บทที่ 867 เจ้าหนุ่มนักสังหาร
สวนดอกไม้เล็กๆหลังห้องเก็บฟืนมีช่องลับช่องหนึ่ง
กลิ่นเหม็นเน่าโชยออกมาจากช่องว่างรอยแยกของโต๊ะหินอ่อน คนแปดคนที่อยู่ด้านของซ่านจินจื๋อต่างไม่รู้สึกถึงอะไร
หมอนสมุนไพรใบนั้นไม่ได้ใช้เพียงเพราะฝากความคิดถึง นิสัยชอบคำนวณการคาดเดาอย่างแม่นยำของนางไม่เคยเปลี่ยน
“โต๊ะหินอ่อนกว้างสองฟุต ด้านล่างมีกลไก”ทหารที่อยู่ด้านหลังช่วยกันขุดดินออกมา แล้วจึงสามารถได้กลิ่นโชยออกมาจางๆ ก้มตัวลงแล้วเคาะเบาๆสองครั้ง ด้านล่างว่างเปล่า อีกทั้งมีเสียงแตกหักเบาๆ
“กร๊อบ——”ซ่านจินจื๋อเบี่ยงตัวหยิบดาบยาวของนายทหารแทงลงไป เลิกคิ้วขึ้นมองไปลงไปด้านล่างมีตัวล็อคกับฟันเฟืองแยกออกเป็นสองครึ่ง“นำเขาออกมา แล้วปล่อยคนข้างนอกออกไป เหลือคนที่น่าสงสัยไว้ไม่กี่คนก็พอ”
“สุดท้าย ให้ยู่ชีงกลับมารอข้างกายข้า นางเป็นของของข้า พูดประโยคนี้อย่างไม่ตกแม้แต่คำเดียว”ซ่านจินจื๋อพูดจบ สายตาก็ไปตกอยู่ถ้ำอุโมงค์เล็กแคบด้านใน นายทหารคนหนึ่งเข้าไปจับตัวคนผู้หนึ่งที่สวมเสื้อผ้าสกปรกของขอทานเนื้อตัวมอมแมมออกมา
สายตาของเขาทั้งคู่จ้องมองไปที่ซ่านจินจื๋อด้วยดวงตาแดงก่ำ“ความอมตะ ไม่ใช่สิ่งที่พวกเจ้าทุกคนควรเข้าไปยุ่งด้วย”
“ตระกูลตงฟางกับความเป็นอมตะไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆทั้งสิ้น”ซ่านจินจื๋อก้าวเข้าไปหนึ่งก้าว แล้วจับไปที่ใบหน้าของเขาแน่น สายตาจ้องมองใบหน้านั้นอยู่นานก่อนที่จะเอ่ยปากพูดขึ้นมาว่า“ดูไปแล้วเจ้าอายุแค่สิบสามสิบสี่ปี อายุแค่นี้ก็เรียนรู้ที่จะสังหารคนแล้วรึ?”
“พวกเจ้าฆ่าไปเท่าไหร่กันแล้วล่ะ?”เด็กชายร่างกายมอมแมมหัวเราะอย่างเย้ยหยันแล้วตอบกลับไปหนึ่งคำ
ซ่านจินจื๋อสะบัดหน้าเข้าไป แล้วนายทหารสองคนก็จับตัวเขาจากไป
ฆ่าคน?
ถ้าหากยาพิษพวกนั้นสามารถฆ่าคนตายได้จริงๆ ถ้าอย่างนั้นกู้อ้าวเวยไม่ได้เข้าไปแตะต้องมันตั้งแต่แรกแล้ว นอกเสียจากว่ายังมีคนรู้การมีชีวิตอยู่ของเด็กคนนี้ แล้ววางยาใส่ในของว่าง
แต่ใต้เท้าตงฟางก็เป็นคนที่น่าสงสัย และเด็กคนนี้ก็พูดอะไรไม่ชัดเจน ไม่อาจปล่อยเขาออกไปให้ใครง่าย
พอคิดได้ดังนั้น เขาก็รีบสาวเท้าพาคนไปที่หน้าจวน
มีคนถูกจับตัวไปแล้ว ข้ารับใช้ที่มีความสามารถเพียงแค่เหลือลูกผู้ลากมากดีไว้คนหนึ่ง คนหลายคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แต่กลับมีความแค้นกับตระกูลตงฟาง ผู้คนต่างพากันเดินจากไปอย่างวุ่นวาย ซางฉวนคอยประคองกู้อ้าวเวยออกมาด้านใน
ซางฉวนชี้ตำแหน่งที่ซ่านจินจื๋ออยู่ให้นาง นางทำเพียงแค่พยักหน้าเบาๆ
ซ่านจินจื๋อเดินไปข้างหน้า แล้วดึงมือนางไป“อย่ายุ่งเรื่องชาวบ้าน ตระกูลตงฟางมีความสำคัญมากกว่าตระกูลยู่ของพวกเจ้า”
น้ำเสียงของเขาไม่ดังไม่เล็ก แต่กลับพอที่จะให้คนรอบกายได้ยิน
แต่ทั้งๆที่เป็นเสียงของการตำหนิ แต่คนอื่นที่ได้ยินแล้ว กลับมีความรู้สึกว่ารักใคร่อยู่ในนั้น คนจำนวนไม่น้อยต่างพากันมองหน้ากัน
“ข้ารู้ดีว่าตระกูลยู่ของข้าไม่ได้ยิ่งใหญ่ แต่ข้าไม่ใช่หญิงใจทรามใจร้าย หรือจะให้ยืนมองคนเฒ่าคนแก่ตายไปตอนห้าต่อตาของข้าล่ะ?ท่านอ๋องจิ้ง?”กู้อ้าวเวยตั้งใจสะบัดซ่านจินจื๋อออกไป มืออีกครั้งก็จับไปที่ตรงหน้าอกแน่น แล้วสูดหายใจอย่างยากลำบาก
“ส่งนางไปที่โรงแพทย์ก่อน หาหมอที่เก่งที่สุดมารักษานาง”ซ่านจินจื๋อีบพุ่งตัวไปด้านหน้า สองมือโอบนางไว้แนบอก มืออีกข้างก็กดลงไปที่ท้ายทอยของนาง ใช้เสียงที่ได้ยินกันเพียงแค่สองคน“เจ็บไหม?”
กู้อ้าวเวยหยิกไปที่ตัวเขาหนึ่งครั้ง ซ่านจินจื๋อถึงได้ส่งมอบให้ซางฉวนไป
ในเมื่อเป็นการแสดงละคร หัวใจของซ่านจินจื๋อยังคงเต้นรัวอย่างหนัก
มองดูกู้อ้าวเวยจากไป และที่ไม่ไกลก็มีเสียงร้องดังเบาๆดังขึ้น ซ่านจินจื๋อหันกลับไปมอง ซ่านเชียนหยวนบีบข้อมือลูกหลานของตงฟาง และเจ้าเด็กที่ถูกตีจนหน้าตาช้ำม่วงเมื่อกี้ นอนอยู่บนพื้นด้วยลักษณะตะแคง
“เรื่องยังสืบได้ไม่ชัดเจน ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นแค่เด็ก” ซ่านเชียนหยวนสะบัดมือของตระกูลตงฟาง ยกมือขึ้นสั่งโยว่หลีว่า “สั่งคนส่งเจ้าเด็กนี้เข้าคุกไป และตรวจค้นในจวนตงฟางให้ทั่ว ถ้าเห็นคนน่าสงสัย ก็จับมาทันที”
“อ๋องจงผิง!เมื่อกี้เขาเองก็ยอมรับเองแล้ว……”
“นายน้อยตงฟางคิดว่าเด็กคนหนึ่งอายุสิบสิบสองกว่าจะวางยาพิษได้งั้นเหรอ?หรือว่าพวกเจ้าแค่อยากหาแพะมารับบาปเท่านั่น?” ซ่านจินจื๋อเดินขึ้นไป ขวางตรงหน้าซ่านเชียนหยวนมองดูคนที่เหลืออยู่
ตงฟางซวนเอ๋อกัดปากแน่น มองดูซ่านจินจื๋อด้วยความเกรงกลัว“ท่านอ๋องจิ้ง งานวันเกิดของท่านปู่เกิดเรื่องใหญ่แบบนี้ ไม่ใช่เด็กคนหนึ่งที่จะทำได้แน่นอน ขอท่านอ๋องจิ้งสืบอย่างชัดเจนด้วย!”
นายน้อยสองคนนั้นยังเรียกตงฟางซวนเอ๋อว่าผู้หญิงใจอ่อน
แต่คนที่นั่งอยู่กลับรู้ว่า อ๋องจิ้งอนาคตจะมีตำแหน่งที่สูงศักดิ์ ขัดคำสั่งเขาก็คงไม่มีอะไรดี ยิ่งไปกว่านั้นตระกูลตงฟางตอนนี้เสียหายที่สุด เรื่องนี้ต้องสืบอย่างระวัง และคงจะทำให้ทุกฝ่ายสงบ
ซ่านจินจื๋อสายตามองไปที่ตงฟางซวนเอ๋อสักพัก และพูดว่า “ข้ายังมีเรื่องอีกมากต้องจัดการ เรื่องนี้ให้สิทธิ์อ๋องจงผิงเป็นคนจัดการ”
ซ่านเชียนหยวนที่ยืนด้านหลังก็ต้องขมวดคิ้ว ไม่อยากรับงานนี่เลยสักนิด
สีหน้าตงฟางซวนเอ๋อก็ดีขึ้นมาหน่อย เดินขึ้นไปหาว่านเชียนหยวนอย่างและโค้งตัวลงอย่างเคารพ “รบกวนอ๋องจงผิงด้วย ถ้ามีที่ที่ต้องการใช้ซวนเอ๋อ สั่งคนมาเรียกก็ได้เจ้าค่ะ”
กลายเป็นซ่านเชียนหยวนที่ไม่รู้จะปฏิเสธยังไง จึงตอบตกลงไป
ตงฟางซวนเอ๋อทำตัวใจกว้าง ผู้ดีชั้นสูงที่อยู่ข้างๆก็ต่างพยักหน้ากันเห็นด้วย เทียบกับหญิงคนนี้แล้ว คนอื่นๆในตระกูลตงฟางล้วนแต่เป็นคนไม่เอาไหน น้องสาวสองคนของตงฟางซวนเอ๋อก็อยู่ข้างร้องไห้ตัวสั่นไม่หยุด พวกลุงๆก็มากันหมดเหมือนว่าใต้เท้าตงฟางตายไปแล้ว มีเพียงนางคนเดียวที่จัดการเรื่องราวพวกนี้คนเดียว
ซ่านจินจื๋อพูดจบก็รีบกลับวังทันที ก่อนที่จะไป ตงฟางซวนเอ๋อเดินขึ้นไปตรงหน้า ด้วยดวงตาที่แดงก่ำ แต่มุมปากกลับมีรอยยิ้มอ่อนๆ “ผู้หญิงตระกูลยู่ดูดื้อมาก ขออ๋องจิ้งระวังด้วยเจ้าค่ะ อย่าถูกคนหลอกใช้ได้”
“จัดการเรื่องในจวนให้ดี เดี๋ยวก็ใกล้ถึงงานเลี้ยงฤดูหนาวแล้ว ข้าจะปฏิเสธให้เจ้าเอง” ซ่านจินจื๋อพยักหน้าเบาๆและพูด สำหรับตงฟางซวนเอ๋อที่เป็นผู้หญิงใจแคบ เขาก็แค่รำคาญหน่อยๆ เพราะยังไงในหม้อผสมสี ใครบ้างที่ไม่โดนสีเลย
ตงฟางซวนเอ๋อพยักหน้า ยกกระโปรงขึ้นไปจัดการเรื่องในจวน
ซ่านจินจื๋อปีนขึ้นรถม้าอยากจะไปโรงเตี๊ยมสักหน่อย แต่กลับเห็นขันทีที่อยู่ข้างเสด็จพี่อยู่ภายในรถม้า “ท่านอ๋องจิ้ง ฝ่าบาททูลว่าคณะทูตจากเย่นเจียงเดินทางไกลมาเหน็ดเหนื่อย และตอนนี้อยู่ในวัง เกรงว่าจะไม่เหมาะเท่าไหร่ สั่งคนไปโรงเตี้ยมดูแลอย่างดี ขอเชิญท่านอ๋องกลับไปจัดการเรื่องใหญ่นี้เถิด”
ซ่านจินจื๋อพยักหน้าด้วยใบหน้าที่ไร้ความรู้สึก โบกมือขึ้นให้คนเดินทางได้
ขันทีไม่เข้าใจ อ๋องจิ้งชอบยู่ชีงนั่นหรือเปล่า?
ตลอดทางที่กลับวัง ซ่านจินจื๋อไม่พูดเรื่องยู่ชีงเลย แต่กลับสั่งคนให้ตรวจสอบเรื่องการวางยาในงานวันเกิดของนายท่านตงฟางดีๆ ยิ่งพูดถึงเรื่องเก่าๆอีก ต้องหาคนในวังที่วางยาคนนั้นให้ได้ ไม่แน่เบื้องหลังคนทั้งสองอาจจะเหมือนกัน