บทที่ 862 ผิดเวลา
ทั้งข้างสองฝั่งมีแต่เสียงทำความเคารพของนางกำนัลและขันที
ยังเดินออกไปได้ไม่ไกล กู้อ้าเวยก็ปล่อยชายแขนเสื้อของซ่านจินจื๋อลง แล้วหยุดเดิน
“สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ใช้จัดงานเลี้ยงเมื่อคืน นี่มันไม่เหมือนกับทางออกจากวังหลวงเลยนะ”กู้อ้าวเวยหรี่ตาลงกวาดตามองไปรอบๆด้วยภาพอันเลือนราง กระทั่งรู้สึกไม่คุ้นเคย
ซ่านจินจื๋อหันกลับไปมองนาง ยกมือขึ้นเพื่อบอกให้นางกำนัลกับขันทีออกไปก่อน“ถึงดวงตาของเจ้าจะสูญเสียการมองเห็น แต่สัมผัสของเจ้ากลับเฉียบแหลมมาก”
“ขอบคุณสำหรับคำชม ข้าเพียงแต่แปลกใจว่าเหตุใดท่านถึงต้องทำเช่นนี้ด้วย?”กู้อ้าวเวยได้ยินเสียงฝีเท้าค่อยๆไกลออกไปเรื่อยๆ นางเดินก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว“ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ที่เจ้าทำตัวแปลกๆ”
“ทั้งๆที่เจ้าจำข้าไม่ได้สิถึงจะถูก”ซ่านจินจื๋อเม้มปาก แล้วนำมืออันหนาสากขึ้นมาวาดผ่านใบหน้าของกู้อ้าวเวยไป แล้วพูดด้วยเสียงเบา“ข้าแค่อยากถาม ว่าตกลงเจ้าเป็นคนเดียวกับนางก่อนหน้านี้หรือไม่ หรือนางคนข้างหลัง”
ไม่เหมือนกันเลยสักนิด
กู้อ้าวเวยที่เขารู้จักคนนั้นเป็นคนที่สุขุมทำอะไรเป็นขั้นเป็นตอนอยู่ตลอด แม้แต่จะเป็นในตอนที่จำเรื่องบางอย่างไม่ได้ก็ตาม นางก็ควรจะเป็นคนที่ดื้อรั้นเข้มแข็ง แน่วแน่ ไม่พึ่งใครหน้าไหนทั้งนั้น
แต่กู้อ้าวเวยทุกวันนี้ เหมือนจะคอยพึ่งพายู่จือกับกุ่ยเม่ย นิสัยก่อนอ่อนโยนยอมแพ้กับเรื่องเล็กๆน้อยๆรวมถึงการพูดจากับคนอื่นที่ดูจะแข็งกร้าว แตกต่างแม้แต่รายละเอียดเล็กๆน้อยๆก็ตาม เขาสามารถแยกแยะได้อย่างชัดเจน
“ต่างกันอย่างไร?”กู้อ้าวเวยผลักมือนางออกไปเบาๆ ปลายนิ้ววาดผ่านลำคอไป ใบหน้าดูเศร้าสร้อย“เจ้าเคยคิดดูไหมว่า กู้อ้าวเวยหลังจากนั้น เพียงแค่จำตัวเองก่อนหน้านี้ไม่ได้ แต่เจ้าจำได้ หรือเพียงแค่คนใดคนหนึ่งเท่านั้น”
นางเคยหลงอยู่ในค่ำคืน แต่พอถึงท้ายสุดก็ทำได้เพียงแค่รวบรวมหนึ่งประโยคออกมา“ข้าในวันนี้ เป็นคนที่เหลืออยู่คนนั้น”
ลมหนาวพัดผ่านไป กู้อ้าวเวยหันกลับไป อาศัยความจำเดินไปยังทางเท้าเล็กๆเมื่อครู่
ซ่านจินจื๋อกำมือจนแน่น เขาไม่เคยคิดว่ากู้อ้าวเวยที่เขารู้จักคนนั้นจะหายไป หรือเปลี่ยนเป็นคนอื่น แต่เขายังคงตามไปอย่างจำใจ ราวกับเหมือนกับที่นางพูดไว้ ว่าผู้นั้นที่เหลืออยู่ ยังคงเป็นกู้อ้าวเวย
เดินตามฝีก้าวของกู้อ้าวเวยอย่างช้าๆ ซ่านจินจื๋อยังเขาดึงมือนางไว้ในตอนที่นางกำลังลังเล“อยู่ต่อกับข้านะ”
“ข้ารับปากว่าจะปกป้องเจ้า แต่ไม่ใช่ด้วยวิธีการนี้”กู้อ้าวเวยเลิกคิ้วขึ้น แต่ไม่ได้ปฏิเสธมือของเขา รู้สึกได้ถึงการก้าวเท้าที่ช้าลงของซ่านจินจื๋อ นางเอ่ยขึ้นด้วยเสียงเบา“ในวังไม่อาจมีการสู้รบเกิดขึ้นได้”
ซ่านจินจื๋อหัวเราะเบาๆ ปลายนิ้วค่อยๆปล่อยจากมือเล็กอันเย็นเฉียบของนาง“ตกลงเจ้าจำได้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น?”
“วุ่นวายเล็กน้อย แต่ข้ารู้ดี ว่าวังหลวงกับราชสำนักมีการติดต่อการอย่างลับๆ แต่อำนาจของราชสำนักขึ้นอยู่กับทรัพย์สมบัติเงินตราของเมืองเทียนเหยียน รวมไปถึงอำนาจที่ซ่อนอยู่ทุกซอกมุมยังมีเงินทองอันมากมายมหาศาลนั่นอีก ถ้าหากเป้าหมายของเจ้าคือการกำจัดคนที่อยู่สูงสุด สิ่งที่ควรทำมากที่สุดนั่นก็คือการทำให้ส้นเท้าของเขาขาดก่อน”กู้อ้าวเวยยกเท้าของตนเองขึ้นมา จิ้มไปที่ส้นเท้าของตัวเองเบาๆ
ซ่านจินจื๋อใช้แรง“?”
“แต่ดวงตาของเจ้าต้องสามารถมองเห็นแน่ๆ นอกเสียจากเจ้ายังอาลัยอาวรณ์เขาที่เป็นญาติสนิทของเจ้า”กู้อ้าวเวยกดเสียงต่ำแล้วพูดขึ้นมาว่า หรือนางจะจำเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้แล้ว แต่ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะฉะนั้นเห็นได้ชัดว่านางมีความระมัดระวังเล็กน้อย เสียงเบาจนไม่สามารถจะเบาได้อีก
มุมปากของซ่านจินจื๋อกระตุกขึ้นมา“เจ้าอยู่ข้างกายข้าถึงปลอดภัยที่สุด”
“คนที่เข้ามาทดลองจะทำต่อไปเรื่อยๆ เจ้ามั่นใจหรือว่าข้าจะไม่ถูกพบเข้าเสียก่อน?”กู้อ้าวเวยเงยหน้าขึ้นมามองเขา
“เจ้าจำได้เยอะขนาดนี้ แต่จำข้าไม่ได้เนี่ยนะ?”ซ่านจินจื๋อทำสีหน้าตกตะลึง แล้วลากนางกลับไป สายตากวาดไปมองกำแพงสูง แล้วก้มลงมือกระซิบข้างหูของนาง เจ้าคือยู่ชีง“”
“ไม่อย่างนั่นล่ะ?อ๋องจิ้งจะให้ข้าไปเป็นตัวแทนของใครใช่ไหม”กู้อ้าวเวยตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว ผลักเขาออกไปด้วยใบหน้าไม่พอใจ“ข้าจะไปหายู่จือ”
เข้าถึงบทเร็วจริง
ซ่านจินจื๋อฝืนแนบเข้ามาอยู่บนร่างของนางด้วยสายตาอันนุ่มนวล เขาก้มหน้าลงต่ำ ดึงข้อมือของนางไว้“เจ้าเป็นสตรีที่กู่เซิงส่งมา เจ้าคิดว่านอกจากเจ้าจะอยู่กับข้าหรือฮ่องเต้แล้ว ยังมีประโยชน์อย่างอื่นอีกหรอ?”
สีหน้าของกู้อ้าวเวยซีดเผือด ใช้แรงสะบัดอยากจะหลุดผลจากพันธนาการของซ่านจินจื๋อ แต่มันไม่มีประโยชน์
เขาจ้องมองเขาไปหนึ่งครั้ง“คนแคว้นชางหลานเป็นคนเผด็จการหรอ?ข้าคิดว่ามีแค่คนป่าเถื่อนของเอ่อตานจึงจะเป็นเช่นนี้ได้”
“เป็นแค่ข้าเท่านั้นแหละ”ซ่านจินจื๋อไม่สนใจการขัดขืนของนางเขากดนางเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของเขา“เจ้าควรจะรู้ว่าเจ้าอยู่ในสถานการณ์อะไร ถ้าหากเรื่องที่เจรจาตกลงกันไม่ได้ ข้าก็จะให้คนจัดการกำจัดเย่นเจียงทิ้งเดี๋ยวนี้ ……”
“เจ้าน่ะหรอ?”กู้อ้าวเวยกำหมัดแน่น แสร้งพูดขึ้นพูดขึ้นอย่างกวนประสาท ดวงตาคู่สีเทาคู่นั้นมองไปที่นางกำนัลขันทีที่ยืนอยู่ไม่ไกลอย่างเหม่อลอยแล้วค่อยหันกลับมามองคนข้างกายใหม่อีกครั้ง สีหน้ายิ่งดูซีดเผือดขึ้น
“ข้าเป็นจักรพรรดิในอนาคต อีกทั้งมีเจ้าอยู่ รอจนนางกลับมาถึง อาจจะโมโหโกรธมากก็เป็นได้”ซ่านจินจื๋อเอ่ยด้วยเสียงต่ำ ล็อคไหล่ของนางไว้แล้ว แล้วพูดต่อหน้าทุกคนไปว่า“ได้ข่าวมาว่าตงฟางซวนเอ๋อพรุ่งนี้จะเข้ามาจัดงานเลี้ยงในจวนอย่างนั้นหรอ เพื่อจัดงานวันเกิดให้กับใต้เท้าตงฟาง?”
“พ่ะย่ะค่ะ อ๋องจิ้ง”ขันทีพยายามไม่มองมือของซ่านจินจื๋อที่วางอยู่บนไหล่ของกู้อ้าวเวย
“ไปบอกกับเสด็จพี่ด้วยว่า ข้าจะไปยินดีกับว่าที่พ่อตาสักหน่อย”เขาตั้งใจเน้นสองคำสุดท้าย ซ่านจินจื๋อยังคงโอบกอดนางแน่นขึ้นเล็กน้อย“เจ้าเป็นแค่ตัวแทนเท่านั้นแหละ เจ้าควรที่จะยินดีกับความโชคดีของเจ้าที่ไม่ได้แซ่กู้หรือแซ่หยุนนะ”
กู้อ้าวเวยกำหมัดแน่นไม่พูดอะไรอีก
ซ่านจินจื๋อยิ้มออกมาอย่างพอใจ แต่ในขณะที่ไม่มีใครมองเห็น ปลายนิ้วของเขาบีบไหล่ของกู้อ้าวเวยอย่างปลอบใจ ในตอนนี้ร่างกายของกู้อ้าวเวยแน่นขนัดไปหมด จนกระทั่งเดินไปออกไปเล็กน้อยถึงได้เอ่ยปากพูดขึ้นมาว่า“ทำอย่างนี้แล้วเจ้ามีความสุขมากเลยหรอ?”
พอพูดจบ นางก็ปัดมือของซ่านจินจื๋อที่กำลังยกขึ้นมาออก แล้วก้าวถอยหลังไปหลายก้าว“ถึงแม้ตระกูลยู่ของข้าจะซ่อนตัวเป็นเวลาหลายปี แต่ก็รู้จักการยึดมั่นในคำสัญญาว่าจะรักกันตลอดไป คนคนหนึ่ง ตลอดทั้งชีวิตนี้มีเพียงแค่หัวใจหนึ่งดวง”
มองดูสีหน้าท่าทางที่ใกล้จะร้องไห้แล้ว อีกนิดเดียวซ่านจินจื๋อก็เกือบเชื่อแล้ว ในขณะที่เขาตกตะลึงอยู่นั้น นางก็ได้คว้าแขนเสื้อของนางกำนัลใกล้ๆ แล้วสั่งการให้ฝ่ายตรงข้ามพานางกลับไป
นางกำนัลรีบมองไปยังซ่านจินจื๋อ เขาสงบลงมาบ้างแล้ว จึงปัดมืออย่างไม่สบอารมณ์“หลังจากนี้เจ้าจะได้รู้ว่าการถูกข้าให้ความเอ็นดูเป็นเรื่องที่โชคดีที่สุด”
“หม่อมฉันคิดว่านี่คงเป็นแค่การแลกเปลี่ยน ชาตินี้เจ้าก็จะไม่มีวันได้รับของสิ่งนี้”กู้อ้าวเวยชี้ไปยังหน้าอกของตัวเองอย่างแรง บาดแผลตั้งหัวใจที่มีดแทงนั้นเจ็บปวดรวดร้าวไปทั่วทั้งสมอง ทำให้รอบดวงตาของนางแดงก่ำ ความทรงจำคืนวันเข้าหอหลั่งไหลเข้ามาดุจดั่งน้ำพัดสาดกระแทกเข้ามา กดจนนางแทบหายใจไม่ออก มือที่จับมือของนางกำนัลสั่นเทาเล็กน้อย
รอจนซ่านจินจื๋อพบว่ากู้อ้าวเวยมีความผิดปกติ นางกำนัลคนนั้นก็ได้พานางที่โงนเงนไปเดินไปยังพระตำหนักแล้ว
แต่เงาที่อยู่หลังกำแพงสูงได้จากไปอย่างเงียบๆ