บทที่ 873 ความทรงจำและทำนาย
ก่อนจะไป หวางกงกงถึงนึกถึงคนที่ไม่เคยปรากฏตัวเลย: “แม่หญิงยู่จืออยู่ไหนกัน?”
กู้อ้าวเวยพยุงมือของคนรับใช้และปีนขึ้นรถม้าไป ในใจก็ถึงนึกเรื่องวันนั้นตอนที่จากกัน ยู่จือกับยู่หงก็ไม่เคยกลับมาอีก แม้บางเรื่องจะถูกคนถาม ก็เป็นคนที่กุ่ยเม่ยสั่งไป วันนี้งานเลี้ยงในวังถ้ายังไม่มา ก็คงแย่แน่นอน?
เมื่อกี้นางกำลังคิดข้ออ้างเพื่อหลบเลี่ยง รองเท้าที่เดินขึ้นบันไดไม้ก็ดังขึ้น
“นางมาแล้ว” เสียงพึมพำ กู้อ้าวเวยหดตัวเข้าไปในรถม้าเรื่อยๆ
ยู่จือกำลังสวมชุดที่เมิ่งซู่ส่งมาให้ ยิ้มอ่อนยกมือให้หวางกงกง: “ไม่รู้ว่าหวางกงกงมาหาข้ามีเรื่องอันใด?”
“กระหม่อมกลัวว่าแม่หญิงสองคนจะเข้าวังสาย” หวางกงกงยิ้ม สายตากลับตรวจสอบยู่จืออย่างละเอียด อยากจะหาข้อผิดพลาด แต่ชายกระโปรงก็ยังสะอาดสะอ้าน ไม่มีแม้แต่ฝุ่นเลย
และเก็บสายตาที่มอง หวางกงกงเสนอตัวพยุงยู่จือขึ้นรถม้า
ยู่หงก็กลัวว่าเรื่องที่เขาเคยอยู่กับองค์ชายเก้าและถูกจับได้ ก็อยู่ในโรงเตี๊ยมกับกุ่ยเม่ย กุ่ยเม่ยขมวดคิ้วแน่น: “ครั้งนี้ องค์ชายเก้าซ่านต้วนเฟิงก็จะมาด้วย ไม่รู้ว่าเขาจะมองยู่จือกับกู้อ้าวเวยออกไหม”
“พวกนางสองคนไม่ได้โง่” ยู่หงพูดอย่างเย็นชา และเดินกลับเข้าไปอย่างใจลอย
รถม้าหายไปในสายตา กุ่ยเม่ยถึงเดินกลับไป
ภายในรถม้า กู้อ้าวเวยหลับตางีบสักพัก ยู่จือสั่นเท้าไปมาไม่หยุด เหมือนจะลนลาน แต่เพราะรอบข้างต่างเป็นคนแปลกหน้าจึงพูดยาก ทำเอากู้อ้าวเวยก็ต้องลนลานไปด้วย จึงจับขานางไว้พูดว่า: “อย่าตื่นเต้นไป คนในวังหลวงไม่กินคนหรอก”
ยู่จือกำลังจะตอบโต้ แต่บังเอิญเหลือบไปเห็นม่านในรถม้าที่เลิกขึ้น มองค้อนนางอย่าดุดัน
ภายในรถม้ามืดสนิท กู้อ้าวเวยเก็บมือลง ยู่จือก็ไม่สั่นเท้าอีก
พอมาถึงหน้าประตูวัง ทั้งสองก็ลงจากรถม้าเดินเข้าไป กู้อ้าวเวยรีบจับแขนเสื้อยู่จือไว้ ข้ารับใช้ข้างๆก็ขยับเข้ามา ยู่จือปัดมือพูดว่า: “น้องสาวข้าเป็นคนอ่อนแอ พวกเจ้าอย่ายุ่งกับนาง”
“เจ้านั่นแหละอ่อนแอ” กู้อ้าวเวยถีบขานางหนึ่งครั่ง มีรอยเท้าบนกระโปรงนั่นเล็กน้อย ก็มีข้ารับใช้เดินเข้ามาเช็ดร้อยนั่นให้ หวางกงกงยกมือขึ้นขวางทั้งสองคนไว้: “กฏในวังต้องจำไว้ให้แม่น นี่ไม่ใช่ที่ที่พวกเจ้าจะมาเอาแต่ใจ”
“รู้แล้ว” ยู่จือดึงแขนเสื้อ ยกมือขึ้นให้หวางกงกงนำทาง
เป็นทางที่โค้งไปมาไม่หยุด กู้อ้าวเวยก็ยังขี้เกียจลืมตาขึ้นไปจำ ตามหลังยู่จือไป พอเข้าไปในสวนดอกไม้ เคารพอย่างมารยาท และนั่งลงอย่างสง่างาม
ด้านข้างมีเสียงซุบซิบพูดคุยกันของพวกสนม กู้อ้าวเวยจับกระโปรงและนั่งลง แขนเสื้อก็ผายออกไป มือข้างหนึ่งวางไว้บนตัก อีกข้างก็วางไว้ด้านบน มารยาทในช่วงนี้ที่ได้เรียนไปนั้นก็จำท่องจำมาได้อย่างแม่นยำ นิ้วมือซ่อนไว้ในแขนเสื้อครึ่งหนึ่ง นั่งตัวตรง
“เชิญแม่หญิงชิมรสชาติ” มีข้ารับใช้มาเตือนเสียงเบา และมีขนมวางไว้ตรงหน้านาง
กู้อ้าวเวยรู้สึกถึงความผิดปกติ เหมือนก่อนหน้านี้นางเคยเสียดวงตาไปอย่างนั้น
กุ่ยเม่ยหลับตาลง ความมืดที่ทะลุเข้าม่านตาทำเอานางรู้สึกกลัว แต่มือที่ยื่นออกไปกลับจับขนมได้ตรงเป๊ะและเอาเข้าปากไป เรื่องที่เมื่อก่อนตัวเองเคยเสียการมองเห็นไปทำเอานางรู้สึกกลัวมาก เบิกตาโพลงโต ขนมครึ่งอันก็ตกลงไปที่กระโปรง
ข้ารับใช้ข้างๆตกใจอยากจะช่วยนางจัดการกระโปรง แต่นางกลับยกมือขึ้นดีดขนมนั้นออกไป มองไปที่ภาพรางๆนั้นพูดว่า: “ก็แค่กระโปรงตัวหนึ่ง ขนมอันเดียวเท่านั้น ข้านั่งที่นี่ ก็พอแล้ว”
ข้ารับใช้อึ้งสักพักก็ถอยออก คนตรงหน้าสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที
ซ่านจินจื๋อที่นั่งไปไกลมองเห็น กู้อ้าวเวยก็เหมือนรับรู้ได้และมองไป เห็นได้ชัดเจนว่านั่นไม่ใช่แค่เงาคน ก็แสยะยิ้มและจับแก้วตรงหน้า พูดว่า: “ขอให้ท่านอ๋องจิ้งได้คู่ครองที่ดี”
ซ่านจินจื๋อฟังอย่างตั้งใจ ยู่จือที่อยู่ข้างๆกลับดึงข้อมือนางพูดว่า: “เจ้านึกอะไรได้เหรอ?”
“แค่ของที่เสียไปเท่านั้น” นางดื่มเหล้านั้นเข้าไปคนเดียว
นางมองเห็นมือของผู้ชายคนหนึ่ง เห็นชายคนนั้นส่งปิ่นปักผมไม้ดอกท้อให้นาง ได้ยินชายคนนั้นใช้มือปิดตาไว้ก่อนตายและพูดกับเขาว่า——ขอโทษ
ในตอนนั้นนางก็รู้แล้วว่า นางรักผู้ชายคนนั้นที่คิดจะหลอกใช้และได้ทุกอย่างของนาง แต่กลับเพราะความโลภแบบนี้ถูกเขารู้เข้า สุดท้ายก็ถูกม้วนด้วยเสื่อฟางและตัวเต็มไปด้วยบาดแผล กลายเป็นวิญญาณในหลุมศพไร้ญาติ และในคืนวันแต่งงาน นางก็เห็นเงาตัวเองและเงาผู้ชายหายไปในความมืดพร้อมกัน
ซ่านจินจื๋อกับเงานั้นเหมือนกันมาก
ไม่ได้เป็นของตัวเองในตอนนี้เลย เป็นของกู้อ้าวเวยตั้งแต่เริ่ม หรือเป็นของกู้อ้าวเวยในภายภาคหน้า แต่ไม่เป็นของนาง
เหลาร้อนแรงในท้อง นางกลับยืนตัวตรงยิ้มอ่อนๆ ในขณะที่ตงฟางซวนเอ๋อพูดขอบคุณด้วยรอยยิ้ม นางพูดขึ้นเสียงเบาว่า: “แต่น่าเสียดาย เจ้ากับเขาไม่เหมาะสมกัน”
งานเลี้ยงทั้งงานต่างเงียบกริบเพราะคำพูดนี้ ทุกคนต่างหันมามองที่นางกันหมด
“ไม่ซื่อสัตย์ต่อกัน คงมีการเลิก ไม่มีความรักกัน คงเป็นคู่เวรคู่กรรม” กู้อ้าวเวยยังคงยิ้มอ่อนๆเหมือนเดิม เลิกแขนเสื้อนำมือวางลง แก้ววางลงไปตรงกลางตรงพอดี
ซ่านจินจื๋อมองดูทุกการกระทำของนาง สายตาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
นางเป็นเช่นนี้มาตลอด ไม่เก็บซ่อนและไม่ปิดบัง ไม่รู้ว่าจะเก็บหนามตัวเองยังไง ในดอกไม้ทั้งกองมีแต่นางที่มีหนามงอกออกมา แค่เพียงคำพูดเดียวคงมีคนเกลียดนางแล้ว แม้จะก่อเรื่องใหญ่แค่ไหนนางก็ไม่สนใจ
“เจ้ากำลังทำนายดวงชะตาให้ข้างั้นเหรอ?” ซ่านจินจื๋อบิดตัวออกจากมือของตงฟางซวนเอ๋อที่จะยื่นเข้ามาจับ เดินไปตรงหน้ากู้อ้าวเวยช้าๆ มองนางจากด้านบนและพูดว่า: “พูดมาเช่นนี้แล้ว ใครจะเหมาะสมกับข้าล่ะ?”
“ใครจะรู้ ข้าก็แค่บอกผลเท่านั้น ถ้ามีการรุกราน ก็ขออภัยด้วย” บนตัวกู้อ้าวเวยที่มีหนามแหลมคมก็เก็บเอาไว้ ตัวก็โล่งขึ้นมา แต่ว่าเงยหน้ามองเงาดำตรงหน้า พยายามไม่ให้ตัวเองหัวเราะออกมา: “อ๋องจิ้งอย่าใส่ใจไปเลย การทำนายดวงชะตาพวกนี้ก็แค่ความรู้สึกจึงเผยออกมาเท่านั้น”
สีหน้าตงฟางซวนเอ๋อโกรธจนม่วง ทำไมหญิงคนนี้ทำให้ผู้คนสนใจที่ตัวเองได้
ซ่านจินจื๋อมองสายตาสีเทาคู่นั้นออกมีความอยากครอบครอง พยายามไม่ยิ้ม ดึงคางแล้วเดินกลับไปนั่งที่นั่งตัวเอง ตงฟางซวนเอ๋อก็ตามไป และฮองเฮาที่นั่งด้านบนก็มองทุกอย่างและกลับขมวดคิ้วเท่านั้น จากนั้นพูดว่า: “ตระกูลยู่ทำนายโหรา แม่หญิงยู่ชีงนี่คือกำลังแนะนำซวนเอ๋องั้นเหรอ?”
“ชะตาชีวิตถ้าเปลี่ยนได้ ทุกคนคงยิ่งใหญ่กันหมดแล้ว ฮองเฮาบีบบังคับแบบนี้ เกรงว่าต่อไป……” พอพูดจบ ยู่จือที่อยู่ข้างๆก็ขยับเข้ามาและปิดปากนางไว้ พูดเสียงเบาว่า: “ยู่ชีงไม่สบาย หวังว่าฮองเฮาจะอนุญาตให้น้องสาวของหม่อมฉันไปพักผ่อนสักพัก”
ตระกูลตงฟางก็พยักหน้าตกลง สั่งคนให้ไปดูแลดีๆ
และขุนนางภายในงานต่างก็เริ่มซุบซิบขึ้นมา——พูดแบบนี้แล้ว ตงฟางซวนเอ๋อไม่แน่อาจจะไม่เหมาะสมกับอ๋องจิ้ง