บทที่ 886 ระวังคนข้างกาย
“คุณหนูใหญ่ ยาพวกนี้เป็นยารักษาแผลภายนอกจริงๆ”
หมอในจวนได้ตรวจสอบยาที่เอามาแล้วทั้งหมด12ครั้ง แต่ตงฟางซวนเอ๋อก็ยังคงจ้องยาพวกนั้นอย่างไม่วางใจ แล้วพูดว่า “ข้าจำได้ว่าตระกูลยู่ของแคว้นเจียงเยี่ยนเป็นตระกูลที่ใช้พิษ พวกนางจะทำยาได้อย่างไร……..”
“ยาพวกนี้เป็นยาสมานแผลธรรมดาทั่วไป แต่เติมพวกสมุนไพรช่วยลบรอบแผลเป็น ร้านยาไหนๆ ก็สามารถทำได้ ถ้าคุณหนูใหญ่ไม่เชื่อ ก็สามารถเอายาพวกนี้ไปให้หมอร้านยาแถวนี้ดู” หมอแก่ๆ ผมขาว ก็วางยาพวกนั้นลง แล้วก็ถอนหายใจ
ตงฟางซวนเอ๋อก็ยังกังวลอยู่ หรือว่ายู่ชีงคนนี้จะไม่คิดร้ายเลยหรือ?
ถ้ายู่ชีงคนนี้ไม่มีฤทธิ์เดชอะไรเลย แล้วทำไมท่านปู่ต้องกำชับข้าว่าอย่าไปยุ่งกับนาง
ในมือก็บีบผ้าเช็ดหน้าจนยับยู่ยี่ แล้วก็มีคนรับใช้เดินเข้ามารายงาน “แม่นางยู่ชีงไปยังโรงเหล้า ดูเหมือนว่าอยากจะพายัยไง่หงไปลิ้มลองรสชาติอาหารของแคว้นชางหลาน”
“นางเป็นคนเย่นเจียงจริงๆ หรือ?” ตงฟางซวนเอ๋อรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ
คณะราชทูตคนอื่นๆ จากเย่นเจียงที่มาพร้อมนาง ก็ต้องเข้าวังไปเข้าเฝ้าทุกวัน เพื่อปรึกษาเรื่องบ้านเมือง ยู่จือมักจะปิดประตูอยู่ในห้อง ส่วนยู่ชีงก็ออกมาซื้อยา หรือไม่ก็ไปเที่ยวเล่น หรือไม่ก็ไปกินข้าวที่ร้านเหล้า ใช้ใบหน้าที่คล้ายกับกู้อ้าวเวย อย่างกับคนอื่นไม่รู้อย่างนั้น
กู้อ้าวเวยรับปากกุ่ยเม่ยไว้ ว่าจะไม่ออกไป แต่ยัยไง่หงไม่ใช่คนที่มีความอดทนสูง
ตอนที่ยัยไง่หงถามเกี่ยวกับเรื่องศพที่ตายอย่างไม่รู้สาเหตุอยู่หลายครั้ง กู้อ้าวเวยก็พานางมายังหลานเอ๋อร์อีกครั้ง กินหม้อไฟร้อนๆ พร้อมกับถามนางไป “บริเวณนี้มีเจ้าคนเดียวที่รู้เรื่องนี้ หรือว่ามีคนอื่นที่ยังรู้เรื่องนี้อีก”
“คุณหนู เรื่องมันไม่น่าสนุกเลย ถึงแม้พวกเขาจะพบกับเรื่องพวกนั้น ก็คงไม่กล้าพูดออกไปแน่แท้” หลานเอ๋อร์ไม่อยากพูดออกมา แล้วก็เงยหน้าขึ้น “เรื่องในนั้น มันเชื่อมต่อกันหรือ?”
“ถ้าคนอื่นประสบเอง ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เจ้าก็จะปลอดภัย แต่ถ้ามีแต่บ้านเจ้าคนเดียวที่ประสบ เจ้าลองเดาดูว่าตั้งใจมาที่เจ้า หรือคนเบื้องหลังเจ้า” กู้อ้าวเวยตั้งใจพูดประเด็นเป็นสองทาง เสียงนุ่มนวล แต่สายตานี่เยือกเย็น
หลานเอ๋อร์ก็ตัวสั่น แล้วยิ้ม “เป็นที่หนึ่งของเมืองเทียนเหยียนได้ ใครบ้างไม่มีคนอยู่เบื้องหลัง”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าก็ค่อยไปสืบดูว่า ตกลงแล้วมันมีปัญหาตรงไหนกันแน่ ถ้าไม่ธรรมดา ข้าก็จะให้คนไปเอาชีวิตเจ้า แต่สมบัติทั้งหมดในตระกูลก็ต้องตกเป็นของ……..” แล้วก็หยุดพูดไป กู้อ้าวเวยก็มองนางอย่างน่าสนใจ
สีหน้าเปลี่ยน หลานเอ๋อร์ก็รีบทำความเคารพจากไป
กู้อ้าวเวยก็ดึงคิ้วสูงขึ้น ไม่นึกว่านางจะเลินเล่อ เบื้องหลังของหลานเอ๋อร์ต้องมีคนอื่นแน่ ถ้ารู้ตัวตนของนางละก็……ก็คงมีคนจ้องจับผิดนางมากขึ้น แล้วก็เอามือคลำๆ แก้ว แล้วยัยไง่หงก็พูดออกมาว่า “คุณหนู ทำไมทุกคนประสบกับเรื่องนี้ แล้วดูไม่ใช่เรื่องบังเอิญ?”
“ถ้าครั้งเดียวก็ให้อภัยได้ แต่ถ้าเรื่องลับๆ เช่นนี้มันเกิดขึ้นบ่อยๆ ละก็ คนเบื้องหลัง ก็คงไม่คิดแต่ว่าร้านพวกนี้จะไม่คุยกันเอง เพราะเรื่องนี้ ทหารรักษาเมืองเป็นคนทำ ถึงแม้ทุกคนจะกลัว แต่ก็กล้าที่จะกระจายข่าวซึ่งกันและกัน” กู้อ้าวเวยกินเนื้อแกะ แล้วพูดต่อ “ไม่แน่ว่าเบื้องหลังของร้านทุกร้านจะเป็นคนเดียวกัน เมื่อข่าวแพร่ออกไป พวกเขาก็ต้องไปหาเรื่องกับทหารยาม อันตรายเพียงนี้ พวกเขาต้องระวังมากหน่อย หลานเอ๋อร์อาจจะพลาดเพียงครั้งเดียว แต่ถ้าไม่เป็นเช่นนั้น ก็แสดงว่าพวกเขามีแผนอื่นอีก”
ยัยไง่หงทำตาลุกวาว แล้วก็เอาเนื้อแกะไปต้มแบบชาบูให้นาง
แต่ไม่นาน กู้อ้าวเวยก็พูดช้าๆ ว่า “เรื่องที่ข้ารู้นี้ เจ้าก็คงไปบอกกับเมิ่งซู่ทั้งหมดละสิ”
ยัยไง่หงที่กำลังต้มเนื้อแกะ ก็นิ่งลง แล้วก็หัวเราะขึ้น “แน่นอนอยู่แล้ว แต่ว่านายน้อยของข้ายังบอกอีกว่า บางคนทั้งชีวิตก็ไม่มีวาสนากับตนเอง แต่ถ้าได้มีโอกาสได้ช่วยเหลืออยู่ห่างๆ ก็ไม่เสียหายอะไร แล้วอีกอย่าง ตอนนี้ก็ยากลำบากกัน เขาก็ต้องค่อยๆ ปีนขึ้นไปบนที่สูง ถึงจะสามารถช่วยคนได้มากขึ้น”
เป็นการพูดที่ดูสวยหรูมาก
แต่การตอบตรงๆ เช่นนี้ ก็ต้องทำให้กู้อ้าวเวยมองนางในแบบใหม่ แล้วก็ยิ้มเบาๆ “เขาคิดเช่นนั้น มันก็ถูกอยู่”
แต่ภายใต้เสียงหัวเราะนั้น ก็คงจะมีแต่กู้อ้าวเวยคนเดียวที่รู้สึกเกลียดกับเรื่องนี้มาก ตอนนี้นางคิดถึงคนรับใช้สองคนที่คอยติดตามเมื่อก่อน ชิงต้ายและหยินเชี่ยว อีกคนก็เหมือนพี่สาว อีกคนก็เหมือน้องสาว คิดดีกับนางมาตลอด แม้แต่กู้อ้าวเวยเอ่ยปากบ่นไปมั่วๆ ก็ไม่ต้องสองคนนั้นเอาเรื่องของนางไปบอกคนอื่น
แต่ตอนนี้ ถึงแม้ข้างกายจะมีกุ่ยเม่ยที่ไว้ใจได้ แต่เขาเองก็มีหน้าที่ของตนเอง มีตัวตนเป็นของตนเอง
แม้แต่นางที่ยังวุ่นวายกับซ่านจินจื๋อ แต่ก็ยังต้องระมัดระวังตัวอยู่อีกมาก ต้องระวังคนข้างกาย
พอกินหม้อไฟเสร็จ นางก็อารมณ์ดีขึ้น แล้วก็ไปร้านขายผ้า เพื่อซื้อผ้าลายดอกไม้มาแทนยัยไง่หง เพราะคิดว่านางแก่นๆ มานานแล้ว ควรจะตั้งใจหาครอบครัวได้แล้ว
มียัยไง่หงอยู่ด้วย นางก็เบาใจขึ้น เพราะถึงอย่างไร ขอเพียงเมิ่งซู่รู้ว่าไม่นานฮ่องเต้ก็ต้องเปลี่ยนคน เช่นนั้นก็คงยังจะไม่รายงานเรื่องของนางจนหมดอย่างง่ายๆ เขาต้องมีข้ออ้างให้ฮ่องเต้ใช้งานเขาอยู่
อยู่เช่นนี้ไปหลายวัน กู้อ้าวเวยถึงจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้านอน แล้วได้ยินหน้าต่างถูกเปิดออก
มีเงาคนดำๆ ลงมาอยู่ข้างกายนางเบาๆ มือที่คุ้นเคยวางลงบนไหล่นาง แล้วก็ยกขึ้นเบาๆ เสียงแหบหน่อยๆ “วันนี้ฮ่องเต้จะเอาผู้หญิงมายัดใส่เตียงข้าอีกแล้ว”
กู้อ้าวเวยก็ทำหน้าบึ้ง แล้วตีมือของเขา “ตอนนั้นทำไมข้าถึงไม่เลือกองค์ชายสามนะ”
ซ่านจินจื๋อรีบเดินเข้าไป แล้วกอดนางลงไปบนเตียง เอาผ้าห่มคลุมโปง แล้วก็เอามือแก้มัดปอยผมของนางที่เปียกอยู่ แล้วพูดเสี่ยงต่ำว่า “ดังนั้นข้าก็เลยมาหาเจ้า ไม่เจอหลายวัน เจ้าสวยขึ้นเยอะเลยนะ”
กู้อ้าวเวยหันตัวอยู่ในผ้าห่ม แล้วพูดเสียงต่อว่า “ข้ายังไม่ได้จุดตะเกียงเลย”
เดิมทีซ่านจินจื๋ออยากจะเข้าไปข้างๆ ตัวนาง สุดท้ายก็ได้แต่หอมปลายผมของนาง แล้วพูดว่า “ตอนนี้ตระกูลตงฟางถูกคนอื่นมองเป็นหอกข้างแคร่ แล้วก็ยิ่งมีคนอยากจะส่งลูกสาวมาอยู่กับข้า ดังนั้น พวกนางก็เลยต้องหาทางกำจัดตงฟางซวนเอ๋ออย่างเต็มที่”
ตาค่อยๆ ลืมขึ้น กู้อ้าวเวยหันไปหาเขา “เจ้าหมายความว่า พรุ่งนี้อาจจะอันตรายมาก”
“ใช่แล้ว ข้าจะให้คนแอบช่วยเหลือเจ้า ถึงแม้เห็นแล้วก็อย่าพูด และไม่ต้องสงสัย เจ้าจะปลอดภัย” ซ่านจินจื๋อไม่กังวลว่านางจะดูแลตัวเองไม่ได้ เขากลัวว่าคนของเขาจะถูกกู้อ้าวเวยเปิดโปง พอถึงตอนนั้น ก็จะเสียเปรียบมาก
“นี่เจ้ากำลังว่าข้าฉลาดอยู่ใช่ไหม?” กู้อ้าวเวยดึงคิ้วสูง
“ข้ากำลังบอกว่าเมียข้านั้นฉลาดมาก” ซ่านจินจื๋อลงไปนั่งบนข้างเตียงนาง อย่างหน้าไม่อาย “พรุ่งนี้ตอนเจ้าตื่น ข้าก็ต้องเข้าวังแล้ว”
กู้อ้าวเวยครุ่นคิด แล้วก็หันมามองนาง แล้วเอามือคว้ามือเขา “ดูสิว่าเจ้าจะไปไหนได้”
ซ่านจินจื๋อยิ้มมุมปาก แล้วให้นางนอนหลับไป