บทที่ 889 ปัญหาของจุ้ยเวี่ยน
ไม่เหมือนกับการแสดงเต้นรำของชั้นสอง ชั้นหนึ่งมีเพียงนักปราชญ์ของเมืองเทียนเหยียน กู้อ้าวเวยเห็นพวกที่ใส่ชุดสีเทาๆ ก็อึ้งไป สายตาก็นิ่งมากขึ้น ซ่านเชียนหยวนก็มองตามสายตานางไป แล้วก็พูดว่า “นักปราชญ์ที่ใส่ชุดสีเทาพวกนี้ ก็เป็นผู้มีความรู้ที่จวนต่างๆ รับเลี้ยงดูแลไว้ เนื่องจากอยู่ในตระกูลที่ไม่ดีหรือยากจน ก็เลยไม่สามารถเข้าร่วมงานอะไรได้ ได้แต่วางแผนให้เจ้านายตัวเองไปวันๆ”
ยู่จือก็เพิ่งได้ยินเรื่องนี้เป็นครั้งแรก “รับเลี้ยงดูแลไว้ หมายความว่าอย่างไร?”
“ก็คือ ให้คนพวกนี้วางแผนให้ เป็นแขนเป็นขาให้ ต่อให้ฎีกานั้นจะร่างมาสวยหรูแค่ไหน ฮ่องเต้ก็ไม่มีวันรับรู้ชื่อของเขา พวกเขาเป็นเหมือนเงาให้กับขุนนางต่างๆ” ตงฟางซวนเอ๋อเดินลงบันไดช้าๆ เนื่องจากชั้นสองนั้นมันต่ำ ก็เลยต้องโน้มตัวเล็กน้อย
พอนักปราชญ์ชุดเท่าพวกนั้นเห็นมีคนลงมาก็ทำความเคารพ แล้วก็หลบไปยืนด้านข้าง คนมีความรู้ศิลปวิทยาก็มีไม่น้อย ดูมีความรู้สึกถึงความเป็นปัญญาชนและเรียบง่ายมากกว่าชั้นสอง
ซ่านเชียนหยวนให้ยู่ชีงไปอยู่กับนักปราชญ์ผู้หญิงคนหนึ่งดูแล ส่วนตัวเองก็พายู่จือไปเปิดหนังสือที่อยู่บนชั้น ส่วนมากจะเป็นบทละครที่เหล่าขุนนางใหญ่ๆ ของเมืองเทียนเหยียนชอบฟัง บอกว่าอีกสองชั่วยาม บนชั้นสองจะมีการร้องงิ้ว ยู่จือก็ยิ้ม หันมองไปมา
ตงฟางซวนเอ๋อก็นึกว่าอ๋องจงผิงจะอยากลองใจยู่ชีง ตอนนี้ก็เห็นว่ากลัวอยู่ ส่วนอีกด้านก็ไปสนใจว่ากู้อ้าวเวยจะสนใจหรือเปล่า แล้วก็เห็นนางนั่งลง เลยถามว่า “ข้าเอามีดแกะสลักและไม้มา แม่นางจะสามารถสอนข้าแกะได้ไหม?”
แกะสลักหรือ?
ตงฟางซวนเอ๋อและหญิงสาวพวกนั้นก็นิ่ง ของพวกนี้เป็นของชั้นต่ำสำหรับชาวเมือง ปกติจะเห็นพวกไม้สลักวางขายตามแผงลอยในตลาด ราคาก็ไม่สูง จะมีเพียงช่างใหญ่ๆ ดังๆ ถึงจะสามารถถูกจ้างโดยขุนนาง แต่ก็ไม่สามารถสลักชื่อตนเองไว้
“แม่นางยู่ชีง ถ้าอยาดจะหาคนแกะสลักเก่งๆ ที่นี่นั้นไม่มี แต่ถ้าท่านสนใจเรื่องยาสมุนไพรของแคว้นชางหลานเราละก็ ข้าก็สามารถพูดมาได้บ้าง” แม่นางคนนั้นก็หัวเราะ ทำตัวไม่ถูก
กู้อ้าวเวยก็ส่ายหัว “พวกเจ้าเป็นแขนขาให้กับขุนนางน้อยใหญ่ ความรู้มากมาย แล้วมาพูดเรื่องยาสมุนไพร กับคนที่เชี่ยวชาญการใช้พิษอย่างข้านั้น มันดูถูกความสามารถเกินไป”
“แม่นางยู่ชีงกล่าวเกินไปแล้ว” แม่นางคนนั้นรีบพูด
“ไม่ได้กล่าวเกินไป ถ้าให้ข้ามาพูดเรื่องบ้านเมือง ข้าก็คงพูดออกมาไม่ได้” กู้อ้าวเวยพูดไป แล้วก็เอามีดแกะสลักและไม้ที่ซื้อไว้ ออกมาจากแขนเสื้อ แล้วพูดว่า “แม่นางชอบอะไรก็พูดกับข้าได้เลย ถ้าไม่มีอะไรที่ชอบ ก็ไม่ต้องบังคับตนเองให้พูดออกมา”
แม่นางคนนั้นก็อึ้ง ก็เลยเล่าเรื่องประวัติศาสตร์ของเมืองเทียนเหยียน กู้อ้าวเวยก็ก้มหน้าเอามือถูๆ ท่อนไม้ในมือ แล้วก็หยีตาหามีดแกะสลัก ดูตั้งใจมาก
ตงฟางซวนเอ๋อก็หาที่เงียบๆ นั่ง บนโต๊ะตรงหน้ามีหนังสือวางอยู่2เล่ม พอเห็นท่าทางที่ตั้งใจของกู้อ้าวเวย ในใจก็เต้นแรง สิ่งที่ยู่ชีงและกู้อ้าวเวยชอบนั้น มันคล้ายกันมาก แต่ก็ไม่เหมือน นางตั้งใจเรียนรู้การเคลื่อนไหวของกู้อ้าวเวยและซูพ่านเอ๋อมาหลายปี แต่ก็ยังไม่ได้ใจของซ่านจินจื๋อมาครอง
ดังนั้น นางก็เลยจะเรียนรู้การเปลี่ยนแปลงของกู้อ้าวเวยแบบนี้ถึงจะดี
ตอนที่ทุกคนเงียบลงนั้น กู้อ้าวเวยก็พูดเสียงต่ำๆ อย่างตกใจออกมา แม่นางคนข้างๆ ก็หยุดแล้วก็ตะโกนออกมา “รีบไปตามหมอบนเรือนี้มาเร็ว…..”
“ก็แค่โดนบาดนิดหน่อย ข้าเข้าไปในห้องครัวหาน้ำสะอาดล้างก็ได้แล้ว” กู้อ้าวเวยเอามีดแกะสลักวางลงด้านข้าง แล้วเอาท่อนไม้ที่เปื้อนเลือดใส่ลงในผ้าเช็ดหน้า เดี๋ยวเลือดจะไหลลงโต๊ะ อีกมือก็เอามือไปพาดหลังหูของแม่นางคนนั้น แล้วพูดว่า “เรื่องเล็กนิดเดียว ไม่ต้องตกใจ”
เสียงพูดนั้นมันนิ่มมาก กู้อ้าวเวยก็ลุกขึ้น แผลที่เปิดออก ทำให้เลือดไหลหยดลงบนชุดเสื้อเหลืองของนาง คนรับใช้ทั้งสองด้านหลังก็รีบเข้ามา นางก็โบกมือไล่ไป “อย่ามาทำกับข้าเหมือนเป็นคุณหนูสูงศักดิ์ ตอนนี้ข้าเป็นขี้ข้า ต่ำกว่าชาวบ้านทั่วไปเสียอีก”
พูดจนทำให้คนรับใช้สองคนนั้นพูดไม่ออก กู้อ้าวเวยก็ถามว่าห้องครัวอยู่ไหน แล้วเดินไปเอง
ซ่านเชียนหยวนอยากตามไป แต่ก็ถูกยู่จือดึงไว้ แล้วก็พูดตาใสๆ ว่า “แค่แผลนิดเดียว ทำไมพวกเจ้าคนชางหลานถึงได้ตื่นเต้นนัก”
ซ่านเชียนหยวนปากขยับๆ แต่ใบหน้าก็ยิ้มแล้วกลับลงไปนั่ง
มีแต่ยู่จือที่สัมผัสได้ว่าตอนที่พบนักปราชญ์พวกนี้ ในสายตาเผยให้เห็นถึงรังษีการฆ่าออกมา
คนรับใช้ของตงฟางซวนเอ๋อก็รีบตามเข้าไป ไปดูกู้อ้าวเวยหาห้องครัวบนเรือนี้ ตอนที่กำลังล้างแผลนั้น แม่ครัวคนหนึ่งก็เอายามาให้ นางก็ไม่เอา แล้วก็หยิบยาออกมาจากกระเป๋า “ข้ามียารักษาแผลภายนอก”
ประโยคนี้ ดูเหมือนจะตั้งใจพูดให้คนรับใช้ที่แอบฟังตรงประตูได้ยิน
คนรับใช้สองคนนั้นก็รีบหลบไป กู้อ้าวเวยก็เอาผ้าเช็ดหน้ามาปิดแปลไว้อย่างง่ายๆ และก็ไม่อยากกลับออกไปเลย แล้วก็ออกมานั่งตรงดาดฟ้าเรือ หาลังมานั่งลง พิงกราบเรือ นั่งตัวงอๆ โดยไม่ได้ดูวิวทิวทัศน์อะไร แต่ง่วงอย่างมาก
คนรับใช้สองคนนั้นเห็นกู้อ้าวเวยนอนบนลังสองลังที่วางไม่เป็นระเบียบ ก็รีบกลับลงไปรายงาน
พอตงฟางซวนเอ๋อได้ยิน ก็รีบบอกว่า “นางก็ไม่กลัวหนาวตายเนาะ รีบไปหาพานางกลับห้อง”
“อะไรลมหนาวตาย?” ยู่จือได้ยินเสียง ก็เลยเกาหัว “น้องข้าไปเป็นลมอยู่แถวไหนหรือเปล่า? เดี๋ยวข้าจะไปหานาง”
“เป็นลมหรือ?” ตงฟางซวนเอ๋อรีบลุกขึ้น คนรับใช้สองคนเหงื่อตก ถ้าแม่นางยู่ชีงมาเป็นลมบนเรือนี้ ก็กลัวจะหล่นตกเรือไป
“ตั้งแต่ที่ยู่ชีงถูกตีหัวครั้งก่อน ก็จำวิชาความรู้ที่เรียนมาไม่ได้ ดังนั้น บางเวลาพอนึกขึ้นได้ ก็จะพูดอะไรแปลกๆ แล้วที่พวกเรารีบมาครั้งนี้ นางนอนหลับบ่อย เรียกอย่างไรก็ไม่ตื่น” ยู่จือพูดอย่างรีบๆ จนอย่างจะกระทืบเท้า “หวังว่าทุกท่านอย่าไปบอกนาง เดี๋ยวนางจะคิดมาก เดี๋ยวจะวางยาตนเอง เดี๋ยวจะเป็นปัญหาใหญ่”
ตงฟางซวนเอ๋อพยักหน้า แล้วก็รีบพายู่จือไปเอาตัวกู้อ้าวเวยกลับห้อง
ซ่านเชียนหยวนทางด้านข้าง ก็ยืนดูสถานการณ์ทั้งหมดนิ่งๆ ยืนกอดอกดูประตูห้องกู้อ้าวเวยปิดไป ยู่จือก็พูดจริงบ้างไม่จริงบ้าง แต่ว่าเรื่องที่หลับไปนั้น หรือว่าจะเป็นเรื่องบังเอิญนะ?
ในห้อง ยู่จือนั่งข้างเตียงไม่ขยับ แล้วมองหน้ากู้อ้าวเวยที่กำลังหลับ แล้วก็แปลกใจ
นางหลับไปจริงๆ ถึงแม้จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้มาแล้วหนึ่งครั้ง แต่ล้วนแล้วแต่อยู่ในรถม้า ดังนั้นทุกคนก็เลยคิดว่า นางอยากจะพักผ่อน ชีพจรปก ก็ไม่อะไรมาก แต่ตอนนี้มาคิดดู เหมือนจะมีปัญหาแล้ว
“หรือว่าจะเป็นเพราว่าปริมาณของจุ้ยเวี่ยนเกิดปัญหาแล้ว?” ยู่จือจับแขนนาง แล้วก็คิดอะไรไม่ออก