บทที่ 903 ควรเรียนหนังสือ
หมอหลั่งแม้จะเป็นหมอในดอย ความเห็นบางอย่างก็ต่างจากคนทั่วไป
นานมากไม่ได้พูดคุยเรื่องการแพทย์กับคนอื่นแล้ว กู้อ้าวเวยนั่งบนเตียงอย่างตื่นเต้น ฟังเสียงฝนตกกับเสียงหมอหลั่งที่พูดก็ดูไม่เลว แต่ก็มีพวกผู้หญิงวัยกลางชอบพาเด็กๆมาที่นี่ อยากจะได้วิชา ที่นี่จึงดูมีผู้คนมากมายไม่เหงาเลย
แต่เสียดายที่คนส่วนมากต่างเคารพกู้อ้าวเวยและไม่เข้าใกล้
ภริยาของหมอหลั่งส่งอาหารกลางวันมาก็แอบบอกกับนางว่า: “ก่อนหน้านี้ที่เจ้าช่วยเขากรีดเนื้อเสียออก ทำเอาผู้ชายมากมายผวากันหมด”
กู้อ้าวเวยก็หัวเราะกับเรื่องนั้น ยังถามกลับว่า: “ในหมู่บ้านนี้นอกจากหมอหลั่งแล้ว ก็ไม่มีคนสอนหนังสือแล้วหรือ?”
“ในหมู่บ้านพวกเราก็มีแต่ผู้หญิงที่เย็บผ้า ผู้ชายหาฝืนล่าสัตว์เพื่ออยู่เป็นส่วนใหญ่ อ่านตัวหนังสืออกนิดหน่อยก็นับว่าเก่งมากแล้ว คงไม่มีคนมาเรียนหนังสือหรอก” หมอหลั่งปัดมือ วางอาหารกลางวันลงก็ออกไปเลย สวมเสื้อกันฝนและเดินไปกลางสายฝน
ไม่นาน นอกประตูก็มีเสียงดังขึ้นมา หมอหลั่งรีบวิ่งออกไป และพุ่งกลับมาด้วยตัวที่เปียก บอกผู้คนป่วยด้านในว่า: “พวกเจ้ารอก่อนนะ บ้านและคอกวัวของเจ้าฟางล่ม ดูเหมือนบ้านข้างๆก็ไม่ไหวแล้ว ต้องไปขุดหินและไม้มาพยุงไว้”
พูดจบก็รีบวิ่งออกไปทันที พวกชาวบ้านที่มารอก็ไอคอกแคะ กู้อ้าวเวยคิดแล้ว ก็ยื่นมือออกไป เฟิงฉีนก็จับข้อมือนางไว้เบาๆ ส่ายหน้า ใช้เสียงที่มีแต่สองคนได้ยินพูดว่า: “พวกนางก็แค่เป็นหวัดเล็กน้อยเท่านั้น”
“แต่นี่เป็นแค่เรื่องเล็กๆ” กู้อ้าวเวยขมวดคิ้วผายมือออก สวมเสื้อคลุมง่ายๆและเดินไปข้างๆเด็กคนนั้น นั่งลงพื้นบีบหน้านางเล่น เด็กน้อยก็รีบหดตัวเข้าไปในอ้อมกอดของแม่ กู้อ้าวเวยก็ยิ้มตามขึ้นมา จับหน้าผากให้นางดู และพูดว่า: “เด็กน้อยป่วยตัวร้อน อย่าปล่อยไว้นาน เฟิงฉีน ไปด้านหลังต้มน้ำร้อนมา”
เฟิงฉีนสีหน้าซีดลง จึงจำใจต้องไปต้มน้ำร้อน และมองกู้อ้าวเวยไปด้วยผ่านประตู
กู้อ้าวเวยวัดชีพจรให้กับผู้ชายคนสุดท้าย จากนั้นลุกขึ้นไปหยิบยามา: “อาการไอของเจ้าก็ลากยาวเหลือเกินนะ อีกไม่นานลำคอเจ้าคงไม่ไหวแล้วล่ะ”
ผู้ชายตกใจอย่างมาก กู้อ้าวเวยกลับหยิบยามายัดไปที่มือเขา: “แผนยาข้าเขียนได้ยาก เจ้าเก็บไว้ส่วนหนึ่งครั้งหน้ามาให้หมอหลั่งเขียนให้แล้วกัน”
พูดจบ นางก็ไปด้านหลังบ้านสั่งเฟิงฉีนว่าจะต้มยายังไง จากนั้นก็เดินไปหายายที่เตียงต่อ มองดูบาดแผลจากนั้นก็ไปหายาที่กล่องยา รอตอนเย็นหมอหลั่งกลับมา บนโต๊ะมียากองเต็มไปหมด กู้อ้าวเวยดูแล้วคงวิเคราะห์อยู่นาน พอเห็นเขากลับมาก็หัวเราะ: “ยาพวกนี้ข้าออกเงินให้สองเท่า”
“คนป่วยล่ะ?” หมอหลั่งถอดเสื้อที่เปียกปอนออกอย่างเร็ว
“ดื่มยาอยู่ด้านหลังบ้าน” กู้อ้าวเวยพูดแล้ว ก็เปิดม่านขึ้น ชาวบ้านกำลังดื่มยาและกระซิบพูดอะไรกันอยู่ พอเห็นกู้อ้าวเวยก็ไม่พูดอะไรอีก
หมอหลั่งมองดูอย่างเร่งรีบและเดินกลับมาด้านหน้า มองดูยาที่เละเทะบนโต๊ะ: “นี่เจ้า……”
“ข้ามีแผนยาหนึ่งที่หายาไม่เจอสักที เมื่อกี้เห็นยาที่ชื่อยาวมาก ค้นยาตรงตู้ลิ้นชักไป ก็เอาออกมาทดลอง ถ้าได้ละก็ ต่อไปข้าอาจจะได้ใช้ก็ได้” กู้อ้าวเวยยิ้มอ่อนและเอายาบนโต๊ะที่ผสมเสร็จขึ้นมา
ถ้าคนอื่นเห็นละก็ ตีนางตายก็คงไม่แปลก
แต่สีหน้าหมอหลั่งกลับแค่เปลี่ยนไป เข้าไปถามนางว่าจะเอายาอะไรบ้าง กู้อ้าวเวยก็บอกไปทั้งหมด ทั้งสองไม่นานก็พูดคุยกันขึ้นมา รอจนกลางคืนนอนหลับ ในห้องโถงหน้าก็มีแค่พวกนางสองคนกับแม่ลูกสองคนที่บาดเจ็บนอนอยู่ เฟิงฉีนอิงกำแพงพึ่งนอนหลับก็ถูกปลุกให้ตื่น กู้อ้าวเวยลืมตาโตดวงตาสีเทามองที่นาง: “พวกเขากลัวดวงตาข้ากันหรือเปล่า?”
เฟิงฉีนตบหลังมือนางในความมืด
กู้อ้าวเวยหลบสายตา พูดต่อว่า: “ถ้าองค์ชายสามกลายเป็นฮ่องเต้จริง เขาจะทำให้คนของแคว้นชางหลานได้เรียนหนังสือกันหมดจริงไหม?”
“เรียนหนังสือสำคัญขนาดนั้นเชียวหรือ?” เฟิงฉีนอดไม่ได้ถามกลับ
“เจ้าไม่เคยเรียนเหรอ?” กู้อ้าวเวยลุกขึ้นมาจากเตียง สายตามองดูนางนิ่งๆ
เฟิงฉีนส่ายหน้า: “ข้าเรียนแค่มารยาทความภักดีและวรยุทธ”
“เช่นนี้ละก็ เจ้ายังไม่ใช่ลูกน้องที่ภักดีที่สุด” กู้อ้าวเวยยิ้มอ่อน จับมือเฟิงฉีนกลับพูดว่า: “ข้าสอนหนังสือเจ้าเป็นยังไง?”
“เจ้าอยากทำอะไรอีกน่ะ?” เฟิงฉีนรีบชักมือกลับ มองผู้หญิงเจ้าเล่ห์ตรงหน้าอย่างระวังตัว
แต่กู้อ้าวเวยแค่กระตุกยิ้มมุมปาก สองมือยกขึ้นวางไว้ตรงหน้าเฟิงฉีน พูดว่า: “แค่อยากจะสอนเฉยๆ และขอบใจเจ้าที่บอกเรื่องนี้แก่ข้า ตอนนี้ข้าคิดว่าเขายังไม่เหมาะที่จะเป็นฮ่องเต้ ซ่านจินจื๋ออาจจะเหมาะสมกว่าก็ได้”
เฟิงฉีนขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ แต่ก็อดทนรอฟังนางอธิบาย
กู้อ้าวเวยมืออีกข้างชี้ไปที่ตัวเอง: “คนรอบตัวของซ่านจินจื๋อชอบมองข้าด้วยสายตาที่สงสัย รวมไปถึงลูกน้องและเพื่อนของเขา พิสูจน์ได้ว่าพวกเขาเคยเรียนหนังสือมา มีความคิดเป็นของตัวเอง ด้วยเรื่องราวบางอย่างและคำพูดบางอย่างจึงสงสัยในความภักดีและคำพูดจริงใจหรือไม่ของข้า”
ไม่นาน มืออีกข้างก็ชี้ไปที่ระหว่างคิ้วของเฟิงฉีน เสียงกู้อ้าวเวยเหมือนดั่งเช่นคมดาบที่ชักออกมาจากด้าม: “และเจ้า เชื่อใจคนโดยไม่คิดอะไรเลย แต่ไม่ใช่ความผิดของเจ้า แต่เป็นเขาที่ไม่ยอมให้สิทธิ์ในการคิดกับเจ้า เขาจะเอาแค่สุนัขรับใช้ที่เชื่อฟังเจ้านายเท่านั้น แต่ไม่ใช่ลูกน้องที่ช่วยเขาได้จริงๆ”
เฟิงฉีนลืมตาขึ้นโตภายใต้ความมืดมิด และปัดมือกู้อ้าวเวยออก จับนางกดลงไปในผ้าห่มอีกครั้ง: “คุณหนู ท่านพักผ่อนดีๆเถอะเจ้าค่ะ”
คนนั้นก็กลับหัวเราะเบาๆในผ้าห่ม หัวเราะที่นางหวั่นไหว: “เจ้าลองไปคิดดูสิ เพราะยังไงทุกคนก็มีหัวสมอง”
เฟิงฉีนมองค้อนนาง แต่กู้อ้าวเวยกลับทำเป็นมองไม่เห็น พลิกตัวและหลับไปทันที
และเฟิงฉีนกลับนอนไม่หลับ ทุกอย่างของกู้อ้าวเวย เต็มไปด้วยความไม่แน่ใจ นางไม่เข้าใจเลยจริงๆ
พักผ่อนแล้วสองวัน ฝนตกน้อยลง กู้อ้าวเวยตัดสินใจขึ้นดอยไปกับเฟิงฉีนตอนที่ฝนน้อยลง ก่อนที่จะไป เฟิงฉีนสั่งทหารลับให้ติดตามมาอย่างระวัง อย่าให้ถูกจับได้ ถึงกล้าขึ้นมาบนดอย
บนเขาที่มีฝนตกเดินยากมาก เฟิงฉีนยังต้องดึงกู้อ้าวเวยไว้ ไม่นานก็รู้สึกรำคาญใจ: “เจ้าให้พวกชาวบ้านขึ้นมาช่วยเจ้าก็ได้นะ”
“พวกเขาไม่เหมือนเจ้าที่เก่งวรยุทธ มีฝนในป่าเล็กๆแบบนี้อันตรายมาก” กู้อ้าวเวยจับมือเฟิงฉีนเดินขึ้นไปหนึ่งก้าว นางหรี่ตาลงก็มองหญ้าอะไรไม่ออกเลย จึงต้องเดินตามเฟิงฉีนไว้
เดินแล้วน่าจะเวลาธูปสองดอกแล้ว เฟิงฉีนหยุดเดิน: “ข้าเห็นแล้ว อยู่บนเขาข้างๆนั้นเอง เจ้ารอข้าที่นี่นะ”
“ได้” กู้อ้าวเวยพยุงต้นไม้ข้างๆจับไว้แน่น
เฟิงฉีนปีนขึ้นดอย พุ่มหญ้าด้านหลังของกู้อ้าวเวยขยับหน่อยๆ นางไม่ได้สังเกตเลย
สายตาคู่หนึ่งมองที่นางอยู่อย่างนั้น