บทที่ 906 พบเจอ
ผู้หญิงชุดขาวนั่งนิ่งไม่พูดจา ใบหน้าภายใต้ผ้าคลุมยากที่จะมองเห็นใบหน้าที่แท้จริง
เฉิงซานที่อยู่ด้านนอกก็สั่งคนให้จับตาดูทั้งสองเงียบๆ ซ่านจินจื๋อกลับมองกู้อ้าวเวยที่นั่งอยู่ตรงนั้นอีกครั้ง วันนี้นางสวมชุดสีเขียวอ่อน ข้อมือยังมัดเชือกแดงไว้หลวมๆ ยังไม่ได้แกะออก นานมากนางถึงวางแก้วชาลงมองไปที่ซ่านเซิ่งหาน: “องค์ชายสามวันนี้มาที่นี่มีเรื่องอันใดหรือ?”
“ก็แค่ได้ยินว่าศัตรูกลับมาอีกครั้ง จึงมาดูเสียหน่อย” ซ่านเซิ่งหานปัดมือ ก็มีคนเดินเข้ามานำของขวัญที่เตรียมไว้ขึ้นมาส่ง ส่วนมากก็เป็นยาสมุนไพรที่ล้ำค่า ส่งไปที่มือใครไม่รู้ได้
ซ่านจินจื๋อให้คนนำไปไว้ในคลังเก็บของด้วยสีหน้าเย็นชา ครั้งนี้ยังไม่ทันพูด ผู้หญิงชุดขาวก็ไอคอกแคะ นิ้วมือเรียวยาวจับผ้าคลุมไว้ เข้าใกล้ซ่านเซิ่งหานพูดว่า: “ไม่สบายตัว”
“วันก่อนเฟิงฉีนบอกว่าเจ้าเป็นหวัดข้ายังไม่เชื่อ” ซ่านเซิ่งหานยกมือขึ้นดึงหมวกนางลงมา เมื่อดึงผ้าคลุมนางขึ้นและใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปากและจมูกไว้ จึงไอติดต่อกันอยู่นาน จากนั้นก็จึงเก็บผ้าเช็ดหน้าลง ซ่านเซิ่งหานนำผ้าคลุมมาผิดไว้ให้นางอีกครั้ง นิ้วมือกดตรงมุมผ้าลงอย่างระวัง
นางกลับแสร้งทำผ้าเช็ดหน้าเปื้อนเลือด และยัดลงไปในกระเป๋าเหมือนเดิม
ทุกอย่างนี้ก็มีกู้อ้าวเวยอีกคนที่เห็น นางหรี่ตาลงหน่อยๆ ต่อมาก็หัวเราะเสียงเบา: “ถ้าองค์ชายสามไม่ขัดข้องละก็ ข้าก็ลองรักษานางหน่อยดีไหม”
“แค่ตอนมาเป็นหวัดยังไม่หายน่ะ” ซ่านเซิ่งหานยิ้มตอบปฏิเสธ เขาไม่รู้ว่ากู้อ้าวเวยคนนี้คิดอะไรอยู่
โม่ซานที่อยู่ข้างๆก็มองบาดแผลบนมือของผู้หญิงชุดขาวอย่างสงสัย ตอนที่โม่อีห้ามก็พูดว่า: “แม่หญิงถูกงูกัดมาหรือ? คุณหนูกู้ที่นี่ถอนพิษได้นะ”
พูดแล้ว นางก็มองไปที่กู้อ้าวเวย
กู้อ้าวเวยกลับยิ้มพยักหน้า ผู้หญิงชุดขาวกลับเก็บมือไว้ในแขนเสื้อดังเดิม เห็นซ่านเซิ่งหานไม่ได้พูดอะไร ก็ถึงพูดเสียงเบาว่า: “แค่ถูกงูกัดเท่านั้น ปกติข้าชินกับการบาดเจ็บแล้ว ทุกท่านอย่ากังวลไปเลย”
ทั้งที่กู้อ้าวเวยคนตรงหน้าไม่เหมือนตัวเองเลย
นางอดไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองสีหน้าของซ่านจินจื๋อ และก้มหน้าลงอีกครั้ง
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ องค์ชายสามพาแม่หญิงท่านนี้กินข้าวในจวนกัน” กู้อ้าวเวยที่นั่งอยู่ที่นั่งรองก็พูดขึ้น ลุกขึ้นมาช้าเดินไปตรงหน้าหญิงชุดขาว มองนางจากที่สูง: “ให้ข้าพาแม่หญิงเดินเล่นในจวนเป็นยังไง?”
ซ่านจินจื๋อมองแล้ว กู้อ้าวเวยคิดจะลิงใจคนอื่นอีกแล้วเท่านั้น
และกู้อ้าวเวยในชุดขาวเห็นแล้ว ก็กลับดูน่าขำสิ้นดี
นางดึงชุดขาวไว้แน่นและลุกขึ้น ดวงตาสีเทาของนางมองกู้อ้าวเวยตรงหน้า สี่ตาประสานกัน นางก็มองออกว่าสายตาผู้หญิงคนนั้นดูตกใจแค่ไหน กู้อ้าวเวยก็เดินผ่านนาง ถอยไปข้างๆซ่านเซิ่งหาน ดึงแขนเสื้อเขาไว้และส่ายหน้าเบาๆ
“น้องสาวกลัวคนนอกมากไป จึงขอไม่อยู่นาน” ซ่านเซิ่งหานยิ้มเล็กน้อยไปให้ซ่านจินจื๋อ ลุกขึ้นบังนางไว้
“องค์ชายสามจะระวังเช่นนี้ทำไมกัน ก่อนหน้านี้เรื่องของเจ้ายังพูดไม่ชัดเจน ก็อยู่ต่อสักสองสามชั่วโมงเถิด รอเย็นๆร่างกายเสด็จพี่ดีขึ้นก็จะมาจัดงานเลี้ยงต่อ ยังไงเจ้าก็ต้องไปดูสักหน่อย” ซ่านจินจื๋อพูดด้วยสีหน้าเย็นชา โม่ซานที่อยู่ด้านหลังก็เอาดาบเล่มยาวส่งต่อให้โม่อีด้านหลัง ไปตามกู้อ้าวเวยสองคนนั้น
เป็นแบบนี้แล้ว ซ่านเซิ่งหานก็ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธอีก
กู้อ้าวเวยภายใต้ชุดขาวกลับดึงหมวกอย่างระวัง ก้มหน้าลงปล่อยแขนเสื้อซ่านเซิ่งหานออก
“ในเมื่อเช่นนี้ น้องสาวก็ให้พวกเจ้าดูแลแล้วกัน” ซ่านเซิ่งหานพูดแล้ว เขาก็เอายาสองขวดของกู้อ้าวเวยออกมา พูดเสียงอ่อนโยนว่า: “ถ้าไม่สบายต้องกินนะ”
“อืม” พูดเสียงเบา นางก็เดินไปเลย โม่ซานด้านหลังก็ตามมาติดๆ
ก่อนไปซ่านจินจื๋อมองหญิงชุดขาวอยู่นาน ก็รู้สึกคุ้นเคยมาก แต่เรื่องระหว่างเขากับซ่านเซิ่งหานสำคัญกว่า ทั้งสองก็เข้าไปคุยกันในห้องหนังสือ
และกู้อ้าวเวยในชุดสีขาวกลับไม่ได้อยู่เฉยๆ เดินไม่กี่ก้าวก็หยุดลง มองดูไม้เก่าสูงใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลอย่างสงสัย โม่ซานที่อยู่ด้านหลังก็หยุดตาม ไม่รู้ว่าทำไมไม้เก่าจะปลูกในจวนของอ๋องจิ้งได้ด้วย กู้อ้าวเวยอีกคนในเสื้อสีเขียวอ่อนก็แสยะยิ้ม: “นั่นเป็นไม้เก่าของวิหารเฟิ่งหมิง ตอนนี้เลี้ยงดูอย่างดี อีกไม่นานคงจะงอกกิ่งใหม่ออกมา”
พอพูดจบ นางกลับเห็นผู้หญิงภายใต้ผ้าคลุมสีหน้าดูเรียบเฉยลง
นางรู้สึกว่าคอบีบแน่นขึ้น แต่กลับได้ยินเสียงแมวเดินมา ก้มหน้าลงไปมอง เสี่ยวป๋ายที่เห็นก่อนหน้านี้กำลังใช้กรงเล็บตัวเองขูดชายกระโปรงนางอยู่ ความเงียบเมื่อกี้ก็หายไปด้วย นางโน้มตัวลงอุ้มแมวน่ารักขึ้นมา เจ้าแมวก็กลับคว้าผ้าปิดหน้านางลงมา
กู้อ้าวเวยรีบจับกรงเล็บมันไว้ มีผ้าปิดหน้าบางๆกั้นไว้ นางเอาหน้าแนบไปที่หัวของเสี่ยวป๋าย นิ้วมือลูบเกาตั้งแต่หลังใบหูของมันลงไปที่คาง รอจนเสี่ยวป๋ายนอนหลับ นางถึงเปลี่ยนมือ เปลี่ยนท่ากอดมันไว้ วิ่งเล็กน้อยเพื่อตามทั้งสองคนให้ทัน
โม่ซานกลับมองนางด้วยสายตาที่แปลกประหลาด: “แม่หญิงก่อนหน้านี้เคยเลี้ยงแมวหรือ?”
กู้อ้าวเวยกำลังจะพูด แต่ยังไม่ทันได้อ้าปาก นางก็นึกถึงเมื่อก่อนที่เคยเลี้ยงพุทราในร้านยาเหย้า ดังนั้นคำพูดจึงติดอยู่ในลำคอ นางจึงส่ายหน้าเบาๆ
“ยังมีเสี่ยวฮัวอีกตัวนะ” กู้อ้าวเวยที่สวมชุดเขียวอ่อนพูด ดึงความสนใจจากโม่ซาน ไม่มองค้อนกู้อ้าวเวยที่สวมชุดขาวอย่างแรงโดยไม่ทิ้งร่องรอย ด้วยการตักเตือน
กู้อ้าวเวยตัวสั่นเบาๆ ยังไม่ทันได้สติ ก็ได้ยินเสียงเฉิงซานดังขึ้นจากด้านหลัง: “คุณหนู ท่านอ๋องกับของของท่านจัดเตรียมเสร็จแล้วขอรับ”
“ดีมาก เดินเล่นวนไปมาในจวนรู้สึกเบื่อมากเลย พวกเราลองไปเดินเล่นที่ถนน……”
“คุณหนู ไม่มีคำสั่งของท่านอ๋อง ท่านจะเดินไปที่ถนนไม่ได้และจะไล่ถามอะไรคนอื่นไม่ได้ด้วย” เฉิงซานพูดขึ้นด้วยเสียงเบาๆ โม่ซานมองเฉิงซานอย่างไม่เห็นด้วย: “นางไม่ใช่นักโทษเสียหน่อย”
“คุณหนูโม่ซาน ท่านน่าจะรู้เหตุผลดีนะ” เฉิงซานมองค้อนโม่ซานกลับ ต่อมาก็ห้ามด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม
และกู้อ้าวเวยภายใต้ชุดขาวกลับเลิกคิ้วขึ้น ลูบเสี่ยวป๋ายเล่นเบาๆ ยิ้มอ่อนเดินไปตรงสวนดอกไม้ที่อยู่ไม่ไกล และหาอีกตัวในทุ่งหญ้าเจอ จึงอุ้มขึ้นมาพร้อมกันเลย
โม่ซานตามไปติดๆ ก็เห็นผู้หญิงชุดขาวเพราะอุ้มแมวแขนเสื้อจึงไหลลงมา
นางกับยัยไง่หงดูแลยู่ชีงมายี่สิบกว่าวัน ก็ต้องรู้ว่ามือนางมือแผล ดวงตาหดลงไปหน่อยๆ นางยังอยากจะพูดอะไร ก็ได้ยินเสียงหญิงชุดขาวพูดเสียงเบาว่า: “พวกเขาอยู่เรือนเดียวกันเหรอ?”
โม่ซานกลืนน้ำลายอึก ครุ่นคิดสักพักและพูดว่า: “เพื่อลองใจเท่านั้น”
“ลองใจกันแบบนอนด้วยกันเหรอ?” เสียงกู้อ้าวเวยฟังแล้วก็ยังคงเรียบเฉย นางโน้มตัวลงช้าๆและวางแมวสองตัวลงไป เดินไปบนทางที่ปูด้วยเศษหิน ตลอดทางเดินไปถึงศาลาและนั่งลง สายตามองไปที่ดอกอู้หลัน
โม่ซานเดินไปตรงหน้า: “ทำไมเจ้าถึงอยู่กับองค์ชายสามได้?”