บทที่ 822 ตระกูลหยูนตระกูลซ่าน
ในขณะเดียวกัน โม่อีขี่ม้าไปอย่างเร็วโดยไม่หยุดพักและนำคำพูดของกู้อ้าวเวยไปส่งทุกคำพูดทุกประโยคในวังหลวง
แต่น่าเสียดายคนที่เขาควบคุมไว้นั้นมีน้อย ใช้เวลาสองวัน ถึงให้ทหารสองคนนำคำพูดไปให้หยุนหว่าน สำหรับซ่านจินจื๋อ ทางนั้นมีการควบคุมที่หนาแน่นจึงส่งเข้าไปให้ไม่ได้
หยุนหว่านมองดูสูตรยาในมือ ก็นั่งลงหน้าโต๊ะอย่างท้อใจ
หลิ่วเอ๋อกับจื่อเหมิงก็รีบมองไป ต่อมาก็นั่งลงข้างๆด้วยคิ้วที่ขมวดเป็นปม จนกระทั่งจื่อเหมิงเบะปากกอดอกพูดว่า: “เจ้านาย ข้าว่าคุณหนูเดินไปทางเดียวกับท่าน”
“อย่าพูดแล้ว” หลิ่วเอ๋อรีบดึงนาง มองดูหยุนหว่านอย่างระวัง เห็นนางเหมือนจะไม่ได้โกรธอะไร จึงพูดว่า: “เจ้านาย ท่านอย่าว่าคุณหนูเลย รอบข้างคุณหนูล้วนแต่มีคนที่ไม่น่าไว้วางใจ นานเข้า ก็เลย……”
“ข้าแค่เสียดาย” หยุนหว่านถอนหายใจช้าๆ ปลายนิ้วมือสัมผัสเข้าที่รอยแผลบนใบหน้าอย่างไม่ตั้งใจ ตอนนั้นแม้ส่วนมากจะผิดหวังกับฉู่หลี่ แต่ใบหน้าที่เสียหาย ยังไงก็ยังเป็นบาดแผลที่ตำใจนางอยู่นาน นางไม่คิดเลยว่า ลูกสาวตัวเองจะเป็นแบบนี้เหมือนกัน คิดแล้วก็ยิ่งเสียใจ: “ตอนนั้น ถ้าข้าและฉู่หลี่มีความกล้ากว่านี้อีกหน่อย พานางกลับมาโดยทุกวิถีทาง วันนี้นางคงจะไม่……”
จื่อเหมิงกับหลิ่วเอ๋อมองนางด้วยสายตาที่เป็นห่วง แต่กลับไม่มีคำพูดปลอบใจเลย
ในขณะที่กำลังเงียบ นอกประตูก็มีเสียงดังขึ้นเบาๆ ทหารสองคนตั้งใจออกเสียง หลิ่งเอ๋อก็รีบเอาของเก็บเข้าไปในแขนเสื้อ รอจนประตูถูกเปิดออก หวางกงกงเดินเข้ามา จื่อเหมิงกับหลิ่วเอ๋อก็มองเงียบๆ หยุนหว่านไม่หันกลับไปมองเลยด้วยซ้ำ
“นางกำนัลหลิ่ว พรุ่งนี้ในวังมีงานเลี้ยง เชิญท่านไปเข้าร่วมด้วย” หวางกงกงยิ้มหวานสั่งให้คนนำชุดนางกำนัลหญิงที่พอดีตัวออกมา และนางที่ควรจะเป็นนางกำนัลหญิงชั้นหก แต่เสื้อผ้าตรงหน้ากลับเป็นเสื้อผ้าสำหรับนางกำนัลชั้นสี่ นางอึ้งสักพัก มองไปอย่างไม่เข้าใจ
“งานเลี้ยงพรุ่งนี้เป็นงานเลี้ยงใหญ่ ฝ่าบาททรงเลื่อนยศให้ท่านด้วยล่ะ” หวางกงกงรีบอธิบาย: “เข้าใจสิ ฝ่าบาทจะทรงเลือกคู่ครองที่เหมาะสมให้กับอ๋องจิ้ง ถ้าคู่ควรกัน ถึงเวลาก็ขอให้นางกำนัลหลิ่วเตรียมตัว”
หลิ่วเอ๋อสายตาเยือกเย็น ลุกขึ้นมาทันที: “เจ้านายข้าไม่ได้เข้าวังมาเป็นขุนนาง ตอนนั้นถ้าไม่ใช่เพราะเจ้านายข้าอยากจะเป็นพันธมิตรกับฝ่าบาท ตกลงมาช่วยเขาหาคนร้าย ข้าก็คงไม่มาเป็นนางกำนัลหญิงที่นี่”
พอพูดจบ หวางกงกงกลับปิดปากหัวเราะออกมา: “เข้าวังนี้แล้ว ไม่อนุญาตให้พวกเจ้ามาไร้มารยาทที่นี่นะ ถ้าพรุ่งนี้ไม่ไป งั้นทั้งชีวิตนี้ พวกเจ้าก็อย่าหวังว่าจะได้ออกไปเลย”
“เจ้า!” หลิ่วเอ๋อนานๆทีจะเห็นนางโมโห แต่หวางกงกงก็สั่งคนวางกล่องอีกไม่กี่กล่องก็ออกไปเลย ทหารหน้าประตูผ่านไปสองชั่วโมงก็เปลี่ยนกะหนึ่งครั้ง ยากที่จะเรียก
หลิ่วเอ๋อนั่งลงด้วยความโมโห เสียงฮึในลำคอ: “ข้ายังคิดว่าฝ่าบาทเป็นคนดีเสียอีก”
“การกระทำของเวยเอ๋อนั่นสิถูก” หยุนหว่านยิ้มมุมปากด้วยความรู้สึกตลกตัวเอง ยกมือขึ้นนวดขมับ: “ต้องโทษข้าที่ตอนนั้นหลุดเข้ามาในกับดักนี้เอง ตายไปยังจะดีกว่า จะได้ไม่ทำให้สองรุ่นหลัง……”
“ท่านกับคุณหนูเหมือนกันไม่มีผิด” จื่อเหมิงเอาส้มยัดไปที่มือนางและพูดต่อว่า: “ในโลกมีเรื่องวุ่นวายมากมาย พวกท่านตายไปสองคนก็จะไม่มีเรื่องวุ่นวายแล้วหรือไง?”
ส้มในมือหนักอึ้ง หยุนหว่านสูดหายใจลึกๆ จับส้มในมือเบาๆ ส่ายหน้าอย่างตั้งใจ: “เจ้าพูดถูก”
จื่อเหมิงกับหลิ่วเอ๋อสีหน้าถึงดีขึ้นมาหน่อย อยากรู้แค่ว่าทางซ่านจินจื๋อจะตกลงหรือไม่
……
หมากสีดำขาว ช่องเหลี่ยมตรง
ซ่านจินจื๋อสองมือกลับถูกโซ่ตรวนหนักอึ้งล่ามไว้หลังกำแพง ตัวล็อคอันหนึ่งทำได้ละเอียด ดูไม่ใช่ของที่ทำโดยไม่ตั้งใจ และบาดแผลบนตัวซ่านจินจื๋อยังไม่หายดี ตอนนี้จึงทำได้แค่อยู่ด้านเดียวเท่านั้น และด้านหน้าก็มีกระดานหมากวางอยู่ตรงหน้า ดูแล้วเหมือนจะลงหมากดำขาวอยู่เยอะมาก
ซ่านต้วนโฉงตรงหน้าที่สวมชุดคลุมมังกรสีเหลืองทองอร่ามพึ่งลงหมากสีขาวไป และหยิบสีดำมาบีบไว้ที่มือ สายตามองไปที่กระดานหมากและยังไม่ลืมที่จะพูดว่า: “เจ้าทำร้ายทหารมากมายได้เพื่อกู้อ้าวเวย นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้ข้าแปลกใจอยู่มาก”
“ปล่อยข้า” ซ่านจินจื๋อพยายามขัดขืนก็ไร้ประโยชน์ ไฟความโกรธแค้นในใจยิ่งลุกโชนขึ้นอีก
ซ่านต้วนโฉงกลับยิ้มและวางมากสีดำลงไป เงยหน้ามองเขาพูดว่า: “แต่งงานกับหญิงตระกูลตงฟาง ขึ้นครองราชย์ที่นั่งของข้า ข้าก็จะไว้ชีวิตกู้อ้าวเวย ข้อแม้คือนางต้องกลับไปแคว้นเอ่อตานซะ ต่อไปก็ตัดขาดความสัมพันธ์กับเจ้าด้วย”
“เจ้าเห็นนางไม่ได้เลยงั้นเรอะ?” ซ่านจินจื๋อพูดอย่างไม่พอใจ บาดแผลที่กระดูกซี่โครงเจ็บขึ้นมาหน่อยๆ และซางนิงที่ยืนข้างๆด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย กลับเหมือนคนของฮ่องเต้ก็ไม่ปาน
“ข้าเกลียดผู้หญิงเจ้าชู้เยี่ยงนาง ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องของนางและองค์ชายสาม ข้าก็รู้อยู่มาก” ซ่านต้วนโฉงหัวเราะเสียงเบา: “ยิ่งไปกว่านั้น นางมีเรื่องวุ่นวายมากมาย ไม่ใช่คนที่คู่ควร แม้นางจะมีลูกให้แก่เจ้า แต่รอต่อไปเจ้าขึ้นครองราชย์ หลังวังมีหญิงสาวนับไม่ถ้วน ลูกหลานก็ดีกว่าลูกที่อยู่ในแคว้นเอ่อตานนั่นหลายเท่า”
เสด็จพี่ในตอนนั้นเปลี่ยนจากความใสซื่อ เผยให้เห็นถึงใบหน้าที่แท้จริง สายตาคู่นั้นที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความแค้น หมากสีขาวในมือเขาก็วางไปที่กระดานหมากนิ่งๆ พร้อมกับเสียงตะโกนเบาๆ: “หญิงตระกูลหยูนเชื่อใจไม่ได้”
“นั่นคือหยูนซีคนเดียว” ซ่านจินจื๋อมองด้วยความโกรธ
“ฝูจื่อ เอาของมา” ซ่านต้วนโฉงยกมือขึ้น
ฝูจื่อที่เป็นบ่าวรับใช้คนนั้นก็รีบยื่นกระดาษที่ดูเหมือนเก่ามากมาให้อย่างระวัง วางลงไปที่โต๊ะ
ซ่านจินจื๋อไม่เห็นหนังสือที่สกปรกแบบนี้มาก่อน ด้านบนยังมีคราบเลือดอีก คงติดอยู่นานจนกลายเป็นสีดำไปแล้ว กระดาษทั้งหมดก็กลายเป็นสีเหลือง และยังเหมือนถูกแมลงกัดอีก ตรงปกหนังสือยังไม่มีชื่อเขียนไว้อีก
ซ่านจินจื๋อแปลกใจ ซ่านต้วนโฉงก็เปิดมันออก ให้เขาดูจนหมด
รออ่านตัวหนังสือที่ต่างกันในนั้นจนจบ ซ่านต้วนโฉงก็หัวเราะขึ้นมา: “นี่ก็คือหลักฐานงั้นเหรอ?”
“นี่คือคำสาป ตอนนั้นตระกูลหยูนก่อนที่ทวดจะตายไป เคยขุดกระดูกทวดของตระกูลซ่าน” ซ่านต้วนโฉงเปิดไปหน้าเริ่มต้นนั้นอีกครั้ง: “ตระกูลหยูนและตระกูลซ่านจะต้องพัวพันกันไปตลอด แต่ไม่เคยมีคนตายดีเลย เจ้าข้าจะเว้นไปได้อย่างไร”
สีหน้าซ่านจินจื๋อยังคงหัวเราะเยาะ แต่ในใจกลับคิดมากไปแล้ว
“ฮ่องเต้ยุคสองเคยสั่งให้หญิงในตระกูลหยูนเข้าวัง สิบเอ็ดปีหลังจากนั้นก็ตายไป และหญิงตระกูลหยูนก็รอดมาได้ จากนั้นก็หายไปเลย ในหลายยุคผู้ที่เกี่ยวดองกับหญิงตระกูลหยูนต่างเกิดเรื่องกันทั้งนั้น ขนาดพวกเจ้ายังไปเห็นหลุมศพของทวดด้านล่างด้านลั่วสุ่ย ก็มีชีวิตมากมายที่ถูกฝังในนั้น” ซ่านต้วนโฉงมองเขาด้วยสายตาที่เย็นยะเยือก: “เจ้าเป็นน้องชายข้า ข้าจะทำร้ายเจ้าได้ยังไง”
“คำพูดไสยศาสตร์ เรื่องโชคชะตา เชื่อไม่ได้มาก” ซ่านจินจื๋อยังคงนิ่งเงียบ
“ตามเรื่องหลายพันปี ล้วนแต่เป็นความบังเอิญงั้นเหรอ?” ซ่านต้วนโฉงหัวเราะอย่างเย็นชา ลุกขึ้นยืน: “ข้าให้เวลาเจ้าคิดได้ แต่พรุ่งนี้เป็นงานเลี้ยง เจ้าอย่าได้ก่อเรื่องอีกเด็ดขาด หนังสือเล่มนี้ยังมีอีกสองเล่ม เล่มนี้เจ้าก็อ่านดูอย่างละเอียดแล้วกัน”
ซ่านตว้นโฉงเสียเวลาบนตัวเขาไปมาก ตอนนี้เดินหน้าไปห้องหนังสือใช้ชื่อเสียงของอ๋องจิ้งจัดการเรื่องราชการ วังหลวงยิ่งใหญ่ตอนนี้กลับคล้ายกำแพงเหล็กหนา กลับไม่มีใครรู้ว่าฝ่าบาทร่างกายแข็งแรงดี
และซางนิงก็ปลดล็อคที่ล็อคมือเขาไว้ ซ่านจินจื๋อมองดูหนังสือที่คล้ายของตระกูล แอบเหม่อลอยสักพัก
เขาไม่อยากจะเชื่อ แต่เรื่องบังเอิญมากมาย จะอธิบายอย่างไรล่ะ?