บทที่ 840 คลื่นน้ำวนในวังหลวง
กู้อ้าวเวยสวมชุดสีม่วงเข้มยืนอยู่ที่ศาลาริมน้ำ เขามองฉีหรัวที่กำลังนั่งให้อาหารปลาอยู่ที่ริมสระ นางเดิมเป็นลูกสาวของพ่อค้า ชีวิตนี้ไม่มีทางเข้าวังได้เลย แต่ตอนนี้นางได้กลายมาเป็นองค์หญิงเอ่อตานแล้ว ตอนนี้สวมชุดหรูหรา แต่งหน้าแต่งตานั่งอยู่ที่ศาลาริมสระ แต่กลับทำอะไรเป็นเด็ก ๆ คนอื่นก็อดจะนินทาไม่ได้
“ลูกสาวพ่อค้ายังไงก็เป็นลูกสาวพ่อค้า ไม่มีความเป็นองค์หญิงเลย”
“ตอนนี้อยู่กับอ๋องจิ้งตามลำพัง ยังไม่รู้จักสำรวมอีก”
แม้แต่นางกำนัลขันทียังกล้าพูดองค์หญิงอย่างนางเลย ซ่านจินจื๋อเหมือนจะได้ยิน เลยอดไม่ได้เหลือบมองไปที่นาง “เจ้าได้ยินหรือเปล่า?”
“ได้ยินสิ แล้วยังไง?”ฉีหรัวยังคงฉีกหมันโถวเหมือนเดิม อีกทั้งยังยัดใส่ปากตัวเองด้วย นางยิ้มแล้วพูดว่า “คำนินทาพวกนี้ยังไงก็ต้องตามติดตัวข้าไปตลอดชีวิต นอกจากจะไม่สนใจก็ไม่มีทางอื่นอีก”
“เจ้ากำลังจะบอกเรื่องของกู้อ้าวเวยเหรอ?” ซ่านจินจื๋อยิ้ม ขันทีที่อยู่นอกศาลาหูผึ่งขึ้นมาทีเดียว
“นางไม่เคยไปพบไท่เฮามาก่อน แล้วจะเป็นคนของไท่เฮาได้ยังไงกัน?” ฉีหรัวถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ต่อให้ไม่ใช่คนของเสด็จแม่จริง เจ้าจะรับประกันได้ยังไงว่านางไม่ได้จะกลับมาแก้แค้นข้า” ซ่านจินจื๋อพูดถึงตรงนี้ นางก็กำหมัดแน่น
ฉีหรัวอ้าปากค้าง สุดท้ายก็ไม่ได้พูดต่อแต่ให้อาหารปลาต่อ
นางกำลังคิดอยู่ว่าจะส่งข่าวให้ซ่านจินจื๋อยังไงดี ก็ได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ ดังมา “ท่านอ๋องจิ้ง องค์หญิงเอ่อตาน”
คำว่าองค์หญิงเหมือนจะประชดประชันแรงมาก
ฉีหรัวหันหน้ากลับไปมอง เห็นผู้หญิงคนหนึ่ง สายตาของนางนิ่งลงทันที นางลุกขึ้นมา แล้วพูดว่า “ได้ยินมาว่าคุณหนูตงฟางเป็นหญิงสาวที่มีความสามารถที่สุดในเมืองเทียนเหยียน แค่ภาพวาดภาพเดียวก็ขายได้เป็นพันตำลึง”
“องค์หญิงชมเกินไปแล้ว” ตงฟางซวนเอ๋อทำหน้าทำตาเคารพมาก แต่ในใจกลับดูถูกฉีหรัวมาก
“น่าเสียดายนะไม่รู้ว่าคนอื่นเขาซื้อภาพ หรือว่าซื้อหน้าของเจ้ากันแน่” ฉีหรัวพูด สายตาของนางก็มองไปที่ไหล่ของตงฟางซวนเอ๋อ จากนั้นก็มองไปที่ซ่านเซิ่งหานที่กำลังเดินมา นางยิ้มแล้วพูดว่า “แต่ว่าอาศัยหน้าหนา ๆ ก็สามารถบินสูงได้ มันก็ใช่ว่าจะไม่ได้ แต่เจ้าก็ต้องเรียนรู้ที่จะฉลาดหน่อยนะ”
“ข้าไม่รู้มาก่อนเลยว่าคุณหนูฉีหรัวจะพูดจาเก่งแบบนี้” สายตาของตงฟางซวนเอ๋อ จากนั้นก็หันไปมองซ่าน จินจื๋อที่อยู่ข้าง ๆ “ท่านอ๋องจิ้ง เสด็จป้ากำลังคิดที่จะคัดเลือกรองพระชายากับอนุให้ท่านอยู่เลย”
“เสด็จอาบุญน้อย” ซ่านเซิ่งหานจู่ ๆ ก็พูดขึ้นมา แล้วเดินผ่านตงฟางซวนเอ๋อไปยืนข้าง ๆ ฉีหรัว เขายกมือขึ้นมาโอบนางเอาไว้ “เจ้าไปกล่อมคนที่ไม่มีหัวใจจะมีประโยชน์อะไร”
“เจ้าเอาตัวชิงจือมา ต่อไปข้าจะดีกับเขาเหมือนลูกชายแท้ ๆ เลย” ฉีหรัวตบไปที่ไหล่ของเขา นางยิ้มแล้วพูดว่า “แต่นับอายุแล้ว ชิงจือก็ถือเป็นพี่น้องก็เจ้านะ”
“งั้นก็ถือว่ารับน้องชายเพิ่งแล้วกัน ต่อไปบรรดาศักดิ์ของท่านอ๋องก็ต้องเป็นของเขา” ซ่านเซิ่งหานตั้งใจพูดให้เสียงดังขึ้น จากนั้นก็ยังหันไปมองซ่านจินจื๋อ แล้วไม่ลืมพูดว่า “หากเกิดอะไรขึ้นกับกู้อ้าวเวย ข้าจะไม่ยกชิงจือกับอี้จื๋อให้ท่านแน่ เสด็จอา”
เขากัดเสียงแน่นกับสองคำหลังมาก ซ่านเซิ่งหานพาฉีหรัวเดินจากไปทันที
เมื่อเดินออกจากอุทยานหลวง ตอนที่ไม่มีใครแล้ว ฉีหรัวมองไปที่ศาลาริมน้ำอย่างกังวล “หากข้าดูแลตัวเองได้นะ เมื่อกี้เจ้าก็คงบอกสถานการณ์ตอนนี้ให้เขารู้ไปแล้ว”
“กู้อ้าวเวยสำคัญ แต่เจ้าเองก็สำคัญ จะเสียใครไปไม่ได้เด็ดขาด” ซ่านเซิ่งหานเองก็ไม่คิดที่จะสูญเสียใคร อีกทั้งนางไม่เหมือนลี่วาน ตอนที่เขาตัดสินใจจะอยู่กับฉีหรัว ผู้หญิงที่แข็งกร้าวคนนี้กลับบอกกับเขาว่า “ก็ได้ ต่อไปข้าจะคุ้มครองเจ้าเอง”
ตอนนั้น ในใจของซ่านเซิ่งหานมีแค่คำเดียว ——- ซวยแล้ว
ในเวลานี้ ฉีหรัวเองก็ยิ้มแล้วพูดว่า “แต่ว่าในเมื่อกู้อ้าวเวยให้ข้าเข้าวังมา ข้าก็ควรจะทำอะไรบ้าง”
“หมายความว่ายังไง?”
“เขาเพิ่งจะให้กระดาษข้อความมาให้ข้า” ฉีหรัวจับไปที่จมูกอย่างกลัว ๆ แล้วเอากระดาษออกมาจากใต้กระดาษหมันโถว ตอนที่นางกินมันเข้าไปนางแอบมองนิดหน่อย แล้วยื่นให้ซ่านเซิ่งหาน แล้วบอกว่า “เขาเชื่อว่ากู้อ้าว เวยถูกใส่ร้าย”
“เขารู้ได้ยังไง?” ซ่านเซิ่งหานไม่อยากจะเชื่อ
ฉีหรัวส่ายหน้า ซ่านจินจื๋อตอนนี้ถูกจับตาความเคลื่อนไหวอย่างแน่น จะไปได้ข่าวมาจากไหน
ในศาลา ซ่านจินจื๋อยังไม่ละสายตาไปจากปลา ตงฟางซวนเอ๋อพูดอะไรข้างหูของเขามากมาย เขาฟังไม่เข้าหูสักคนเลย เมื่อตงฟางซวนเอ๋อพูดจนปากแห้งแล้ว เขาก็หันกลับมาพูดว่า “แล้วแต่เจ้า”
ตงฟางซวนเอ๋อตาเป็นประกายขึ้นมา จากนั้นก็ขยับเข้าไปใกล้เขา นางก้มหน้ามองไปที่ปลาในสระ จากนั้นก็ถามเขาว่า “ท่านอ๋องจิ้งกำลังดูอะไรอยู่เหรอเพคะ?”
ไม่รอให้ซ่านจินจื๋อตอบอะไร ตงฟางซวนเอ๋อรู้สึกว่าด้านหลังของเขาเหมือนมีใครมาผลักเบา ๆ ทำให้นางเกือบจะตกลงไปในน้ำ ซ่านจินจื๋อใช้มือจับผ้าเช็ดหน้าที่อยู่ในมือของนางเอาไว้ แต่เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้เขาหันไปมอง แล้วกระพริบตา
ในวังหลวง เหมือนจะยังมีกลุ่มอำนาจอื่นอีก
ขันทีนางกำนัลหลายคนวิ่งกรูกันเข้ามา แล้วกระโดดลงไปเพื่อช่วยตงฟางซวนเอ๋อขึ้นมา นางเข้าวังมาแค่ไม่กี่วัน ก็โชคร้ายหลายต่อหลายครั้ง เมื่อรับเสื้อคลุมจากนางกำนัลมาแล้วนางก็อดคิดว่าจะใช้ฝีมือของซ่านจินจื๋อหรือเปล่า แต่ซ่านจินจื๋อกลับยื่นผ้าคืนไปให้กับนาง แล้วกำชับว่า “มีคนคิดจะฆ่าเจ้า อย่าทำตัวโง่ ๆ หาเรื่องใส่ตัวอีก ใช้สมองบ้าง”
ตงฟางซวนเอ๋อมองไปที่ผ้าในมืออย่างงง ๆ ใบหน้าของซ่านจินจื๋อเหมือนจะมีรอยอะไรบางอย่าง มันทำให้นางละสายตาไม่ได้ จากนั้นก็ได้ยินเขาพูดอีกว่า “หากไม่ใช่เพราะหน้าของเจ้า ข้าคงผลักเจ้าลงไปด้วยตัวเองแล้ว”
หัวใจที่อุ่นเย็นลงทันที ตงฟางซวนเอ๋อยิ้มเบา ๆ แล้วพูดว่า “หากท่านอ๋องยอมร่วมมือกับข้า ข้ายังมีข้อมูลอีกมากมายจะบอกกับท่าน รวมไปถึงคนที่อยู่เบื้องหลังของกลุ่มอำนาจด้วย”
“ข้าไม่ได้โง่” ซ่านจินจื๋อพูดไปแค่นั้น เขาไม่หันกลับมามองแล้วเดินจากไปทันที
สามารถใช้กำลังภายในโดยที่เขาไม่รู้นั้นมีน้อยมาก องครักษ์ในวังหลวงเจออะไรมาตั้งมากมาย เวลาลงมือไม่มีความอาฆาต แต่เมื่อกี้มันไม่เหมือนกัน
หากไม่ได้ซ่านจินจื๋ออยู่ด้วย คน ๆ นั้นฆ่าตงฟางซวนเอ๋อแน่
ตอนนี้ตงฟางซวนเอ๋อยังอยู่ มันก็เหมือนยันต์คุ้มภัยของกู้อ้าวเวย หากตงฟางซวนเอ๋อตาย ไม่มีใครได้ประโยชน์เลย?
ในเวลานี้เอง ตงฟางซวนเอ๋อที่เปียกปอนไปทั้งตัวก็ไล่เหล่าขันทีนางกำนัลไปหมด เหลือแค่นางกำนัลแค่คนเดียว นางพูดว่า “ถึงแม้ท่านอ๋องจิ้งจะให้ความสำคัญแค่ใบหน้าของข้าเท่านั้น แต่มันก็มีประโยชน์ เจ้าไปบอกเสด็จป้าว่า เพื่ออนาคตของตระกูลตงฟางเรา ไม่ว่ายังไง ข้าก็จะต้องขึ้นเตียงของอนาคตฮ่องเต้ให้ได้