บทที่ 878 แอบเข้าจวนองค์ชายกลางดึก
พอกินอิ่มแล้ว กู้อ้าวเวยจับแขนเสื้อของซ่านจินจื๋อ เดินกลับไปโรงเตี้ยมช้าๆ
ยังเดินออกไปได้ไม่กี่ก้าว ก็ถูกยัดขนมใส่มือ ซ่านจินจื๋อเหมือนโยนเงินให้ขอทานอย่างนั้น นางขมวดคิ้วทันที แต่มืออีกข้างก็เปิดออกกินไม่ได้ จึงถือไว้ก่อน
พอสักพัก ซ่านจินจื๋อหยุดเดิน นางรู้สึกถูกเขาโอบไหล่ไว้
“ไม่รีบกลับ” ซ่านจินจื๋อพูดขึ้น
กู้อ้าวเวยกลอกตาขึ้นบนอย่างรำคาญ เปิดถุงออกมาเดินไปด้วยกินไปด้วย และทดลองระยะป้อนขนมเข้าปากซ่านจินจื๋อ ต่อมาก็ต้องชะงัก เขาอ้าปากกินขนมนั้นจากมือของนาง กู้อ้าวเวยก็ถึงหยิบกินเองต่อ และไม่รู้ว่าซางฉวนที่ตามมาจากด้านหลังตาก็แทบทะล้นออกมา
ท่านอ๋องยิ้มกว้างแบบนี้เชียวเหรอ!
ตลอดทางกลับไปที่โรงเตี้ยม พวกทหารต่างทำความเคารพซ่านจินจื๋อ กู้อ้าวเวยก็รีบผละออกมาจากอ้อมกอดเขาและเดินนำไปก่อน ลูบคล่ำกำแพงและเดินขึ้นบันไดเอง มืออีกข้างก็ถือขนมไว้อย่างดี
“ท่านอ๋องจิ้ง ท่าน……”
“ข้าแค่อยากมาหายู่ชีง ไม่ต้องรายงาน” ซ่านจินจื๋อตามหลังนางไม่ไกลมาก มองดูนางขึ้นบันไดไปช้าๆ และท่าทางก็ชำนาญจึงไม่เป็นห่วงมาก
เคาะประตูของกุ่ยเม่ยและยู่หง กู้อ้าวเวยยื่นขนมไปให้กุ่ยเม่ยโดยไม่ตรงมือนาง ได้ยินเสียงกุ่ยเม่ยร้อง ก็รีบถือขนมอีกครึ่งถุงไว้อย่างดี และได้ยินกู้อ้าวเวยพูดต่อว่า: “ขอโทษด้วย ที่ทำให้เจ้าเป็นห่วง”
กุ่ยเม่ยรู้สึกตัวเองจะบ้าตายแล้ว กู้อ้าวเวยขอโทษตัวเองก่อนงั้นเหรอ
กระตุกมุมปากอย่างเขินอาย เขาก็พูดว่า: “ข้าไม่ได้โทษเจ้าหรอก แค่รู้สึกแปลกใจก็เท่านั้น”
“ข้าก็คิดว่าใครก็ทำกันแบบนี้เสียอีก” กู้อ้าวเวยเบะปาก ในใจก็คิดไม่ตก
“ไม่มีใครทำแบบนี้หรอก ส่วนมากคนที่สมองว่างเปล่าอยู่ จะเชื่อใจคนแรกที่เจอมากกว่า” กุ่ยเม่ยถอนหายใจหนัก ยกมือขึ้นตบไหล่นางเบาๆ: “แน่นอน เจ้าต่างกับคนอื่น”
“ข้าคงไม่ใช่ลูกนกที่พึ่งเกิดใหม่เจอใครคนแรกก็เรียกว่าแม่หรอก” กู้อ้าวเวยเบะปากไม่ชอบใจ แต่ฟังที่กุ่ยเม่ยพูด ในใจที่คิดมากมาตลอดก็ปล่อยวางลงได้แล้ว ยังอยากพูดเรื่องเกี่ยวกับคนตาย มือกลับถูกดึงออกไปเสียก่อน
ซ่านจินจื๋อส่ายหน้ากับกุ่ยเม่ย: “เมื่อวานองค์ชายสามปรากฏที่งานเลี้ยง แต่เขาไม่ได้ส่งข่าวมา”
พอเห็นสายตาเตือนของซ่านจินจื๋อ กุ่ยเม่ยถือขนมไว้และพยักหน้า: “คืนนี้ข้าจะไปดูเอง ตอนนี้……ข้าจะพักผ่อนเสียหน่อย”
กุ่ยเม่ยคงไม่อยู่รบกวนทั้งสองคนต่อ
ยิ่งไปกว่านั้นท่านอ๋องไม่พอใจกับเขาอยู่มากแล้ว
“งั้นข้าไม่รบกวนเจ้าแล้ว” กู้อ้าวเวยมองไม่เห็นสีหน้าของทั้งสอง จึงพยักหน้ากลับหลังหันเดินไปห้องตัวเอง และถูกซ่านจินจื๋อจับตัวไว้อีก: “ตอนกลางคืนข้าจะมาอีกครั้ง รอข้าด้วย”
กู้อ้าวเวยถูกดึงจนตัวเซ นางขมวดคิ้วพูดว่า: “เจ้าเข้ามาทำไม?”
“เจ้ารังเกียจข้าเหรอ?” ซ่านจินจื๋อก้าวขึ้นไป นำผ้าคลุมที่ตัวเองถืออยู่โยนไปให้กุ่ยเม่ย: “ก็ต้องพาเจ้าไปเที่ยวนอกเมืองน่ะสิ ไม่งั้นกุ่ยเม่ยกับยู่หงจะไปสืบองค์ชายสามไม่ได้กันพอดี เรื่องตรงนั้นเดี๋ยวก็ได้ช้าหรอก?”
“เจ้าเป็นถึงท่านอ๋องไม่มีคนให้รับใช้แล้วหรือไง?” กู้อ้าวเวยกลอกตาขึ้นบน: “ทั้งที่เจ้าก็รู้ว่าตอนนี้ตัวเองไม่ค่อยปลอดภัย ยังจะทำแบบนี้อีก นี่คงกลัวว่าจะตายเร็วสินะ?”
“เจ้าเสียการมองเห็นยังจะเสี่ยงอันตรายไปสืบเลย ใครกันแน่ที่ไม่กลัวตาย?” ซ่านจินจื๋อเดินขึ้นไปโอบนางไว้ ก่อนจากไปก็โยนจดหมายลับไปให้กุ่ยเม่ย ต่อมาก็พยักหน้ากล่าว
กุ่ยเม่ยก็พยักหน้าตอบ จดหมายลับก็เก็บเข้าไปในมือตัวเอง
กู้อ้าวเวยถูกซ่านจินจื๋อส่งไปที่ห้องตัวเอง นางยังนึกถึงยัยไง่หงที่ตัวเองทิ้งไว้ที่บ้านตระกูลโม่ ซ่านจินจื๋อก็พูดว่า: “บ้านฉีหรั่วมีเด็กสาวที่เคยดูแลเจ้า”
“ไม่ต้องแล้ว แบบนี้จะทำให้เกิดเรื่องได้” กู้อ้าวเวยส่ายหน้า: “ข้าก็ไม่ต้องการให้ใครมาดูแลด้วย”
ซ่านจินจื๋อก็ไม่พูดอะไรอีก ยกมือขึ้นบอกให้คนไปตามยัยไง่หงกลับมา ตัวเองก็เดินจากไปทันที
อาจเป็นเพราะเมื่อคืนนอนเต็มอิ่ม วันนี้กู้อ้าวเวยก็เลยนอนไม่หลับ จึงเอางานเขียนที่แต้มด้วยน้ำยาออกมา และลูบไปมา หวังว่าตัวเองเมื่อก่อนจะเก็บอะไรไว้บ้าง
พอกลางดึกผู้คนหลับใหล มีเพียงแค่คนเตือนเวลาและทหารที่เดินรอบเมืองเท่านั้น
ถนนที่ไร้ผู้คนมีเงาดำวิ่งผ่าน ในขณะที่เวรยามที่เดินตรวจตรารอบเมืองในถนนที่มองเห็นชัด นางก็รีบหลบกะทันหัน ยืนข้างๆบ้านบนหลังคา ไม่มีเสียงใดๆเปิดขึ้น และดาบยาวด้านหลังกลับดูล่อตามาก
โม่ซานมองดูพวกทหารเดินผ่านไป ก็ดึงผ้าปิดหน้าสีดำขึ้นมาหน่อยๆ สายตาคู่นั้นกลับมองไปที่เงาดำที่อยู่อีกหลังคาหนึ่ง ทั้งสองคงอยู่ในท่าเดิม อยู่เงียบๆไม่ขยับ
รอจนทหารโค้งเข้าไปอีกถนน โม่ซานก็หรี่ตาลงหน่อยๆ บกมือขึ้นรับก้อนหินสามก้อน อีกฝ่ายเหมือนไม่ได้จะทำให้นางถึงตาย แต่กลับหวังให้ก้อนหินกระทบโดนหลังคาให้เกิดเสียง ทำให้พวกทหารได้ยิน
นางรีบติดตามไปทันที หยุดอยู่ตรงหลังคา นางพึ่งจับข้อมือเล็กของคนตรงหน้าก็มีเสียงเล็กๆดังขึ้น: “เป็นเจ้าเองเหรอ?”
อึ้งสักพัก โม่ซานก็รู้ว่าเจ้าของเสียงคือใคร ปล่อยแรงออกหน่อยๆ มองดูกุ่ยเม่ยดึงผ้าที่ปิดหน้าลง เผยให้เห็นถึงใบหน้า และพูดเสียงเบาว่า: “เจ้าเตรียมตัวจะ……”
“ไปสืบที่จวนองค์ชายสาม ลูกน้องของพี่ชายดูเหมือนจะถูกขวางไว้หมดแล้ว ดังนั้นข้าจึงมาดูเอง” โม่ซานพยักหน้าปล่อยมือเขาออก และถามว่า: “เจ้าล่ะ?”
“ท่านอ๋องรู้สึกว่าองค์ชายสามแปลกๆ จึงให้ข้ามาดู” กุ่ยเม่ยใส่ผ้าคลุมกลับ ทั้งสองมองตากัน ก็ตัดสินใจไปที่จวนองค์ชายสามพร้อมกัน
ตามแผนการเดิม องค์ชายสามน่าจะร่วมมือกับซ่านจินจื๋อ และสองคนน่าจะแลกข่าวสารกัน อีกอย่างองค์ชายสามเห็นได้ชัดว่าจะไปขอความช่วยเหลือจากไทเฮา แต่วันนี้กุ้ยมามาหายตัวไป และทางอารามไป๋หม่ากลับไม่มีท่าทีอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นเขายังไปร่วมงานเลี้ยงฤดูหนาวโดยที่ซ่านจินจื๋อไม่รู้
ถ้าเพราะกู้อ้าวเวยเมื่อคืนทำให้งานกร่อย องค์ชายสามน่าจะพูดถึงพันธมิตรระหว่างแคว้นชางหลานและแคว้นเอ่อตาน
และเป้าหมายตอนนี้ ก็ไม่มีใครรู้ได้
ทั้งสองเดินเข้าไปในสวนดอกไม้ขององค์ชายสามอย่างระมัดระวัง เดินหลบพวกยามถึงเข้าใกล้ห้องหนังสือได้ แต่ด้านนอกมีบ่าวผู้ชายเฝ้าอยู่ ดูจากรูปร่างแล้วน่าจะเป็นจอมยุทธที่แค่สวมชุดบ่าวรับใช้เท่านั้น ทั้งสองไม่กล้าเข้าไปโดยพลการ จึงพยายามกลั้นหายใจเดินขึ้นชั้นสองไป
ชั้นสองในตอนกลางคืนยังมีจุดโคมไฟไว้ ที่ไม่เหมือนกับความจำกุ่ยเม่ยคือ ดอกไม้รอบๆถูกเปลี่ยนเป็นของสีดำหมดแล้ว เขายกมือเอายาที่กู้อ้าวเวยเคยเอาให้ตัวเองยัดเข้าไปในมือของโม่ซาน ทำท่าระวังให้นาง ถึงเดินไปถึงมุมกำแพง
โม่ซานยกมือขึ้นอยากจะควักกลับไปหน่อย แต่กลับเห็นเงาดำหนึ่งเดินออกมาจากชั้นสอง กุ่ยเม่ยรีบดึงโม่ซานหลบไปที่ทางเลี้ยว สีหน้าเคร่งเครียดมองเฟิงฉีนที่เดินมาจากไม่ไกล เฟิงฉีนเดินขึ้นมาอย่างเร็ว: “ฮูหยิน ทำไมท่านออกมาอีกแล้ว”
กุ่ยเม่ยขมวดคิ้ว ฉางอีฉินดูไม่เหมือนคนป่วยหนักเลย