บทที่ 802 สัตว์ร้ายที่ถูกกักขังไม่อาจทำอะไรได้
ชิงจือไปฝึกปรือวรยุทธ์ที่เอ่อตาน เขาพาเพื่อนของเทียนเหยียนสองคนมาด้วย คนหนึ่งเป็นเด็กสาวขอทานข้างถนน อีกคนลูกชายของเจ้าของร้านช่างตีเหล็ก และแทบอยากจะส่งอาโม่ที่ไร้ซึ่งความอดทนกลับไปโดยเร็วที่สุด
ในระยะสั้นแค่สองเดือน ก็มีเด็กหลายคนถูกสำนักทิงเฟิงเก๋อกับคนของจวนอ๋องจิ้ง ไปถึงเขตภายในของแคว้นเอ่อตาน
ในจดหมายมีคำผิดเยอะมาก บิดๆเบี้ยวๆ กู้อ้าวเวยตั้งใจพลิกอ่านกลับไปกลับมาจนหลายรอบจนใกล้จะเข้ารอบที่สี่สิบ ประตูก็ถูกเปิดออกมา ยู่หงเอ่ยปากด้วยสีหน้านิ่งเฉย“ราชทูตของเอ่อตานอยู่ประตูด้านนอก อยากจะพบ และเตรียมจะกลับไปสะสางงานที่เอ่อตาน”
“ซ่านต้วนเฟิกับกู้เฉิงมีความคิดเห็นอย่างไร?”กู้อ้าวเวยนำจดหมายในมือใส่เข้าไปในห่อกระดาษไขของกระเป๋าเล็กอย่างไม่มีพิรุธ กลัวว่าน้ำฝนเพียงไม่กี่หยดจะทำให้ชะล้างร่องรอยทุกอย่างหายไปจนหมด
“พวกเขาจะไปพร้อมกับเธอ เหมือนกับที่นัดกันไว้คราวก่อน”ยู่หงก้าวขึ้นมาข้างหน้า สายตามองเฉียงลงแล้วแก้กุญแจข้อมืออันหนักอึ้งของนางออก มองดูร่องรอยรอยม่วงช้ำเป็นวงใหญ่ที่เหลือไว้“ยู่จือไม่มีทางช่วยเจ้าถอนพิษหรอก เจ้าต้องรู้ว่าผลจากการถูกคนควบคุมมันคืออะไร”
คำขู่ของเขาได้ผลเป็นอย่างมาก
ไม่กี่วันมานี้ยู่จือเคยทดลองอยากจะควบคุมนางอีกครั้ง หวังเพียงแค่ว่าจะสามารถได้คำพูดดีๆอะไรออกจากปากของกู้อ้าวเวยได้บ้าง ถึงจะเป็นคำขอร้องจากซ่านต้วนเฟิง หวังว่ากู้อ้าวเวยจะสามารถช่วยอะไรผู้ชายแบบเขาได้
สุดท้ายแทบจะเป็นแค่ปากอันเดียวของกู้อ้าวเวยที่ได้ชัยชนะไป
แต่ในขณะเดียวกัน ตามร่างกายของนางยังหลงเหลือบาดแผลน้อยใหญ่ทั่วร่างกาย แต่นางยังคงก้าวเท้าอย่างสบายๆ ราวกับไม่เคยได้รับการทารุณใดๆทั้งสิ้น แม้กระทั่งนางยังสามารถยังสามารถสบตากับนัยน์ตาของยู่หงที่ส่องสะท้อนความสงสารนางพูด“พวกเขาอยากจะควบคุมข้าในวาระสุดท้าย แต่ข้าที่เป็นแบบนั้นเป็นเพียงแค่ตุ๊กตาตัวหนึ่งเท่านั้น นอกเสียจากว่าพวกเขาจะสามารถห้าบอกในสิ่งที่พวกเขาอยากจะให้ข้าพูด”
“เจ้าสำคัญมากจริงๆนะ”
“เป็นพวกเขาที่เดินเข้ามาในกับดัก”กู้อ้าวเวยกะพริบตาปริบๆ แล้วรีบสาวเท้าเร็วขึ้น
ดูท่าแล้วเหมือนนางจะรู้ว่าราชทูตเอ่อตานที่มารับนางคือใคร
ราชทูตเอ่อตานพวกนั้นรีบหลีกทางเป็นแถวอย่างพร้อมเพรียงกัน ผิงชวนหยิบพัดขึ้นมาแล้วไปยืนอยู่ด้านข้าง แต่คนที่อยู่ข้างหน้ากลับสวมชุดดำและผ้าปิดปากสีดำ ดูจากรูปร่างลักษณะแล้ว ต้องเป็นหยุนหว่านอย่างไม่ต้องสงสัยอะไร
สายตาของกู้อ้าวเวยกวาดตามองไปที่ภายในห้อง ไม่รู้ว่ากู้เฉิงหลบอยู่ตรงไหนเพื่อคอยแอบดู
แต่นางกระโดดไปข้างหน้าด้วยความดีใจ มีมืออันสากเล็กน้อยของหยุนหว่านรีบกุมมือของนางขึ้นมา เอ่ยปากขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“สุขภาพของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
“ทุกอย่างเรียบร้อย ยาถอนพิษเหลือเพียงแค่ตัวเดียว ไม่รู้ว่าอี้จื๋อตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”กู้อ้าวเวยยืนอยู่ข้างๆของหยุนหว่านอย่างน่าเอ็นดู ร่างกายเบี่ยงไปด้านหน้าเล็กน้อย แล้วยังใช้แขนเสื้ออันกว้างปิดบังรอยเขียวช้ำบนข้อมือด้วย
“อี้จื๋อยังไม่รู้ความ ใช้เวลาสักนิด ก็ต้องให้เจ้าอยู่กับเขาไปทุกวันแล้วล่ะ”น้ำเสียงของหยุนหว่านเฉียบคมขึ้นมาเล็กน้อย ราวกับเปลี่ยนทิศทาง มองลอดไปยังซ่านต้วนเฟิงจากผ้าปิดหน้าสีดำหนา“องค์ชายเก้าดูแลเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
ซ่านต้วนเฟิงในตอนนี้เขาจัดระเบียบเสื้อผ้าแล้วนั่งลงอย่างเคร่งขรึม ในสมองของเขายังประเมินผลไม่ทันว่าคนที่อยู่ตรงหน้าคือหยุนหว่านจริงหรือไม่
“ไม่เลว”มองข้ามเรื่องราวไปแล้ว กู้อ้าวเวยก็ตัดสินใจเวลาที่จะออกเดินทางไปพร้อมกับหยุนหว่าน ซ่านต้วนเฟิงกระแอมเป็นช่วงๆเพื่อขู่ สายตาก็ไปตกอยู่ที่กลไกที่อยู่หลังภาพวาดพวกนั้น ตั้งใจถ่วงเวลาออกไปอีกเล็กน้อย
รอจนทุกอย่างจัดการเสร็จหมดแล้ว กู้อ้าวเวยทำได้เพียงแค่ส่งหยุนหว่านจากไป
ในเวลานี้นั้นเองกู้เฉิงถึงได้ออกมาจากที่ซ่อนในมุมมุมหนึ่งของห้อง เขาคิดว่าคนหนุ่มที่ชื่อผิงชวนคนนั้นคงพบตัวเขาแล้ว จึงพูดออกไปอย่างขวานผ่าซาก“หยุนหว่านไม่อยู่ในวังหลวง”
“ช่างทำให้ข้าเหลือเชื่อจริงๆ”กู้อ้าวเวยหัวเราะเบาๆขึ้นมา“พวกเจ้าขู่ข้าไปก็เท่านั้นแหละ”
“คนในวังสามารถลงมือจัดการซ่านจินจื๋อได้ตลอดเวลา ดูท่าแล้วเจ้ายังไม่รู้ว่าทุกวันนี้เขาเป็นเสี้ยนหนามในสายตาของคนตั้งเท่าไหร่ เป็นหนามยอกอก”ตั้งใจพูดเน้นย้ำตรงท้ายประโยคเล็กน้อย แล้วกู้เฉิงก็เดินก้าวไปข้างหน้า“ยิ่งไปกว่านั้นข้ามีปัญญาสามารถนำตัวชิงจือมาไว้ต่อหน้าของเจ้าได้ แน่นอนว่าก็มีปัญญาพามาที่นี่ได้เป็นครั้งที่สองเช่นกัน”
“เพราะฉะนั้นข้าเชื่อฟังเป็นอย่างดี”กู้อ้าวเฉิงเดินเฉียดไหล่เขาไปทางข้างๆ นานๆจะมีสีหน้าอบอุ่นขึ้นมาบ้าง
กู้เฉิงกำลังคิด กู้อ้าวเวยในตอนนี้อดรนทนไม่ไหวแล้ว เพราะฉะนั้นนางถึงได้ใจร้อนขนาดนี้
เพียงแต่หยุนหว่านออกมาจากวังหลวงตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
ในตอนที่ฮ่องเต้ล้อมตำหนักพักผ่อนของนางกำนัลหลิ่วเอ๋อไว้ หยุนหว่านก็ได้ออกมาจากที่นั่นแล้วก็ไม่อาจรู้ได้
เขาไม่ทันได้สังเกตเห็นสายตาอันเกลียดชังของกู้อ้าวเวยในขณะที่เดินจากไป มีเพียงเอ่ยเรียกสาวใช้ที่อยู่ข้างๆ สั่งการลงไปว่า“ให้คนส่งข่าวเข้าไปในวัง กลางดึกในพระตำหนักยังมีเงาของหยุนหว่านอยู่ด้านในหรือไม่”
“คืนนี้?”สายตาของสาวใช้สั่นไหว เป็นกังวลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“ยิ่งเร็วยิ่งดี”นัยน์ตาของกู้เฉิงมีแสงบางอย่างผ่านไปแวบหนึ่ง
ในขณะเดียวกันก็ให้คนรีบตามกู้อ้าวเวยไป กู้อ้าวเวยไม่ได้กลับเข้าห้องของตัวเอง แต่นางมาที่ข้างของห้องพัก ซูพ่านเอ๋อกำลังหดตัวอยู่บนเตียง ในมือยังมีไม้ที่แกะสลักอันเล็กๆที่กู้อ้าว เป็นคนมอบให้นางก่อนหน้านี้ ในตอนที่เห็นกู้อ้าวเวยเดินเข้ามานั้น สายตาทั้งคู่ก็เป็นประกายขึ้นมาเล็กน้อย หลังจากนั้นก็จางหายไป“เจ้าใช้วิธีสกปรกอะไรกับใช่หรือไม่?”
“อะไร?”กู้อ้าวเวยแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ขณะที่แขนเสื้อยาวกว้างๆที่ถูกพาดผ่านโต๊ะกระทั่งยังมีฝุ่นละอองปลิวออกมาเล็กน้อย น้ำชาในกานั้นถูกวางมาแล้วหลายวัน นางทำได้เพียงแค่ปัดฝุ่นออกแล้วนั่งลง
“เจ้าพรากทุกอย่างไปจากข้า มาวันนี้แต่กลับเก็บข้าไว้ เจ้าอยากจะแก้แค้นข้าใช่หรือไม่……”
“เพื่อยาถอนพิษเมี่ยวหารนั่นน่ะหรอ”กู้อ้าวเวยเปิดฉากพูดขึ้นด้วยความเย็นชา“ไม่เพียงแต่เท่านี้ ถึงเวลานั้นข้าก็จะพาเจ้าไปที่เอ่อตานด้วย เรื่องแก้แค้นน่ะ รอจนข้อตกลงของข้ากับเมี่ยวหารสำเร็จก็ไม่เลวเลยนะ”
“เขาหนีไปแล้ว!”ซูพ่านเอ๋อพูดออกมาอย่างตกใจ ร่างกายกระตุกสั่นไหวแต่ก็ไม่ได้ลุกขึ้นจากเตียง เพียงแต่เบิกตาทั้งคู่กว้างราวกับปีศาจที่ถูกจองจับจ้องไปที่กู้อ้าวเวยไม่วางตา
แต่หญิงสาวที่รูปร่างบอบบางคนนั้นกลับแสยะยิ้มขึ้น แล้วหัวเราะออกมาเบาๆ ดวงตาดั่งดอกท้อนั่นเหมือนมีปีศาจจิ้งจอกพันปีอยู่ในนั้น มองตรงไปที่ซูพ่านเอ๋อ ทำให้นางเสียวสันหลังเย็นวาบ ราวกับถูกปีศาจบางอย่างจ้องอยู่
“ในเมื่อหนีไปแล้ว ก็จะต้องกลับมาข้างกายข้าเพื่อความเป็นอมตะได้เช่นเดียวกัน เจ้ามีเลือดที่เขาต้องการ”กู้อ้าวเวยเดินก้าวไปข้างหน้า แย่งไม้แกะสลักในมือจากนางมา แล้วเอ่ยเสียงต่ำ“นี่คือของที่ให้ชิงต้าย”
จนกระทั่งดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอยสีแดงจนไม่อาจเบิกตาโตมากไปกว่านี้ได้อีกแล้ว
ซูพ่านเอ๋อร้องขึ้นด้วยความตกใจ มุดตัวไปยังมุมหนึ่งแล้วจัดการปิดหูของตัวเองไว้แน่น ——ราวกับเสียงร้องโหยหวนของชิงต้ายดังก้องอยู่ข้างๆหูของนาง แต่นางกลับกำของที่ให้ชิงต้ายไว้แน่น
พอได้ผลลัพธ์ที่พอใจแล้ว กู้อ้าวเวยก็เดินจากไป แต่ในขณะที่จะเดินออกไปนั้น ก็โยนไม้แกะสลักนั่นไปในถังน้ำสกปรก ทำให้น้ำสกปรกกระเซ็นเป็นวงน้ำ มีเสียงหัวเราะอย่างเย้ยหยันเบาๆ“วันแก้แค้นน่ะ อยู่ในระยะอันใกล้นี้แล้วล่ะ”
ยู่หงที่อยู่ประตูด้านนอกได้ยินเสียงเหล่านี้ ดวงตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อยเตรียมจะไปรายงาน แต่ก็กลับถูกยู่จือขวางเอาไว้“เจ้าขัดขวางนางไม่ได้หรอก”
“ใต้เท้ากู้เฉิงควรรู้เรื่องนี้ ไม่ว่าในตอนนั้นโชคชะตาจะเป็นอย่างไร ข้าก็ควร……”
“ถึงเจ้าจะบอกกับกู้เฉิงไป กู้เฉิงก็จะคิดแค่เพียงว่าคำพูดพวกนี้นางพูดกับซูพ่านเอ๋อ”ยู่จือจับแขนของเขาเอาไว้แน่น ดวงตาคู่นั้นสว่างวาบขึ้นมา“แน่นอนว่าเขารู้ว่าเจ้าจงรักภักดีขนาดไหน นางไม่มีทางโง่จนเปิดโปงตัวเองหรอก”
ยู่หงกลืนน้ำลายไปหนึ่งอึก ตกลงไม่เตรียมตัวที่จะไป