บทที่ 837 ความทรงจำของตัวเอง
“ท่านตา เวยเอ๋อไม่อยากโตเป็นผู้ใหญ่เลย” หนูน้อยมัดผมไม่เท่ากันคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้เล็ก นางนั่งแกว่งขามองไปที่ชายแก่ที่กำลังตกปลาอยู่ นางเบะปาก เหมือนกำลังเบื่อและไม่พอใจ
“ทำไมล่ะ?”
“เวยเอ๋อไม่ชอบผู้ใหญ่ พวกเขาชอบหลอกคนอื่น บอกว่ากล้าทำก็ต้องกล้ารับ แต่ว่ากลับชอบทิ้งเรื่องเน่า ๆ เอาไว้มากมาย ฟังแล้วเหมือนจะยุ่งยากมากเลย” หนูน้อยเอามือขึ้นมาจับหน้าทั้งสองข้าง สายตาของนางสะท้อนเป็นประกายอยู่บนผิวน้ำ “ดูท่านตาตกปลาดีที่สุดเลย ได้ปลาหรือเปล่าก็มีความสุขตลอดเลย”
ชายแก่ยิ้มแล้วลูบไปที่หัวของหนูน้อย แล้วพูดว่า “ท่านตาก็หวังว่าเวยเอ๋อจะไม่โตเป็นผู้ใหญ่ตลอดชีวิตเลย ผู้ใหญ่พวกนั้นนิสัยไม่ดี ชอบหลอกคนอื่น”
“อือ เวยเอ๋อไม่โตเป็นผู้ใหญ่แน่นอน” หนูน้อยยิ้มแล้วกระโดดลงมาบนพื้น ก้อนหินเล็ก ๆ ตกอยู่หน้าของนาง นางเงยหน้าขึ้นมา “ข้าไม่อยากโต”
กู้อ้าวเวยก้มหน้ามองลงไปที่หนูน้อยน่ารักคนนั้น ยิ้มแล้วพูดว่า “ข้าจะช่วยให้โตแทนเอง”
“ดีจังเลย ข้าจะยกความสุขที่เหลือของข้าให้กับเจ้า ชาติหน้าข้าอยากจะเป็นปลาตัวหนึ่ง” หนูน้อยคนนั้นทำท่าทางว่ายน้ำ แล้วเงยหน้าอย่างได้ใจ
กู้อ้าวเวยเหมือนจะตะลึงไป ยังไม่ทันจะได้ตอบอะไร หนูน้อยคนนั้นก็ค่อย ๆ เติบโตขึ้น และเปลี่ยนเป็นภาพในวันแต่งงาน ชุดเจ้าสาวสีแดงสด หน้าตาไม่ได้ใสซื่อเหมือนตอนเป็นเด็กอีกแล้ว แต่มันเป็นสีหน้าเหมือนไม่มีทางเลือก นางยกมือขึ้นมา แล้ววางมือที่เปื้อนไปด้วยเลือดลงบนฝ่ามือของกู้อ้าวเวย
“ที่บรรพชนกล่าวไว้ไม่มีผิดเลย จะมีคนมาใช้ชีวิตแทนข้า”
เสียงนั่นมันเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ แต่ ‘กู้อ้าวเวย’ ที่อยู่ตรงหน้า กลับเงียบและถอยหลังไปหนึ่งก้าว ภาพทะเลสาบด้านหลังกลายเป็นภาพบรรยากาศงานแต่งงานในตำหนักอ๋องจิ้ง ก่อนการเดินเข้าตำหนักไป เจ้าสาวชุดแดงอย่างกู้อ้าวเวยตอนที่เดินข้ามกระถางไฟ แผ่นยันต์สีเหลืองที่ไม่มีใครเห็นก็หล่นลงไปในกระถางนั้น จากนั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
ภาพตัดกลับมา กู้อ้าวเวยที่อายุประมาณสิบห้าสิบหกกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้โยก กำลังอ่านหนังสือเก่าเล่มหนึ่งอยู่ ส่วนด้านนอกมีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ หากมองดีดี ยังพอมองออกว่าผู้หญิงคนนั้นมีหน้าตาคล้ายยู่จือ คลุมผ้าสีทอง แล้วพูดกับนางว่า “เวลาของเจ้ากำลังจะมาถึง ในวันแต่งงานเจ้าจะต้องตาย”
“ข้ารู้ ดังนั้นข้าต้องให้คนอื่นมาอยู่เป็นเพื่อนท่านตา ท่านตาดีกับข้ามาก หากท่านพ่อรู้ว่าเกิดเรื่องกับข้า จะต้องเสียใจมากแน่ ๆ” กู้อ้าวเวยที่อายยุสิบห้าสิบหกคนนั้นนั่งโยกเก้าอี้ไปสองที จากนั้นก็ร้องออกมา นางยื่นหนังสือไปให้กับผู้หญิงคนนั้น “ข้าสามารถให้คนมาใช้ชีวิตแทนข้า”
“ให้คนอื่นใช้ชีวิตแทนเจ้า? เจ้าก็ไปเลือกคนที่เจ้าถูกใจสิ จะหาเรื่องใส่ตัวเพื่ออะไร?” ผู้หญิงคนนั้นไม่เข้าใจ นางไม่ได้สนใจคำพูดของสาวน้อยเลย “หากเจ้ายอมกลับไปสืบทอดวิชาเคลื่อนดวงดาวของตระกูลยู่ อนาคตเจ้าก็จะสามารถคุมทั้งตระกูลหยุนกับตระกูลยู่นะ เจ้าว่าไง?”
“ควบคุมคนอื่นมันดีตรงไหน ในเมื่อเจ้าบอกว่าตระกูลหยุนกับตระกูลยู่เป็นครอบครัวเดียวกัน ต่อมาแตกแยกกันเพราะวิชาเคลื่อนดวงดาว ตอนนี้ผ่านมาร้อยปีพันปีกลายเป็นสองตระกูลไปแล้ว แล้วจะดื้อดึงให้ทั้งสองตระกูลกลับมารวมกันอีกทำไม ข้าว่าเป็นอย่างนี้ก็ดีแล้ว” กู้อ้าวเวยน้อยเบะปาก นางถือหนังสือกลับไปอ่านอีกครั้ง แล้วพูดอีกว่า “พวกเจ้าบอกว่าข้าฉลาด เรียนรู้อะไรได้เร็ว แต่ข้าอยากจะแต่งงานกับคนที่ข้าถูกใจ ต่อให้ต้องตายเพราะเขาข้าก็ยินดี”
ผู้หญิงคนนั้นขมวดคิ้วเหมือนจะไม่ค่อยพอใจ จากนั้นก็เดินเข้ามาด้านใน นั่งยอง ๆ ลงที่ข้าง ๆ เก้าอี้โยก “เจ้านี่มันรนหาที่ตายจริง ๆ เพื่อความรักแม้แต่ชีวิตเจ้าก็ไม่เอาแล้วหรือยังไง?”
“เจ้าบอกเองไม่ใช่เหรอว่าเวลาของข้าใกล้มาถึงแล้ว ยังไงก็ต้องตายอยู่ดี ไม่สู้ตายในที่ที่พอใจดีกว่า” กู้อ้าวเวยเงยหน้าขึ้นมา แล้วปิดหนังสือลง ยิ้มแล้วพูดว่า “ท่านพี่ยู่ ท่านกล่อมข้ามาตั้งนานหลายปี ไม่สู้ไปที่หลิ่งหนานตระกูลหยุน ไม่แน่นะว่ารอยสักบนใบหน้าของท่านอาจจะมีทางรักษาให้หายได้นะ”
“เจ้าเด็กแสบนี่” ผู้หญิงคนนั้นตำหนิเบา ๆ แต่ก็ไม่เหมือนด่า เหมือนจะเอ็นดูนางมากกว่า นางเอามือลูบไปที่หัวของนาง ยิ้มแล้วพูดว่า “อนาคตน้องสาวของข้ายังต้องพบหน้าเจ้าอีก ถึงเวลานั้นเจ้าก็สามารถคิดวิธีรักษารอยบนหน้าได้”
พูดแล้ว นางก็เห็นกู้อ้าวเวยที่อยู่ข้าง ๆ ทำให้นางหยุดเดิน แล้วหันมายิ้มให้
ส่วนกู้อ้าวเวยที่อยู่บนเก้าอี้โยกก็มองตามสายตาของนางไปอย่างแปลกใจ นางไม่เห็นอะไรเลย นางส่ายหน้าแล้วพูดว่า “เจ้าทำตัวแปลก ๆ อีกแล้วนะ”
กู้อ้าวเวยยืนตกใจอยู่ข้าง ๆ เห็นผู้หญิงคนนั้นมองมาที่ที่นางยืนอยู่ แล้วทำปากคำว่า “โชคชะตา”
จากนั้นก็หันหน้ากลับไป กู้อ้าวเวยที่อยู่บนเก้าอี้โตขึ้นไปอีกหนึ่งขวบ นางกำลังยกพู่กันขึ้นมาเขียนภาพอะไรสักอย่าง นางวาดมันอยู่หลายครั้ง ไม่รู้ว่านางวาดมันมาแล้วกี่คืน ในที่สุดนางก็วางพู่กันลง ยิ้มแล้วพูดว่า “เสร็จแล้ว ทำแบบนี้แล้ว ก็จะมีคนมาใช้ชีวิตแทนข้าได้แล้ว”
หลังจากพูดจบ กู้อ้าวเวยก็เดินขึ้นหน้าไปดูภาพนั่น แต่นางกลับรู้สึกว่าไหล่ของนางหนักขึ้น
นางหันหลังกลับไปมอง นางเห็นแค่นางอีกคนหนึ่งยืนอยู่ในพื้นที่ว่างเปล่าผืนหนึ่ง ปลายตาของนางเหมือนกำลังได้ใจ ท่าทางไม่ต่างกับกู้อ้าวเวยตอนเล็ก ๆ ไม่มีผิดเลย นางยิ้มให้แล้วพูดว่า “ข้ามอบสมองอันชาญฉลาดให้กับเจ้า ทำไมเจ้าถึงได้ลืมเรื่องสำคัญไปได้ล่ะ”
“ไม่ใช่เพราะสวรรค์เรียกตัวเจ้ามา แต่เป็นเพราะข้าส่งคำขอร้องไปให้เจ้า”
“ข้ามอบความสุขอีกครึ่งชีวิตของข้าให้เจ้า เจ้าช่วยข้าจัดการเรื่องเน่า ๆ ทุกอย่างให้ข้า ดีหรือเปล่า?”
มันไม่มีมีต้นสายปลายเหตุ กู้อ้าวเวยทำได้แค่ยิ้มในฝัน นางถามไปว่า “ทำไมถึงเป็นข้า?”
“ข้าเห็นเจ้ามีเรื่องน่าเบื่อนานเกินไปแล้ว คิดว่าจะกระตุ้นเจ้าหน่อย” กู้อ้าวเวยหัวเราะ จากนั้นก็เดินเข้าไปในพื้นที่ว่าง ส่วนผู้หญิงตระกูลยู่ที่เคยเจอก็ยืนมองอยู่ที่ไม่ไกล จากนั้นก็โอบกอดนางเอาไว้ จากนั้นก็ส่งสัญญาณให้กู้อ้าวเวย เสียงมันดังมาจากอากาศ “ตระกูลหยุนของพวกเจ้ารับเคราะห์แทนตระกูลยู่มาหลายเรื่องแล้ว ต่อไปให้น้องสาวของข้าตอบแทนบุญคุณของเจ้าก็แล้วกันนะ”
หลังจากนั้น ภาพที่อยู่ตรงหน้าก็มืดสนิท มีกลิ่นฝนโชยเข้ามาในจมูก มันนำเอากลิ่นดินกับกลิ่นหญ้ามาด้วย นางค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา แล้วมองไปในโรงเตี๊ยมแบบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อกี้มันเหมือนจริงมาก ความทรงจำที่เคยขาดหายไปของนางมันกลับมาอีกครั้ง
นางลืมสิ่งที่กู้อ้าวเวยคนเดิมเคยเจอมาไปเยอะมาก
ดังนั้นนางจำเรื่องของตระกูลยู่ไม่ได้เลย
“เจ้าเป็นยังไงบ้าง?” โม่ซานจับตัวของนางแล้วเขย่าตัวนาง
กู้อ้าวเวยได้สติกลับมา พบว่านางมีเหงื่อท่วมตัว เส้นผมแนบหน้า ร่างกายมีการกระตุกจนเจ็บ แต่ยังพอทนได้ นางทำได้แค่พยุงตัวลุกขึ้นมา แล้วมองไปที่โม่ซาน “เมื่อกี้ข้าฝัน”
โม่ซานมองไปที่นางด้วยความแปลใจ “เมื่อกี้เจ้าไม่ได้ละเมอนะ”
กู้อ้าวเวยถูกนางแหย่จนหัวเราะ แล้วยกมือเคาะไปที่หัว ใบหน้าของนางเหมือนจะได้ใจ “ข้ารู้แล้วว่าข้ามาที่นี่ได้ยังไง”
“เจ้าเจ็บจนบ้าไปแล้วหรือไง? ข้าจะไปตามหมอมานะ” โม่ซานมองไปที่นางแบบแปลก ๆ จากนั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
กู้อ้าวเวยทำได้แค่ส่ายหน้า นางลุกขึ้นมาแล้วหยิบหนังสือที่ยู่จือให้มา จากนั้นนางก็ค่อย ๆ ทบทวนความทรงจำ สุดท้ายไปหยุดที่หน้ากระดาษที่หนาที่สุด จากนั้นก็ใช้มีดเล็ก ๆ เปิดมันออก ด้านในมีกระดาษอยู่แผ่นหนึ่ง ภาพที่อยู่ด้านใน มันเป็นเหมือนภาพยันต์สีเหลืองในกระถางไฟในวันงานแต่งงานไม่มีผิดเลย
ด้านล่างมีอักษรแถวหนึ่ง
“พบที่ประตูทางเกิด ตายที่ประตูทางตาย ตระกูลหยุนคือพิษ ตระกูลยู่คือยา แก้ไขปัญหาทั้งสองทาง ทุกอย่างสิ้นสุด”