บทที่ 870 ความเห็น
เงียบอยู่นาน
“งั้นปัญหาก็คือฝ่าบาท ถ้าเจ้ารู้ว่าปัญหาของปมอยู่ไหน เจ้าก็น่าจะรู้วิธีการแก้ปมนั้นออก หรือจะเพิ่มกำลังไฟเข้าไปอีก” กู้อ้าวเวยเก็บใบหน้าที่โศกเศร้าไป ยกมือขึ้นเคาะโต๊ะเบาๆ “ถ้าอยากได้ความเชื่อใจของฝ่าบาท เจ้าต้องรับผิดชอบกดเรื่องนี้ลงไป กลับกัน เจ้าต้องยืมมือคนอื่นมาแก้ไขปมนี้ เหมือนกัน ถ้าเจ้าจับโอกาสได้ ก็เป็นคนสองหน้า ต้องมีคนยืนข้างเจ้าแน่นอน ดาบอยู่ข้างมือเจ้าตลอด เป็นเจ้าที่ต้องตัดสินใจจะใช้เมื่อไหร่ก็เท่านั้น”
พอฟังจบแล้ว เมิ่งซู่ก็พยักหน้าพูดว่า “พวกขุนนางคงไม่ต้องการเห็นฝ่าบาทฆ่าคนจำนวนมากเพื่อตอบสนองความต้องการของตัวเอง แต่เรื่องด่านลั่วส่วยเกี่ยวข้องกับราชการและทุกคน จะจัดการง่ายๆแบบนี้ไม่ได้”
“ดังนั้นล่ะ?” กู้อ้าวเวยเลิกคิ้วขึ้น
“คนตีสองหน้าเป็นทางเลือกที่ไม่เลว แต่ข้าต้องการใบสั่งยา ข้าจะสั่งคนส่งให้เมี่ยวหารให้เขาแก้ออก ตกลงกับเขาว่าถ้าจัดการเรื่องของด่านลั่วส่วยเสร็จจะปกป้องเขาตลอดชีวิต” เมิ่งซู่มองดูดวงตาสีเทาของกู้อ้าวเวยที่เบิกกว้าง “ข้าต้องการมีดเล่มเล็ก ไม่จำเป็นก็ไม่ต้องยุ่งกับวัด”
ต่อมา กู้อ้าวเวยก็หัวเราะออกมาเบาๆ “เจ้าเป็นขุนนางที่ไม่ประนีประนอมจริงๆ”
“ระวังตัวหน่อยก็ย่อมดีกว่า” เมิ่งซู่ก็ยิ้มตามเล็กน้อย ตัวเลือกพวกนี้จะเผยได้ว่าเขาเป็นเบื้องหลังของทุกอย่าง แต่จะไม่มีคนสังเกตถึงเมี่ยวหารและซู่พ่านเอ๋อเพราะยังไงซูพ่านเอ๋อกับกู้อ้าวเวยตายไปแล้ว
และเมี่ยวหารคงไม่ปล่อยโอกาสสุดท้ายไปแน่ เขาเดินตามความคิดของเมิ่งซู่
กู้อ้าวเวยจึ๊ๆปาก “เจ้ามาเพื่อให้ข้าช่วยเจ้าคิดหาวิธีเหรอ?”
“ที่จริงอยากรู้มากกว่าว่าเจ้ากลับมาที่นี่ทำไม แต่พวกเขาบอกว่าความทรงจำเจ้าสับสนไปหมด” เมิ่งซู่เอาขนมในกระเป๋าออกมาให้นาง และพูดเสียงเบาว่า “อีกอย่าง องค์ชายสามสั่งคนปกป้องเจ้าลับๆมาตลอด ยังตัดการส่งข่าวกับอ๋องจิ้ง ข้ารู้สึกว่าปัญหาเกิดจากตัวเจ้าเอง”
กู้อ้าวเวยกระตุกปากเบาๆ เปิดถุงช้าๆและเบะปากพูดว่า “เหมือนข้าจะไม่ได้ทำอะไร”
“ตามที่ข้ารู้มา พระชายาขององค์ชายสามเพราะจะทำร้ายเจ้า ตอนนี้ถูกขังอยู่ในจวนอยู่นาน ตอนนี้พึ่งได้รู้ องค์ชายสามไม่ให้นางทำร้ายเจ้าถึงได้สั่งไปแบบนี้” สีหน้าเมิ่งซู่เคร่งขรึมลง นิ้วมือเคาะลงโต๊ะเบาๆ “เจ้าไม่รู้จักเสน่ห์ของตัวเองเลยเหรอ?”
“ไม่นะ ตอนนี้ข้าแค่แปลกใจว่าทำไมคนรักในความจำข้า กับอ๋องจิ้งที่ข้าเจอตอนนี้กลับต่างกันมากล่ะ ข้ารู้สึกสับสนมาก” กู้อ้าวเวยกรอกตามองบน นางไม่คิดว่าตัวเองจะกลายเป็นอย่างตอนนี้ ยังมีร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผล
ขนาดโม่ซานคนที่วรยุทธเก่งกาจปานนี้ ก็ต้องรู้สึกไม่ปลอดภัยเพราะแขนที่มีแผลไหม้
และร่างกายนางยังจำความเจ็บปวดนั้นได้ดี แต่นอกจากปากแล้ว นางก็ไม่มีประโยชน์อะไรมาก
เมิ่งซู่ส่ายหน้า “เดี๋ยวสองสามวันข้าจะส่งเสื้อคลุมมาให้เจ้า เจ้ากับแม่หญิงยู่จือใส่ในงานเลี้ยงฤดูหนาวได้ อีกอย่างช่วงนี้ในวังอาจจะส่งมาม่ามาสอนมารยาทในวังให้กับพวกเจ้า เจ้าต้องทำเป็นไม่รู้นะ”
เขาพูดตามที่ฝ่าบาทกล่าวมาทั้งหมดแล้วก็จากไปทันที
ในโรงเตี้ยมเหลือแต่ยัยไง่หงที่อยู่กับนาง นางอยากไปภัตตาคารที่สูงที่สุดในเมืองนี้ ยัยไง่หงกลับอึ้งอยู่นาน ถึงดึงแขนกู้อ้าวเวยเบาๆและพูดว่า “เวลานี้จะมีหิมะตกได้อย่างไร……”
กู้อ้าวเวยมองไปนอกหน้าต่าง ก็เห็นที่ตกเสร็จแล้วกองอยู่เต็มไปหมด ไม่เห็นหิมะอะไรตกเลย
“มีหม้อไฟกินไหม?” กู้อ้าวเวยเก็บสายตา ยิ้มอ่อนๆนวดหัวให้ยัยไง่หงเบาๆ
“มีเจ้าค่ะ ข้าจะพาท่านไปเอง” ยัยไง่หงรีบเปลี่ยนเสื้อหนาๆให้นาง และส่งหม้อเล็กอุ่นๆให้นางถือไว้ ก็ถึงพานางเดินออกไปตามท้องถนน
ข้างๆได้ยินเสียงเด็กร้องเพลงของปีใหม่ พวกพ่อค้าแม่ค้าก็ต่างขายของกันหลังวันปีใหม่ พูดแสดงสินค้ากันไม่หยุด และยังได้ยินเสียงคุณชายคุณหนูพูดคุยกันและเสียงม้าวิ่ง นางจึงไม่ลืมตาขึ้น เดินตาม ยัยไง่หงไปช้าๆไม่รีบร้อน
พอมาถึงด้านบน พนักงานร้านก็อึ้งหน่อย ต่อมาก็กุมขมับพูดว่า “แม่หญิงเหมือนกับพระชายาอ๋องจิ้งคนก่อนมาก”
กระซิบเสียงเบาก็ถูกกู้อ้าวเวยได้ยินเข้า นางเลิกคิ้วขึ้นพูดว่า “คนที่เหมือนกันเท่านั้น”
“ดูปากข้าสิ!” พนักงานตบปากตัวเอง เอาผ้าเช็ดโต๊ะพาดไว้ที่ไหล่ ยิ้มตาหรี่เปิดทาง และพูดว่า “ลูกค้าพิเศษทั้งสองมาถึง ด้านนอกหิมะตก รีบเข้ามาอบอุ่นร่างกายก่อนเถิดขอรับ”
ลูกค้าในร้านก็ยิ้มอ่อนๆ ยัยไง่หงก็พยุงกู้อ้าวเวยขึ้นด้านบนไป
แต่กลับไม่ทันสังเกตด้านล่างที่โต๊ะคิดเงิน มีแม่หญิงรูปร่างเพรียวบางนั่งที่โต๊ะนั่นด้วยท่าทางที่ขี้เกียจ พอพนักงานร้านเอาหม้อขึ้นไปด้านบน ผู้หญิงคนนั้นก็เดินขึ้นไป พูดย้ำเสียงเบาว่า “ด้านบนห้ามคนอื่นขึ้นไปแล้ว ดูแลอย่างดี เหล้าอาหารให้ครบ”
“เจ้านาย แม่หญิงท่านนี้ดูจะมีเงินมาก พวกเราไม่หาเงินหน่อยเหรอ?” พนักงานร้านอึ้ง นี่ยังเป็นเจ้าของร้านขี้งกและทำการค้าเก่งที่เขารู้จักอีกเหรอ
เจ้าของร้านมองเขาตาขวาง “ต่อไปเห็นท่านนี้มา ก็ดูแลดีๆ อย่าถามมาก”
พนักงานในร้านรีบพยักหน้า กำลังคิดว่าไม่มีเงินค่าบริการพิเศษ เจ้าของร้านก็โยนเงินให้เขา ยังยิ้มพูดว่า “วันนี้ข้าอารมณ์ดี”
“ขอบใจขอรับเจ้านาย!” พนักงานร้านรีบวิ่งไป คิดว่าควรจะดูแลอย่างดี
ไม่นาน ทั้งโต๊ะก็มีอาหารวางอยู่เต็มไปหมด พนักงานในร้านไม่รู้ว่าดึงชั้นวางของเล็กๆมาเมื่อไหร่ เอาอาหารที่เหลือวางไว้ข้างๆ และยังพูดอีกว่า “พวกนี้เป็นที่เจ้านายสั่ง ต่อไปแม่หญิงมาที่นี่ก็จะได้รับการต้อนรับแบบนี้อย่างดี”
ยัยไง่หงรีบไปขยับไปข้างกู้อ้าวเวย “คุณหนูรู้จักเจ้าของร้านนี้เหรอเจ้าคะ?”
กู้อ้าวเวยส่ายหน้าไม่ทราบเหตุผล ที่จริงเขาก็ไม่รู้ว่าตัวเองรู้จักไหม แต่สีหน้ากลับเรียบเฉย และพูดเสียงเบาว่า “เชิญเจ้าของร้านพวกเจ้าขึ้นมากินด้วยกันเถอะ พวกนี้มากเกินไป”
พูดมาแบบนี้แล้ว นางก็ลืมตาขึ้นช้าๆ ดวงตาสีเทาทำเอาพนักงานในร้านตกใจ ขณะเดียวกันก็แสดงให้เห็นว่ากู้อ้าวเวยเป็นแม่หญิงตระกูลยู่ เพราะยังไงดวงตาสีเทายังเป็นข่าวลือไปว่าเป็นดวงตาอัปมงคล พนักงานในร้านเช็ดเหงื่อ และรีบไปเรียกคน
เจ้าของร้านได้ยิน ก็แปลกใจ “นางเป็นแม่หญิงตระกูลยู่เหรอ?”
“จริงเหรอ!สายตาคู่นั้นน่ากลัวมากเลย” พนักงานในร้านลูบอกด้วยความกลัว เห็นเจ้าของร้านดูเหมือนสงสัย ก็รีบพูดเสียงเบาว่า “ถ้าท่านไม่อยากไป ข้าไปหาเหตุผลไม่รับ……”
“ไม่ต้องแล้ว ข้าไปเอง” เจ้าของร้านปัดมือ ยกกระโปรงขึ้นเดินไปช้าๆ
กู้อ้าวเวยกลับแปลกใจ เจ้าของร้านนี้มาจากไหนกัน?