บทที่ 863 เร้าใจ
“ลูกสาวของตระกูลยู่รังแกยากกว่าลูกหลานของตระกูลหยุน”
หลังจากที่ซ่านต้วนโฉงนั่งลงตรงโต๊ะที่ทำงานแล้ว ก็หยอกล้อกับนกเทาน้ำเงินที่อยู่ในกรง เสียงของนกใสแจ๋วไพเราะเสนาะหู ทำให้คนชื่นชอบได้ง่าย
แต่ซ่านจินจื๋อที่ถูกเชิญมาได้นั่งพิงอยู่กับเก้าอี้อย่างสบายๆ ความหยิ่งผยองของเขาเหมือนเจ้าเด็กอายุสิบกว่าปีที่ไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมในความทรงจำของซ่านต้วนโฉง พี่น้องสองคนอายุห่างกันมาก แต่ในขณะที่วังหลังมีการแก่งแย่งชิงดีกันนั้น พี่น้องทั้งสองคนเพราะว่าโง่เขลาด้อยปัญญาจึงช่วยกันอย่างสามัคคี มาวันนี้ทุกอย่างสงบเรียบร้อย ได้มาอย่างไม่ง่าย
เสียงอันเย็นชาของซ่านจินจื๋อดึงเข้าออกมาจากความทรงจำ“กลั่นแกล้งยากแล้วยังไงล่ะ?ตระกูลยู่เคยทำงานให้แคว้นเจียงเยี่ยน มาวันนี้ให้คนนำมามอบให้ เป็นเรื่องดีหรือไม่ดีก็ไม่อาจรู้ได้ ยิ่งไปกว่านั้นหาหญิงที่รูปร่างหน้าตาเหมือนนางมา กู่เซิงคนนั้นก็ถือได้ว่ามีแรงจูงใจอย่างอื่นแอบแฝง”
“กู้อ้าวเวยมาพบข้าแล้วหลายครั้ง ยู่ชีงในวันนี้ เจ้าไม่สงสัยแม้แต่น้อยหรือ?”ซ่านต้วนโฉงเลิกคิ้วขึ้น วางมือที่หยอกล้อกับนกลงไป แล้วมือก็ค่อยๆวางลงบนกองศาลฎีกาที่อยู่บนโต๊ะทำงาน บนนั้นมีตัวอักษรเยอะแยะมากมายที่เขียนเรื่องเกี่ยวกับที่เย่นเจียงส่งคนของตระกูลยู่มา แน่นอนว่าอะไรเคลือบแฝงไว้อย่างแน่นอน ทุกคำพูดเขียนอย่างมีเหตุมีผล
เขาหัวเราะอย่างเย้ยหยัน ซ่านจินจื๋อยังไม่ทันได้จิบชาลงไป“ถ้าหากครั้งสองครั้ง ยังพอสามารถพูดได้ว่านางมีความกล้าหาญ แต่ถ้าหากครั้งที่สามยังกล้าเล่นแบบนี้ ข้าจะไม่ยอมฟังคำอธิบายแก้ตัวของนางแม้แต่คำเดียว”
สายตาความอาฆาตของเขาถูกซ่านต้วนโฉงเก็บไว้ทั้งหมด
ฮ่องเต้ที่สวมชุดมังกรนั้นรู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก เขาเลิกคิ้วพลางเอ่ยปากพูดขึ้นมาว่า“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เรื่องของราชทูตเย่นเจียงมอบให้เจ้าจัดการ……”
“ข้าแค่อยากจะจัดการเรื่องของนาง นอกเหนือจากเรื่องนี้ท่านพี่ก็ส่งมอบให้หยวนเอ๋อทำเถอะ ข้าดูแล้วช่วงนี้เขากับฉีหรัวมีเวลาเดินเตร็ดเตร่ต่อหน้าข้า ข้ารู้สึกรำคาญใจยิ่งนัก”ซ่านจินจื๋อโบกมืออย่างหน่ายใจ ทำความเคารพเสร็จก็เดินจากไปอย่างรวดเร็ว ท่าทางเหมือนปวดศีรษะเป็นอย่างมาก
ซ่านต้วนโฉงตะลึงไปชั่วครู่ กวักมือเรียกหวางกงกงที่ที่อยู่ตรงประตู“ระหว่างอ๋องจิ้งกับหยวนเอ๋อเกิดอะไรขึ้น?”
“เอ่อออ……”หวางกงกงชะงักไป แล้วเอ่ยพูดกับฮ่องเต้ไปว่า“พักนี้ ขอเพียงแค่อ๋องจงผิงกับคุณหนูรองฉีพบเห็นอ๋องจิ้งอยู่กับสตรี ก็จะเข้ามาประชดประชัน วันก่อนยังทะเลาะกับแม่นางตงฟางที่สวมหลวงด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
“ฉีหรัวกับกู้อ้าวเวยมีความสัมพันธ์อันดีกันขนาดนี้เชียวหรือ?”
“ดีมากพ่ะย่ะค่ะ”หวางกงกงพยักหน้าอย่างตั้งใจ
สายตาของซ่านต้วนโฉงไปตกอยู่บนชั้นวางของไม่ไกล แล้วหัวเราะขึ้นมาเบาๆ“ส่งคนนำของพวกนี้ไปให้แม่นางยู่ชีงด้วย อีกไม่กี่วันให้ฮองเฮาจัดงานเลี้ยงฤดูหนาว แล้วพายู่ฉีงไปพบกับฉีหรัว”
ข้าจะคอยดูว่า ตกลงยู่ฉีงเป็นหนึ่งในหน้ากากของเจ้าหรือไม่
หวางกงกงเข้าใจอย่างกระจ่างแจ้ง รีบเดินไปสั่งให้พวกองครักษ์ลับคอยสุ่มจับตาดูอ๋องจิ้งกับยู่ชีงด้วย ซ่านต้วนโฉงไม่มีกะจิตกะใจสนใจต่อไป เพียงแต่หยิบตำราเล่มหนึ่งออกมาจากช่องลับ แล้วตั้งใจอ่าน
แต่มุมของตำราเล่นนั้น เขียนคำว่าวิญญาณหนึ่งคำ
……
ในขณะที่รีบสาวเท้าไปยังพระตำหนัก เหล่านางกำนัลก็จัดการให้กู้อ้าวเวยพักอยู่ข้างๆของพระตำหนัก
มีคนส่งของว่างกับชาร้อน จุดธูปหอม วางเตาถ่านให้เรียบร้อย ขันทีมองสีหน้าของนางชั่วครู่ แล้วอดที่จะพูดขึ้นมาไม่ได้ว่า“แม่นางยู่ชีงรู้สึกไม่สบายกายหรือ?ข้าน้อยจะไปเรียกท่านหมอหลวงมาดูอาการให้ท่าน?”
“แค่แผลเก่าที่ยังไม่สมานก็เท่านั้นเอง ไปนำสมุนไพรกับผ้าพันแผลมาก็พอแล้ว ”กู้อ้าวเวยโยนกระดาษแผ่นหนึ่งไว้บนโต๊ะ แล้วโบกมือเบาๆอย่างเรียบเฉย“ถ้าหากไม่มีอะไร อย่าได้รบกวนข้า”
นางกำนัลต่างพากันจากไป นางค่อยๆเปิดหน้าต่างออกมาเล็กน้อย พินิจพิเคราะห์หญิงสาวคนนั้นอย่างละเอียด
ทุกปีคนในวังหลวงจะเดินเข้าออกกันอย่างขวักไขว่ น้อยคนจะเอ่ยถึงพระชายาจิ้งคนนั้น และมีน้อยคนมากที่จะเคยเห็นโฉมหน้าขององค์หญิงเอ่อตานที่สิ้นพระชนม์ไปแล้ว ผ่านไปไม่นานก็เริ่มพูดคุยกันอย่างสนุกปาก
“แม่นางยู่ชีงคนนี้ดวงตาสีเทา รอยสักบนใบหน้าช่างน่าเกลียดน่ากลัวยิ่งนัก ไม่รู้ว่าอ๋องจิ้งเห็นใบหน้าของนางแล้วทรงบรรทมได้อย่างไร”นางกำนัลเล็กๆทำเสียงจึปาก ยังไม่ลืมที่จะมองไปในสระน้ำเพื่อมองใบหน้าอันขาวสะอาดของตนเอง ในใจมีความไม่พอใจและโกรธเล็กน้อย
นางกำนัลที่กำลังปัดกวาดทำความสะอาดอยู่นั้นทำมือและทำเสียงชู่“เจ้านายไม่อยู่ก็อย่าได้พูดอะไรไร้สาระเช่นนี้ ถ้าหากถูกอ๋องจิ้งได้ยินเข้า กลัวว่าชีวิตเจ้าจะหายไปครึ่งหนึ่ง”
“อ๋องจิ้งไม่อยู่ไม่ใช่หรอ”นางกำนัลอีกคนหนึ่งยกของเข้ามา แล้วเอ่ยขึ้นด้วยเสียงเบา“ข้ายังได้ยินข่าวลือมาว่า ตระกูลยู่ครึ่งหนึ่งเป็นผู้มีวิชาอาคม อีกครึ่งหนึ่งกลับเป็นคนทำนายดวง ข้าดูแล้วแม่นางคนนี้จะเป็นจำพวกผู้สูงส่ง ไม่อย่างนั้นใบหน้าเช่นนี้ นางก็ปีนขึ้นเตียงของอ๋องจิ้งไม่ได้หรอก……”
“ยู่ชีงคนนี้มีความสามารถขนาดนั้นเลยหรือ?”เสียงเล็กแหลมพูดขึ้นขัดบทสนทนาของทุกคน
พวกนางกำนัลมองไปแวบเดียวก็พากันคุกเข่าลง พากันยอมรับผิด
คนที่มาสวมเสื้อคลุมขนสัตว์เช่นกัน แต่เสื้อคลุมขนสัตว์กลับเพียงกองอยู่ตรงแขน ด้านล่างเป็นชุดยาวสีขาวสง่า ใบหน้างดงาม ดวงตาดุจหงส์คู่นั้นเพิ่มเสน่ห์ของท่ามกลางหิมะขาวโพลนหลายเท่า
ตงฟางซวนเอ๋อเดินไปด้านหน้า แล้วหัวเราะเยาะ“ยู่ชีงคนนั้นตอนนี้ยังอยู่ในจวนของอ๋องจิ้งอย่างนั้นหรือ?”
“อยู่ที่ห้องรับรองแล้ว แม่นางยู่ชีงอย่างไรเสียก็เป็นคนที่ราชทูตของเย่นเจียงส่งมา ฮองเฮาสั่งนักสั่งหนา อย่าได้ไม่ต้อนรับแขกหรือให้คนอื่นพบเห็นเข้า ปรนนิบัติอย่างระมัดระวังด้วย”นัยน์ตาของนางกำนัลน้ำตาคลอเบ้า รีบเอ่ยถึงฮองเฮาเพื่อรักษาชีวิตไว้
ตงฟางซวนเอ๋อตอนแรกยังอยากจะใส่อารมณ์ มาวันนี้รู้ดีว่าท่านป้าเป็นคนทำ จึงทำได้เพียงแค่อดทนไว้
“พาข้าไปดูหน่อย”นางอยากไปดู ว่ายู่ชีงเป็นผู้หญิงอย่างไรกันแน่ พึ่งมาได้ไม่นานก็ทำให้อ๋องจิ้งหลงจนโงหัวไม่ขึ้น หรือว่า……บนร่างกายของนางมีสิ่งที่โดดเด่นกว่าคนอื่น?
พอมาถึงห้องรับรอง ประตูถูกปิดไว้ นางกำนัลเล็กเอ่ยพูดขึ้นเสียงเบา“คุณหนูตงฟางมาแล้ว”
“ข้าไม่รู้จักแม่นางตระกูลตงฟาง ไม่ต้องให้คนเข้ามา”เสียงของกู้อ้าวเวยแหบพร่า พอตงฟางซวนเอ๋อได้ยินว่าคนผู้นี้ไม่ได้มีเสียงอันไพเราะ ไม่รอนางกำนัลขัดขวาง นางผลักประตูเข้าไปสาวเท้าก้าวยาวเข้าไปด้านใน พอเห็นยู่ชีง เสียงหายใจของนางเบาลง แม้แต่นางกำนัลที่อยู่ด้านหลังยังร้องเสียงหลง รีบเปิดประตูทันที
กู้อ้าวเวยตกใจกับเสียงของทั้งสองคน ไม่ทันระวังก็ทำเสื้อหล่นลงไป นางทำได้เพียงแค่ก้มตัวลงเพื่อเก็บเสื้อขึ้นมา ยังไม่ทันที่จะปิดบังผิวที่เป็นรอยเทาขาว ยังมีรอยแผลจากมีดตรงแขนสองทั้งข้างที่ยังไม่ได้สมานกัน รวมไปถึงรอยแผลเก่าสีเนื้อ ทำให้เห็นได้ชัดบนร่างกายอันขาวซีด
พอหันกลับไป สายตาคู่สีเทาของนางก็ไปตกอยู่บนร่างของตงฟางซวนเอ๋อ นางเห็นเพียงแค่เงาสีขาวร่างหนึ่ง“แม่นางมีเรื่องอันใดหรือไม่?”
“เจ้า……”ตงหางซวนเอ๋อไม่อยากเชื่อสายตา นางตกใจเป็นอย่างมาก
ยกมือขึ้นปิดตาทั้งสองข้างของนาง กู้อ้าวเวยรีบสวมเสื้อผ้า กระทั่งยังไม่ทันที่จะได้เปลี่ยนยาก็ถูกทั้งสองขัดขวาง นางรู้สึกไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่นัก บาดแผลตรงหน้าอกเจ็บปวดรวดร้าวนางรีบหยิบเสื้อคลุมขนสัตว์มาห่อกายแล้วนั่งลง แล้วเอ่ยเสียงต่ำ“ถ้าหากไม่มีอะไร ข้าก็จะไม่รั้งคนไว้ สองตาไม่อาจมองเห็นอะไร ยากต่อการต้อนรับแขก”
ตงฟางซวนเอ๋อหายใจเข้า แล้วหัวเราะพลางพูดขึ้นมาว่า“เจ้าเป็นแค่หญิงที่เย่นเจียงส่งมาเท่านั้น กล้าพูดเช่นนี้กับข้าเลยอย่างนั้นหรือ?”