บทที่ 865 วันเกิดตระกูลตงฟาง
งานเลี้ยงวันเกิดของนายท่านตงฟางจัดอย่างยิ่งใหญ่ คนที่มีหน้ามีตาทั่วทั้งเมืองเทียนเหยียนต่างมาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง
กู้อ้าวเวยทำตามสิ่งที่ยู่จือบอกไว้ ถึงแม้จะเปลี่ยนเสื้อผ้าทั้งตัวก็อย่าได้ถอดเสื้อคลุมด้ายทองออก ตอนนี้นางสวมชุดยาวสีฟ้าครามทั้งตัว หนังจิ้งจอกพันรอบลำคอ โผล่ให้เห็นแค่ใบหน้าเล็ก บนศีรษะยังมีหมวกหนาๆ ทั้งนี้ทั้งนั้นจึงไม่จำเป็นที่จะต้องสวมเครื่องประดับบนศีรษะ นางมัดผมต่ำที่ท้ายทอยเท่านั้น
กู้อ้าวเวยเห็นไม่ชัดว่าตนเองสวมอะไรอยู่ นางทำเพียงแค่นั่งอยู่ในรถม้ากับซ่านจินจื๋อ ได้ยินเสียงอึกทึกครึกโครมของฤดูหนาวทางนี้ ไม่เหมือนกับบรรยากาศของเย่นเจียงแม้แต่น้อย แน่นอนว่านางสามารถเอ่ยปากพูดขึ้นอย่างระมัดระวัง“ที่เจ้าออกมาไม่ใช่แค่อยากร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของนายท่านตงฟางใช่หรือไม่”
“เจ้าคิดว่ายังไงล่ะ?”ซ่านจินจื๋อกุมมือข้างหนึ่งของนางไว้ พลางใช้มือของตนเองทัดผมไว้บนหลังหูของนาง
“สายตาของฮ่องเต้ต้องอยู่อย่างแน่นอน เจ้ายังจะทำตัวสนิทสนมกับข้าเช่นนี้อีกหรือ?”ในขณะที่กู้อ้าวเวยหันกลับไปเกือบกระทบเข้ากับมือของซ่านจินจื๋อ เขาจึงชักมือกลับ แล้วจับตรงคางของนาง“แล้วยังไงล่ะ?อาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้ พวกเขายังไม่สงสัยอะไรหรอก”
“ข้าต้องทำอะไรบ้าง?”กู้อ้าวเวยนวดคลึงตรงขมับ“บางคนข้าอาจจะจำไม่ได้”
“เจ้าก็คิดเสียว่าเจ้าคือยู่ชีงก็พอแล้ว เอาแต่ใจหน่อยยิ่งดี”ซ่านจินจื๋อลูบคางของนางไปมาเหมือนลูกแมวก็ไม่ปาน จนทำให้กู้อ้าวเวยปัดมือเขาออกเบา เขาจึงดึงมือกลับไป เห็นกู้อ้าวเวยนำสองมือออกมาจากแขนเสื้อแล้วดึงกลับไปใหม่“เจ้าพูดเองนะ”
“แน่นอน”ซ่านจินจื๋อชักมือกลับ รถม้าค่อยๆช้าลงเรื่อยๆ แล้วหยุดลงในที่สุด
ข้างๆหูแทนที่จะเป็นเสียงโหวกเหวกโวยวายในตลาดตอนนี้เปลี่ยนเป็นเสียงโห่ร้องของบรรดาใต้เท้าทั้งหลาย ในขณะที่กู้อ้าวเวยกำลังจะลงจากรถม้านั้นมีสายตาจำนวนมากมองมา แต่นางกลับเดินอยู่เคียงข้างซ่านจินจื๋ออย่างนิ่งเฉย ฟังเสียงพวกใต้เท้าซุบซิบคุยกัน ปลายนิ้วของนางก็กำลังจับอยู่ที่แขนเสื้อ
“ไปกันเถอะ”ซ่านจินจื๋อยกมือขึ้นอยากจะคว้าไปจับมือของนาง
แต่กู้อ้าวเวยกลับหลบอย่างไม่ทิ้งร่องรอย มองไปยังเขาแวบหนึ่ง“ข้ามองตามเงาของเจ้าก็พอแล้ว”
“ข้าพูดคำไหนคำนั้น”มุมปากของซ่านจินจื๋อมีรอยยิ้มบางๆ จับมือของกู้อ้าวเวยเอาไว้ การขัดขืนของนางไม่มีประโยชน์ใดๆ ยางเงยหน้าขึ้นไปมองเขาอย่างไม่เข้าใจ
ไหนบอกให้นางทำตัวเอาแต่ใจไง?
ในใจของซ่านจินจื๋อกำลังคิด ว่าน่ารักน่าชังเสียจริง
นายท่านตงฟางกำลังมองดูทั้งสองอย่างพินิจพิเคราะห์ ตงฟางซวนเอ๋อที่อยู่ข้างๆมองพลางกัดริมฝีปากล่างจนแน่น นางกระทืบเท้าอย่างแรงสองครั้ง ดึงแขนของนายท่านแกว่งไปมาสองครั้ง“ท่านปู่ ท่านอ๋องจิ้งเขา……”
นายท่านตบตรงไหล่ของนางเบาๆ“หยุดโวยวายได้แล้ว เจ้าเด็กคนนี้เหมือนคุณหนูตระกูลใหญ่มากกว่าเจ้าเสียอีก”
“ท่านปู่!”ตงฟางซวนเอ๋ออดไม่ได้ที่จะโกรธด้วยความอับอาย
นายท่านลูบไปที่เคราเบาๆ อาศัยจังหวะที่ไม่มีคนเข้ามาแสดงความยินดีดึงตัวหลานสาวไปข้างๆ“แม่นางผู้นี้ไม่ได้ธรรมดาเหมือนหน้าตาของนาง เจ้าต้องระวังตัวให้ดี”
ตงฟางซวนเอ๋อเบิกตาโตเล็กน้อย“ท่านปู่ท่านไม่ได้พบเจอนางเป็นครั้งแรกหรอกหรือ?”
“แน่นอน แต่เมื่อครู่เจ้าไม่ได้สังเกตเห็นดวงตาของนางหรือ?”นายท่านหรี่ตาลงเล็กน้อย ไม่ได้รู้สึกว่าดวงตาสีหม่นคู่นั้นมีปัญหาอะไร เพียงแต่เอ่ยขึ้นมาว่า“ถึงดวงตาของนางจะไม่สามารถมองเห็นได้ แต่ทุกอิริยาบถของนางดูสุขุม อากัปกิริยาก็ไม่วุ่นวายเลยแม้แต่น้อย นอกจากนั้นแล้ว เมื่อคู่ดวงตาคู่นั้นมองมาที่ข้า ทำให้ข้ารู้สึกว่านางกำลังพินิจพิเคราะห์ข้าอยู่ เป็นคนที่เฉียบแหลมมาก ไม่ได้เป็นคนรับมือง่ายๆ เจ้าต้องระวังตัวให้ดี อย่าได้ใจร้อนเหมือนเมื่อครู่อีก ตำแหน่งนี้ ฮ่องเต้บอกแล้วว่าอย่างไรก็เป็นของเจ้าอยู่วันยังค่ำ เจ้ารอวันเวลาเข้าหอ แล้วค่อยๆหาวิธีกดนางจะเป็นไรไป?”
ตงฟางซวนเอ๋อฟังอย่างตั้งใจ ไฟที่สุ่มอกก็ค่อยๆหายไปอย่างไร้ร่องรอย นางพยักหน้า ในขณะเดียวกันก็ต้อนรับแขกอย่างใจกว้าง
แต่ซ่านจินจื๋อที่ได้ยินสายลับคนหนึ่งนำเรื่องที่นายท่านตงฟางพูดรายงานมาทั้งหมดนั้น กลับอดไม่ได้ที่จะกระตุกรอยยิ้มขึ้น แล้วดึงตัวกู้อ้าวเวยเข้ามา“ถึงข้าจะอยากนำเจ้าไปซ่อนไว้จริงๆ สุดท้ายยังไงก็ต้องมีคนพบตัวเจ้าอยู่แล้ว”
“อะไรนะ?”กู้อ้าวเวยหันกลับมาอย่างไม่เข้าใจทันทีทันใด
ซ่านจินจื๋อบีบมือของนาง แล้วไม่พูดอะไรต่ออีก กู้อ้าวเวยขยี้ปลายจมูกไปมาอย่างแปลกใจ เหมือนกับจะรู้สึกได้ว่าบนร่างกายของนายท่านเมื่อครู่มีกลิ่นแปลกๆบางอย่าง แต่กลับนึกไม่ออกว่าเป็นกลิ่นอะไร
ร่างของนางถูกชนเข้าเบาๆ นางเงยหน้าขึ้นมาอย่างแปลกใจเล็กน้อย ได้ยินเสียงอันคุ้นเคยเข้าพอดี“ท่านอ๋องจิ้งช่างโชคดีจริงๆ”
นี่เป็นเสียงของฉีหรัว ดูแปลกๆชอบกล
กู้อ้าวเวยกดหลังมือของตัวเองไว้ ก้มหน้าลงไม่พูดไม่จา ฉีหรัววิเคราะห์คนที่อยู่ตรงหน้าอย่างละเอียด รู้สึกว่ายู่ชีงคนนี้ดูใกล้ๆแล้วช่างเหมือนกับกู้อ้าวเวยยิ่งนัก แต่ตกลงเป็นกู้อ้าวเวยตัวจริงหรือไม่นั้น นายไม่อาจรู้ได้
ในขณะที่กำลังวิเคราะห์อยู่นั้น ซ่านเชียนหยวนที่อยู่ข้างๆก็ดึงนางเบาๆ“เจ้าเป็นคนโปรดคนใหม่ของเสด็จอาอย่างนั้นหรอ?”
กู้อ้าวเวยเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง แล้วเลิกคิ้ว
ซ่านจินจื๋อกดหลังมือของนางอยู่ข้างล่าง แล้วเอ่ยปากพูดขึ้นมาว่า “หยวนเอ๋อ อย่าโวยวายไร้สาระ”
ซ่านเชียนหยวนทำเสียงหัวเราะอย่างเย้ยหยัน ในสายตาของเขา ยู่ชีงคนนี้กับกู้อ้าวเวยไม่เหมือนกันเลยแม้แต่นิดเดียว อีกทั้งรอยสักบนใบหน้าของนางไม่ใช่ใครสามารถหลอกเลียนแบบได้ ดูยังไงคนที่อยู่ตรงหน้าก็เป็นแค่คนที่เข้ามาแทนกู้อ้าวเวยเท่านั้นแหละ
ฉีหรัวตบมือของเขาเบาๆอย่างไม่ทิ้งร่องรอยไว้“ท่าอ๋องจิ้ง เขาไม่ได้ตั้งใจหาเรื่องนะ เพียงแต่กังวลว่ากู้……”
“อย่าเอ่ยชื่อนี้ต่อหน้าข้าอีก”ซ่านจินจื๋อแสร้งทำเป็นโกรธเกรี้ยวขัดบทสนทนาของฉีหรัว สายตาเย็นชา“ถ้าหากนางรักเดียวใจเดียว จะต้องพิสูจน์มันต่อหน้าของข้า แต่ไม่ใช่การตายไปหรือหนีไปเช่นนี้”
ฉีหรัวไม่พูดอะไรอีก ซ่านเชียนหยวนก็สีหน้าเงียบขรึม คนที่อยู่รอบข้างก็รู้ว่าสถานการณ์ปัจจุบันเป็นอย่างไรจึงไม่กล้ารบกวนอีก
แต่หนึ่งในคนหลายคนนั้นกู้อ้าวเวยทำตัวเหมือนเรื่องพวกนี้ไม่เกี่ยวกับนาง จึงปล่อยไว้อย่างไม่สนใจ อย่างไรเสียเวลานี้นางก็จะทำเป็นไม่รู้จักใครอยู่แล้ว แน่นอนว่าไม่จำเป็นต้องเปิดปากพูดอะไร นางยกมือขึ้นไปหยิบของหวานมากิน มืออีกข้างก็ยันกับโต๊ะไว้ ร่างกายก้มโค้งเล็กน้อยเพื่อหาท่าที่สบายที่สุด เมื่อกินไปได้หนึ่งคำก็ขมวดคิ้วแล้ววางลง
ซ่านจินจื๋อเลิกคิ้วขึ้น เห็นแขนเสื้อไหวๆของกู้อ้าวเวยที่วางอยู่บนโต๊ะพอดี ยาขวดเล็กกลิ้งลงมาบนฝ่ามือ นางหยิบแล้วยัดมันไปให้ฉีหรัวที่อยู่ข้างๆ แล้วเอ่ยด้วยเสียงเบา“ที่นี่ดูอึดอัดเล็กน้อย ข้าจะไปเดินเล่นรอบๆ”
“อือ”ซ่านจินจื๋อกวักมือเรียกคนที่อยู่ข้างๆ ข้ารับใช้สองคนก็เดินตามหลังของกู้อ้าวเวยไป และคอยเตือนทางเท้าเล็กๆที่อยู่ใกล้ๆ
ฉีหรัวรีบยัดขวดยาเข้าไปในแขนเสื้อ ซ่านจินจื๋อก็นำของหวานที่นางกัดไปแล้วคำหนึ่งวางอยู่ตรงริมฝีปากแล้วกัดกินหนึ่งคำ ในจมูกของเขารับรู้ถึงกลิ่นประหลาด เขาจึงวางมันลง ขณะเดียวในขณะที่ลูกหลานของตระกูลตงฟางเดินเข้ามาก็พูดขึ้นมาว่า“ใต้เท้าตงฟาง ของหวานของเจ้าไม่สดใหม่”
ทุกคนต่างพากันหันกลับไป และบรรดาคุณหนูตระกูลขุนนางก็พากันวางของว่างในมือลงทันที
นายท่านตงฟางรีบเดินเข้ามา กำลังคิดอยากจะพูดอะไร แต่กลับได้ยินเสียงใต้เท้าโต๊ะข้างๆหยิบเข็มเงินยืนขึ้นมา แล้วตะโกนด้วยเสียงตกใจ“ในของว่างมียาพิษ!”
นายท่านตระกูลตงฟางใบหน้าซีดเผือดทันที สองมือกำลังสั่นเทา คนที่อยู่ในจวนต่างพากันโหวกเหวกโวยวายวุ่นวายกันไปหมด