บทที่ 826 ไม่เพียงมังกรตัวเดียว
“เจ้าเป็นพี่น้องคนเดียวของข้า ข้าจะไม่ให้เจ้าถูกเสด็จแม่ควบคุมเด็ดขาด”
ในสมองเหลือแต่คำพูดสุดท้ายของเสด็จพี่ ต่อมาก็มีราชโองการแต่งงานสองอันลงมา ให้ซ่านจินจื๋อขอฟางซวนเอ๋อแต่งงานให้เป็นพระชายา และให้ซ่านเชียนหยวนขอน้องสาวญาติห่างๆเมิ่งเสวี่ยนเป็นภรรยาเอก และอ้างว่ามีงานราชการให้ทำมากมาย จึงจับทั้งสองขังไว้ในวัง
ซ่านเชียนหยวนยังไม่ได้สติกับคำพูดที่ตกตะลึงของซ่านต้วนโฉง ยังคงนั่งอึ้งอยู่บนโต๊ะหินอ่อน ในมือจับราชโองการสีเหลืองเหม่อลอย ไม่พูดอะไรเลย
ซ่านจินจื๋อกลับคิดเรื่องราวทุกอย่างตั้งแต่เล็กจนถึงใหญ่ จนถึงเขานึกถึงเสด็จแม่เป็นสนมที่มีชีวิตอยู่จนถึงคนสุดท้าย และตอนนั้นเขากับซ่านต้วนโฉงเหลือพี่น้องพ่อเดียวกันคนละแม่ไม่มาก ส่วนมากตายจากโลกนี้ไปตอนที่ต้องขึ้นครองบัลลังก์ ขนาดลูกหลานขององค์หญิงแทบจะไม่มีใครเข้ามารับราชการเลย
ซ่านต้วนโฉงจะสอนองค์ชายพวกนี้เสียเป็นส่วนใหญ่ แต่เขาเหมือนจะไม่ค่อยได้ยินเลยว่าเสด็จพี่จะชอบองค์ชายคนนั้น เหมือนองค์ชายพวกนั้นเป็นแค่หน้าที่ที่เขาเป็นฮ่องเต้เท่านั้น แม้เมิ่งซู่จะพูดวิธีเปลี่ยนแล้ว เขาก็ตอบตกลง แต่กลับไม่แก้ไขปัญหาในราชการ
ปวดหัวจนทนไม่ไหว ซ่านจินจื๋อมองดูพระราชโองการในมือ แต่กลับแสยะยิ้มพูดว่า: “น่าขำสิ้นดี”
คำพูดเรียบง่ายก็ปลุกซ่านเชียนหยวนให้ได้สติ: “เสด็จอา ข้าไม่เข้าใจ”
“อะไร?” ซ่านจินจื๋อหันกลับไปมองเขา โยนพระราชโองการในมือลงไปข้างๆ
“เสด็จย่าใจดีมีเมตตามาตลอด นางจะทำเรื่องแบบนี้ได้อย่างไรกัน แม้นางจะอยากควบคุมพวกท่านลูกชายสองคน งั้นเสด็จพ่อน่าจะแก้แค้นเสด็จย่า ทำไมต้องบังคับให้อาขึ้นบัลลังก์ด้วย และยังต้องฆ่ากู้อ้าวเวยอีก……”
พอพูดจบ ซ่านจินจื๋อกลับทำท่าให้เขาเงียบ ยักคิ้วขึ้นหน่อย
ซ่านเชียนหยวนก็เงียบลง พอผ่านไปสักพัก ถึงเห็นซ่านจินจื๋อเขียนกระดาษมาส่งให้เขา ในนั้นเขียนไว้ว่า——จริงเท็จรวมกัน ต้องวางแผนอีกยาวไกล
เอากระดาษฉีกฉีกยัดเข้าไปในกาน้ำ สีหน้าซ่านเชียนหยวนยังคงไม่สู้ดีนัก: “แต่เสด็จย่าดีจริงๆนะ นางไม่น่าจะทำเรื่องแบบนี้ได้”
“เจ้าก็เคยคิดว่าท่านแม่เจ้าจะไม่ทำร้ายคน” ซ่านจินจื๋อพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา และพูดต่อว่า: “แม้พระราชโองการพวกนี้จะยังไม่ได้ประกาศออกสาธารณะ แต่ถ้าฉีหรั่วรู้เรื่องนี้เข้า เจ้าจะทำยังไง?”
“นางคงจะเสียใจแน่” ซ่านเชียนหยวนคิ้วขมวดเป็นปม
เขาไม่รู้ว่าทำไมเรื่องนี้ถึงเลยเถิดมาขนาดนี้ได้
ในขณะที่ไม่มีอะไรจะพูด ซ่านจินจื๋อกลับพูดให้ทหารด้านนอกเข้ามา บอกพวกเขาว่า: “บอกเสด็จพี่ไป ตำแหน่งพระชายาของหยวนเอ๋อเก็บไว้ให้ฉีหรั่ว ข้าไม่ขอให้อนาคตกู้อ้าวเวยมีชีวิตรอด”
ซ่านเชียนหยวนเบิกตาโพลงโต และพวกทหารครุ่นคิดแล้ว ก็พูดอย่างตื่นตนกว่า: “ท่านอ๋องจิ้ง ท่านอย่าล้อพวกกระหม่อมเล่นเลย กู้อ้าวเวยเป็นคนในใจท่าน ตอนนี้มาเปลี่ยนความคิดกะทันหันแบบนี้ได้ยังไงกัน”
“น่าขำสิ้นดี ซูพ่านเอ๋อในเมื่อตอนนั้นอยู่ข้างข้าก็เพราะถูกควบคุม งั้นนางกู้อ้าวเวยก็ไม่ใช่หมากที่เสด็จแม่วางไว้เหรอ?” ซ่านจินจื๋อมือตบลงไปบนโต๊ะอย่างแรง ทหารทั้งสองได้เสียงดัง โต๊ะถูกตบออกมาเป็นสองท่อน และเสียงของซ่านจินจื๋อก็ดังขึ้น: “ข้าไม่ใช่คนโง่ ใครเป็นเสด็จพี่สนิท ใครเป็นตัวหมาก ข้าจะไม่รู้อย่างไร!?”
ทหารทั้งสองไม่กล้าพูดมากอีก รีบไปบอกซ่านต้วนโฉงตามนั้น
ซ่านต้วนโฉงที่พอได้ยินแล้ว ก็กลับหัวเราะพูดว่า: “ดูแล้วคำพูดของข้าได้ผลจริงๆ เขาใช้ชีวิตไม่สนใจอะไรมาทั้งชีวิต ยังคิดว่าเรื่องตอนเด็กเป็นเรื่องบังเอิญ ตอนนี้คิดอย่างละเอียดดูแล้ว ขนาดงานแต่งกับกู้อ้าวเวยนั้น คงเป็นเสด็จแม่จัดการสินะ”
“ฝ่าบาท อ๋องจิ้งเปลี่ยนไปเร็วไปไหม เรื่องนี้อาจจะมีอะไรก็ได้” หวางกงกงเตือนเสียงเบา
และซ่านต้วนโฉงกลับปัดมือ พูดเสียงเย็นชาว่า: “อยากรู้จริงปลอม ก็ไปทดลองดูที่หยุนหว่านสิ?”
หวางกงกงก็เข้าใจทันที และชมฮ่องเต้ทรงพระปรีชา
ซ่านต้วนโฉงก็ยิ้มและเขียนต่อ จนกระทั่งเห็นในกระดาษมีชื่อปรากฏขึ้นหยุนหว่าน สองตาก็เปร่งประกาย พอหวางกงกงออกไปเขาก็พูดกับซางนิงเสียงต่ำว่า: “ข้าเสียคนรักไปแล้ว เสด็จแม่กับจินจื๋อก็ต้องเป็นเช่นนี้เหมือนกัน”
ซางนิงดวงตาสีเขียวอ่อนเริ่มมีความสงสัย
รออยู่นานมาก ซ่านต้วนโฉงถึงโยนกระดาษในมือลงไปในโอ่งน้ำ และพูดว่า: “เรียกหานเอ๋อมาตรงนี้สิ”
“ขอรับ” ซางนิงออกไปอย่างเงียบเฉียบ ในใจก็รู้สึกสงสัย
คำพูดของฮ่องเต้ กำลังคิดว่าคำไหนจริง คำไหนหลอก
ตอนบ่าย หวางกงกงส่งข่าวมา บอกว่าช่วงนี้จะส่งฮูหยินหยุนหว่านกับนางกำนัลหลิ่วส่งกลับไปที่แคว้นเอ่อตาน ยังพูดไม่จบ โต๊ะใต้มือของซ่านจินจื๋อก็ล่มลงไปอีกครั้ง สายตาคู่นั้นที่พร้อมจะฆ่าคนมองหวางกงกงอย่างนั้น: “ไม่ได้!”
“แต่ฝ่าบาทสั่งลงมาแล้ว……”
“ถ้าหยุนหว่านไป ข้าก็รอกู้อ้าวเวยกลับมาไม่ได้น่ะสิ!” ซ่านจินจื๋อยกมือขึ้นจับคอเสื้อหว่างกงกไว้ ยกตัวเขาขึ้นมา สายตาเต็มไปด้วยความโกรธ: “ข้าอยากจะรู้ว่า นางรักข้าจริงหรือไม่!”
พอพูดจบ หวางกงกงก็ถูกโยนลงไป จากนั้นก็รีบวิ่งหนีไปทันที
และไม่เกินหนึ่งชั่วโมง ซ่านเชียนหยวนกับซ่านจินจื๋อก็ทะเลาะกันในลานขึ้นมา ทั้งสองเหมือนจะทะเลาะกันเรื่องกู้อ้าวเวย พอพวกทหารมา ซ่านเชียนหยวนก็ถูกโยนกระแทกไปที่กำแพง บนตัวมีแต่บาดแผล ยังดีที่ซางนิงมาเพื่อแสดงความภักดีดึงตัวซ่านจินจื๋อออกมา พวกทหารถึงนำตัวซ่านเชียนหยวนไปส่งที่โรงหมอหลวงอย่างระวัง
ซ่านเชียนหยวนยังคงโกรธอยู่ ชี้หน้าด่าพวกทหารว่า: “ห้ามใครแตะต้องฮูหยินหยุนหว่าน! นี่เป็นคำสั่งของข้า!”
น้อยครั้งที่จะเห็นอ๋องจงผิงที่นิสัยร่าเริงออกคำสั่ง ขนาดหวางกงกงยังต้องยอมใจกับเรื่องนี้
แต่มีเพียงซ่านจินจื๋อที่รู้ความจริง
เขาเช็ดเลือดที่ซึมออกมาจากปาก สายตามองซางนิงอย่างเย็นชา ถามเสียงต่ำว่า: “เสด็จพี่พูดความจริงมากเท่าไหร่?”
ซางนิงหลบสายตา เงียบไม่พูด: “จริงเจ็ด เรื่องของซูพ่านเอ๋อที่แอบสอดแทรกมาคือเรื่องจริง ควบคุมเป็นเรื่องเท็จ ไทเฮาตอนนั้น แค่ไม่อยากให้ท่านกลับมารักลูกสาวขุนนางในเมืองเทียนเหยียน ถูกครอบครัวฝั่งแม่ข่มขู่”
“เสด็จแม่จะคิดการณ์ไกลให้ข้าเช่นนี้ทำไมกัน” ซ่านจินจื๋อถอนหายใจหนัก
“อาจเป็นเพราะตอนนั้นไทเฮาฆ่าหยูนซี และฝ่าบาทกลับอดทนเรื่องนี้มาตลอด ไทเฮาก็กลัวว่าวันไหนที่ฝ่าบาทรู้ความจริงเข้า จะแว้งกัดเอา ดังนั้นเพื่อรักษาอำนาจและชีวิตตัวเองไว้ ถึงหันมาดูแลท่านแทน” ซางนิงมองเรื่องในวังนอกวังจนทะลุปรุโปร่งแล้ว ตั้งแต่เด็กมองดูสองพี่น้องโตมาด้วยกัน เขาที่เผ็นผู้ชมก็รู้จักนิสัยทั้งสองดี
ซ่านจินจื๋อกลับกุมขมับหัวเราะเสียงเบา: “ถ้าข้าไม่ได้รักเวยเอ๋อ นางก็แก้แค้นได้โดยไม่คิดอะไร และไปเที่ยวรอบทุกที่กับกุ่ยเม่ยได้”
“ราชวงศ์ไร้หัวใจ ฆ่าผู้หญิงไปแล้วนับไม่ถ้วน” ซางนิงถอนหายใจพูดว่า: “แต่สุดท้ายเจ้าก็ยังรัก นาง……”
“ข้าจะดูแลนางอย่างดี” ซ่านจินจื๋อเงยหน้าขึ้นมองซางนิง: “หยูนซีตายแล้ว เวยเอ๋อยังอยู่ เจ้าอยากเห็นอนาคตราชวงศ์ที่เปลี่ยนไปไหม”
“เจ้าอยากเป็นเจ้าแผ่นดินนี้จริงเหรอ?” ซางนิงขมวดคิ้ว
“คนที่เวยเอ๋อเลือกมา ไม่เพียงมีข้าทีเป็นมังกร” ซ่านจินจื๋อสะบัดแขนเสื้อ สายตามองไปที่กระดาษในมือของซางนิง ในนั้นเขียนไว้ว่า ‘หาน