บุบผาร้อยเสน่ห์ – ตอนที่ 869

ตอนที่ 869

บทที่ 869 ในการคาดหมาย

“ทำไมเรื่องราวถึงวุ่นวายมากขึ้น”

ยู่หงถอนหายใจหนัก ยกมือขึ้นนวดขมับ

กุ่ยเม่ยจับแขนกู้อ้าวเวยไว้ “ห้ามไปตำหนักเจิ้นหุนกับเขาหยินซานเด็ดขาด!”

“ข้ายังไม่ได้บอกว่าข้าจะไปนะ!” กู้อ้าวเวยหันไปตะโกนใส่หน้าเขา

“ก่อนที่แผลเจ้าจะหายดีห้ามไปที่ไหนเด็ดขาด เจ้าจัดเรียงเรื่องนี้ดีๆ จากนั้นเอาเรื่องนี้ให้คนอื่นจัดการต่อก็ได้แล้ว ข้าไม่อยากถูกท่านอ๋องด่า” กุ่ยเม่ยเส้นเอ็นตรงหน้าผากนูนขึ้นมาและยืนอยู่ตรงหน้านาง โน้มตัวลง ชี้นิ้วและพูดว่า“ถ้าท่านอ๋องรู้ว่าเจ้าข่มขู่ใต้เท้าตงฟาง เดาดูสิว่าเขาจะขังเจ้าไว้ที่นี่หรือไม่”

“ข้าแค่จะแสดงให้เหมือนก็เท่านั้น เช่นนี้จะได้รู้ว่าตระกูลตงฟางอยากจะทำอะไร” กู้อ้าวเวยนึกถึงตรงนี้ก็โมโห ถ้ารู้ว่ากุ่ยเม่ยจะเป็นแบบนี้ นางก็ไม่พูดหรอก

“ตระกูลตงฟางไม่ธรรมดาเหมือนที่เห็น คนที่ข้าส่งออกไปกลับมาหมดแล้ว เจ้ารู้หรือไม่ว่าเริ่มแรกของตระกูลตงฟางคือการทำที่ใส่บุหรี่ ความรวยของพวกเขาไม่เพียงแค่ตอนนี้ที่เจ้าเห็น”

กุ่ยเม่ยกดไหล่นางไว้อย่างปวดหัว ต่อมาก็หันกลับไปมองยู่จือกับยู่หง “ดูแลนางให้ดี อนุญาตนางแค่ขยับปากและสมอง”

กู้อ้าวเวยจับเขาไว้แน่น “อย่าทิ้งข้าไปหาอ๋องจงผิงคนเดียว ข้าอยากถามฉีหรั่วว่าสุดท้ายจัดการที่จวนตงฟางยังไง”

“อยู่ดีๆ” กุ่ยเม่ยกดนางไว้อย่างรำคาญ และพูดว่า “เดี๋ยวใต้เท้าเมิ่งก็มาแล้ว เจ้าอย่าพูดมาก เจ้าจำเรื่องของใครไม่ได้ อย่าพูดมั่ว”

กู้อ้าวเวยยังอยากจับเขาไว้ไม่ปล่อย ทางนี้ยู่จือดึงนางกลับมาแล้ว สองมือกดไหล่นางไว้และมองดูกุ่ยเม่ยเดินออกไปอย่างรวดเร็ว ตอนที่ประตูปิดลงก็เริ่มพูดว่า “ดีเลยเจ้าอยู่ก็มาช่วยกันคิด เจ้าต้องหาพี่สาวข้าให้เจอ ไม่แน่จดหมายลับนั่นอาจจะเกี่ยวกับฝ่าบาทก็ได้ เพราะยังไงนั่นเป็นของของหยุนซี”

กู้อ้าวเวยเงยหน้าขึ้นมองค้อนนาง และรู้สึกไม่พอใจมากขึ้น “เจ้าฟังคำพูดของกุ่ยเม่ยตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”

“ข้าได้ยินเจ้ากับกุ่ยเม่ยทะเลาะกันครั้งแรก ข้าจำได้ว่าเมื่อก่อนเจ้าชอบเขามากนี่” ยู่จือกระซิบที่ข้างหูนาง มืออีกข้างนวดรอยสักตรงหน้าของนาง แน่ใจว่ารอยสักยังเหมือนเดิมไม่เสียหายก็พูดต่อว่า “มู่(ไม้)ซี(ตะวันตก) เขาหยินซาน ตำหนักเจิ้นหุน ข้าควรไปหาพี่สาวที่ไหน”

“ข้ายังจำได้ว่าคนรักข้าตายที่หลุมฝังศพจำนวนมาก วันนั้นฝนตก ด้านหลังเป็นป่า เจ้าช่วยข้าหาที่ตั้งขอหลุมฝังศพจำนวนมาก ข้าก็จะพาเจ้าไปหาพี่สาว” กู้อ้าวเวยพูดอย่างโมโห

ถ้าไม่ให้นางเข้าร่วมอะไรเลยละก็ งั้นนางกลับมาที่นี่เพื่ออะไรกัน?

ยู่จือก็โมโหตาม ความอดทนที่เหลือก็ถูกกู้อ้าวเวยทำลายไป กำลังจะลงมือ กู้อ้าวเวยกลับเอียงหัวหน่อยๆ ยกมือขึ้นตบหัวเบาๆ “เขาหยินซานทางทิศตะวันตก เป็นหมู่บ้านประมง”

“หมู่บ้านประมง?” ยู่จือวางมือที่ยกขึ้นกลางอากาศ ยู่หงก็นั่งลงด้วยสีหน้าที่เย็นชา ไม่ต้องขัดขวางต่อ แต่กลับพูดว่า “ข้าจำได้ว่าหมู่บ้านประมงเป็นที่แรกเริ่มของตระกูลหยูน”

“และพวกเราตระกูลยู่กับตระกูลหยูนก็เป็นนามสกุลเดียวกัน ดังนั้นก็นับว่าเป็นบรรพบุรุษของข้า” ยู่จือกะพริบตาอึ้งๆ ต่อมาก็พูดว่า “รอใต้เท้าเมิ่งมา ข้ากับยู่หงจะไปดู”

“หมายความว่ายังไง?” กู้อ้าวเวยหน้าบึ้งตึงทันที

“กุ่ยเม่ยบอกว่าเจ้าขยับได้แค่ปาก เชื่อว่าใต้เท้าเมิ่งคงจับตาดูเจ้าได้แน่นอน ยัยไง่หงก็เหมือนฟังคำของกุ่ยเม่ยมากกว่านะ และนางก็เป็นแค่ข้ารับใช้ทำอะไรไม่ได้”

พอยู่จือพูดจบ กู้อ้าวเวยก็โกรธจนอยากจะตีคน

หลังจากหนึ่งชั่วโมง เมิ่งซู่ก็มาตามนัด ยู่จือแค่เปลี่ยนชุดของคนแคว้นชางหลาน สวมผ้าปิดปากไว้และตบไหล่เมิ่งซู่เบาๆ กล่าวเตือนว่า “อย่าให้นางละสายตาเจ้าเด็ดขาด ไม่อนุญาตให้นางออกไป ไม่งั้นกุ่ยเม่ยจะไปฟ้องอ๋องจิ้ง”

พูดจบพวกนี้แล้ว ยู่หงก็ดึงยู่จือที่กำลังสะใจอยู่ออกไป

กู้อ้าวเวยโกรธจนโยนแก้วทิ้ง ยัยไง่หงปิดปากหัวเราะเบาๆและแย่งแก้วมา ยิ้มตาหรี่พูดว่า “ข้าไปซื้อขนมมาให้คุณหนูดีกว่าเจ้าค่ะ”

เมิ่งซู่มองดูกู้อ้าวเวยที่กำหมัดแน่นด้วยรอยยิ้ม ขนาดนิ้วมือเพราะใช้แรงจึงซีดขาว

เงียบอยู่นานมาก นางก็ถึงจะปล่อยมือออก สูดหายใจเข้าลึกๆนวดหน้าอกและมองไปทางเขา “ใต้เท้าเมิ่งมีเรื่องอันใด?”

“งานเลี้ยงฤดูหนาวอาจจะต้องเชิญเจ้ากับแม่หญิงยู่จือเข้าวัง นอกจากนี้ ด่านลั่วส่วยมีคนชาวพเนจรตายไปแล้วนับหลายร้อยคน บ้างก็ว่าฮ่องเต้ใช้ชีวิตคนไปไหว้ให้กับเทพ ที่นั่นวุ่นวายมาก” เมิ่งซู่จึงเอาแก้วอันใหม่เทชาให้นาง และพูดว่า “และช่วงนี้ข้าเจอสองคนที่รูปร่างดูคุ้นเคยมากเข้าเมืองเทียนเหยียนมา พักอยู่ที่โรงเตี๊ยมไม่ไกลมากนัก”

“เรื่องพวกนี้เกี่ยวกับข้าเหรอ?” กู้อ้าวเวยรับชามา หมุนแก้วและค่อยยกดื่ม มือเท้าคางบนโต๊ะพูดว่า “พวกเขาไม่รู้ว่าเป็นอะไรกันไปหมด ไม่ให้ข้าทำอะไรเลย”

“พวกเขาหวังดีกับเจ้าทั้งนั้น อีกอย่าง สองคนนั้นคือเมี่ยวหารกับซูพ่านเอ๋อ ข้าจำได้ว่าตอนนั้นเจ้าพาซูพ่านเอ๋อหนีไป ถ้ามีคนเห็นว่าซูพ่านเอ๋อยังมีชีวิตอยู่ ฝ่าบาทต้องสงสัยว่าเจ้ายังไม่ตายแน่” สีหน้าเมิ่งซู่จริงจังมาก และไม่เข้าใจเรื่องนี้มาก “เจ้าปล่อยซูพ่านเอ๋อไป ทำไมถึง?”

“ข้าอาจจะรู้ว่าพวกเขาจะกลับมา” กู้อ้าวเวยวางแก้วลง และฟุบลงโต๊ะไป มองดูเมิ่งซู่ด้วยความเบื่อหน่าย “แต่ข้าจำไม่ได้ว่าบอกกับนางเมื่อไหร่ แต่ตอนนี้นางกลับมาและทำให้ข้าเป็นอันตรายไปด้วย แต่เรื่องที่อันตรายที่สุดกลับปลอดภัยที่สุด”

“เจ้าอยากหลอกใช้พวกเขา?” เมิ่งซู่ชะงักทันที

“พวกเขาสำหรับฮ่องเต้กับข้าแล้วไม่ใช่อันตรายใดๆ แต่เมื่อกี้เจ้าบอกว่าคนพเนจรตายไปหมดแล้ว งั้นก็ส่งข่าวออกไปเยอะๆ บอกว่ามีคนกำลังปลูกเลี้ยงเถาวัลย์เลือด เจ้าลองเดาสิว่าเมี่ยวหารกับซูพ่านเอ๋อจะเดาว่าข้าเป็นคนปล่อยข่าวนี้หรือเปล่า หรือไปสืบความจริงเรื่องนี้?” กู้อ้าวเวยแสยะยิ้ม ยกมือขึ้นชี้ไปที่มุมปากตัวเอง “ข้าอยู่โรงเตี้ยมก็ดี ในวังก็ได้ พวกนางหาข้าไม่เจอแน่นอน ทางเดียวที่ทำได้คือ……”

“ก็คือไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเจ้า ค้นหาเจาะความลับของเถาวัลย์เลือด” เมิ่งซู่พยักหน้า ขยิบตาให้ทหารข้างๆ ต่อมาก็สั่งเรื่องนี้

กู้อ้าวเวยพยักหน้าอย่างจริงจัง “พวกเขาจะไปตรวจสอบเรื่องด่านลั่วส่วย แต่ด่านลั่วส่วยวุ่นวายไม่สามารถแก้ไขจัดการได้ภายในวันสองวัน เจ้ายังสามารถช่วยได้นิดหน่อย แต่ข้าคิดไม่ได้ว่ามีวิธีไหน”

เมิ่งซู่พยักหน้า ครุ่นคิดสักพักก็พูดว่า “ฝ่าบาทไม่อยากแทรกมือเข้ามาในเรื่องนี้”

“นี่ก็คง……” กู้อ้าวเวยถอนหายใจ ในใจก็ไม่รู้ว่าฝ่าบาทคิดอะไรอยู่

บุบผาร้อยเสน่ห์

บุบผาร้อยเสน่ห์

Status: Ongoing

ฟิ้ววว นางข้ามพภแล้ว!!!แพทย์โดดเด่นทันสมัยกู้อ้าวเวยข้ามภพกลายเป็นลูกสาวคนโตของเฉิงเสี้ยง อยากฆ่าข้าหรือ?มีดผ่าตัดของข้าสามารถทำให้เจ้าพิการทั้งตัวเลยนะ เปิดร้านยา ช่วยชาวบ้าน ถึงจะเป็นฮ่องเต้ก็อยากมาคบหาข้า นี่ท่านอ๋องชายเลว เจ้ากำลังแกล้งข้าอยู่รึ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท