุดมาหยุดยืนอยู่ต่อหน้าของกู้อ้าวเวยแล้วขบเรียวปากแน่น “เจ้าคิดว่าข้าน่าขันมากใช่หรือไม่…เมี่ยวหารเขาอยากหลอกใช้ข้าตั้งแต่ต้น เขาทำให้ข้าไม่สามารถกลายเป็นผู้หญิงของซ่านจินจื๋อได้อย่างแท้จริง และไม่อาจครอบครองอำนาจที่จะเป็นฮองเฮาได้…เขาไม่อนุญาตให้ข้าสืบทายาทแก่ซ่านจินจื๋อด้วยซ้ำ”
การลงโทษและความอบอุ่นในเวลาอันยาวนานเกือบทำให้ซูพ่านเอ๋อโจนลงไปในกับดักโดยไม่รู้ตัว
หากเป็นเมื่อก่อน ซูพ่านเอ๋อคงกรีดร้องตะโกนชื่อของกู้อ้าวเวย และโยนความผิดทั้งหมดไปไว้ในตัวนาง ทว่าในวันนี้เวลานี้ ซูพ่านเอ๋อเพียงแต่ยืนอยู่ต่อหน้าของกู้อ้าวเวยด้วยสีหน้าเย็นซีด กอดเรียวแขนพลางปริปาก “ขอเพียงเจ้าไม่ส่งข้าให้เมี่ยวหาร ข้าจะทำเรื่องทุกอย่าง…”
“”นี่เป็นเรื่องระหว่างพวกเจ้า” กู้อ้าวเวยหยัดตัวขึ้นแล้วเดินออกไปอย่างวางเฉย ทั้งยังเอ่ยเตือนนาง “อย่าให้ข้ารู้เชียวว่าครั้งหน้าเจ้าคิดหนี”
ซูพ่านเอ๋อพยักหน้าเหมือนตำกระเทียม ผลลัพธ์ในการหนีทั้งสองครั้งรังแต่นำมาซึ่งความหวาดกลัวให้แก่นาง
กู้อ้าวเวยเปิดห้องนอนอีกห้อง ก่อนผล็อยหลับไปนางครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วนว่าตนจะมุ่งไปยังทิศทางใด
นกพิราบส่งสารบินโฉบเนินเขา อ้ารับแสงแดด หยุดระหว่างใบไม้จากนั้นจึงนำเอากระบอกไม้ไผ่ขนาดเล็กบินข้ามกำแพงเมืองอันสูงลิ่ว สอดส่องลงไปที่การจราจรพลุกพล่านท่ามกลางเมืองเทียนเหยียน จากนั้นจึงหยุดงันอย่างมั่นคงอยู่ตรงบานหน้าต่างของตึกไม้ไผ่ชั้นสองซึ่งห้อยกระดิ่งเอาไว้ เอียงศีรษะน้อยๆ
ซ่านเซิ่งหานที่เอ้อระเหยอยู่ที่นี่ตลอดเวลารับจดหมายเอาไว้ อ่านโดยละเอียด ก่อนมุ่นเรียวคิ้วแน่น “เยว่ชิงอยู่ที่ใด?”
“เยว่ชิงยังมิได้กลับมา นางน่าจะยังอยู่…” ถ้อยคำของเฟิงฉีนยังไม่ทันเอ่ยจบ
เฟิงเยว่ที่อยู่หน้าประตูก็ได้คุกเข่าคารวะลงต่อหน้าของซ่านเซิ่งหาน สีหน้าขาวซีด “เยว่ชิงกลับมาตั้งนานแล้วเจ้าค่ะ ทั้งยังบอกข้าว่าพระนางผู้นั้นออกไปจากเมืองเทียนเหยียนเมื่อห้าวันก่อน…”
นัยน์ตาของซ่านเซิ่งหานหรี่เล็กลง ตบโต๊ะลุกขึ้นแล้วย่างออกจากตึกไม้ไผ่หลังเล็ก
เยว่ชิงในชุดสีม่วงเข้มกำลังคุกเข่าลงเบื้องหน้าตึกไม้ไผ่นัยน์ตาคู่นั้นไม่ได้เจือแววละอายแม้เพียงครึ่งเสี้ยว จ้องซ่านเซิ่งหานด้วยแววระยับ มือสองข้างยังกำดาบยาวที่เพียงพอจะตัดศีรษะของนางทิ้งได้โดยตรง บนดวงหน้ากระทั่งเจือรอยยิ้มหลายขนัด เอียงหน้ามองไปทางซ่านเซิ่งหาน “ข้าได้เตร็ดเตร่อยู่ด้านนอกห้าวัน ทุกอย่าวก็จบลง ข้ามิอาจให้ท่านเอาตัวไปเสี่ยงอันตรายเพียงเพราะผู้หญิงขี้กระผีกคนเดียวได้เป็นอันขาด”
“เจ้ายังจำคำกำชับของข้าได้หรือไม่ เจ้าปล่อยให้นางออกไปตั้งห้าวัน ไม่รู้สถานการณ์ในปัจจุบันของนางเชียวหรือ…”
“ท่านต่างหากที่ยังไม่รู้สถานการณ์ของตัวเอง เจตนาในปัจจุบันของฮ่องเต้ชัดเจนเกินไป ขุนนางในราชสำนักล้วนแปรพักตร์ไปทางอ๋องจิ้งกันหมด องค์ชายหกเดิมทีควรถูกปล่อยตัวออก เวลานี้กลับถูกกักบริเวณ ครั้นตัวท่านไปตามหาผู้หญิงคนนั้น เกรงว่าจะต้องกลับเข้าไปในคุกของต้าหลี่ซื่ออีกครั้งเป็นแน่!” เยว่ชิงรวบรวมความกล้าแผดตวาดใส่ซ่านเซิ่งหาน สายตาเย็นยะเยือก “ท่านรู้ถึงสถานการณ์ของตัวเองมากกว่าใครทั้งนั้น และข้าเชื่อว่า พระนางผู้นั้นคงไม่หวังให้ท่านตัดขาดเส้นทางที่นางปูไว้ให้ท่านอย่างเอาใจใส่เป็นแน่!”
ฝีเท้าของซ่านเซิ่งหานชะงักลงต่อหน้าของเยว่ชิง แววตาคลุมเครือไม่แจ่มแจ้ง