บุบผาร้อยเสน่ห์ – ตอนที่ 913

ตอนที่ 913

บทที่ 913 หึงหวง

ที่หุ้มตรงเอวนุ่มมาก นางจึงมัดไว้กับเสื้อผ้าของตน

อุ้มเจ้าแมวน้อยทั้งสองเดินออกไปด้านนอก ภาพตรงหน้ายังคงไม่ค่อยชัดเจน นางจับมือของเสี่ยวป๋าย ลังเลสักพัก จึงเดินไปทางห้องรับรองทางด้านขวา เสี่ยวฮัวเดินตามหลังนางราวกับว่าเป็นสุนัข เดินเข้าไปคล้องกระโปรงของนางอยู่เรื่อย

ซ่านจินจื๋อไปดึงกุ่ยเม่ยให้ลุกจากเตียง พวกเขาหลับไปไม่ถึงสองชั่วยาม กุ่ยเม่ยมองดูกู้อ้าวเวยที่เดินมาทางห้องรับรองด้วยความเชื่องช้า จึงจัดผมสักหน่อยแล้วใส่เสื้อคลุมออกไปต้อนรับ “ตื่นเช้าขนาดนี้เลยหรือ?”

กู้อ้าวเวยตกใจ รีบกอดเสี่ยวป๋ายแน่น แล้วพูดเสียงต่ำ “ข้าจำได้ว่าห่างออกไปจากร้านยาเหย้าไม่ไกลมีร้านติ่มซำ”

“รอสักครู่ ข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปเป็นเพื่อนเจ้า” กุ่ยเม่ยมองดูฝนอ่อยด้านนอก แล้วยกมือขึ้นมาจับที่เอวของกู้อ้าวเวย “ข้านึกว่าเจ้าอ้วนเสียอีก”

ในแววตาของกู้อ้าวเวยแปลกใจเล็กน้อย รีบปล่อยเสี่ยวป๋ายลงจากอ้อม แล้วพูด “เจ้าพักผ่อนเถอะ ข้าฟังดูเสียงหายใจของเจ้าไม่ค่อยมั่นคง ข้าทำเจ้าตื่นใช่หรือไม่?”

“ข้าเป็นคนฝึกวิชาต่อสู้ ก็ย่อมจะรู้” กุ่ยเม่ยพูดถึงตรงนี้แล้วหันไปมองซ่านจินจื๋อด้วยความรู้สึกผิด

“คนฝึกวิชาต่อสู้นั้นย่อมต้องพักผ่อนเยอะๆ ประเดี๋ยวข้าห่อติ่มซำกลับมา ครั้งก่อนข้าเดินหาตั้งนานก็ไม่เจอร้านยา เดี๋ยวข้าจะไปถามผู้อื่นแล้วกัน” พูดอยู่นั้น กู้อ้าวเวยใช้ผ้าบางปิดเบาๆ ที่ใบหน้า เพื่อปิดดวงตาสีเทาคู่นั้น

ซ่านจินจื๋อขมวดคิ้วแล้วทำท่าให้กุ่ยเม่ย กุ่ยเม่ยเองก็ตอบตกลงด้วยความไว้ใจ

วันนี้ท้องฟ้ายังไม่สว่าง คนในตลาดจึงมีน้อย แค่ท่านอ๋องเพียงคนเดียวก็สามารถดูแลนางได้

กู้อ้าวเวยไม่ได้แปลกใจกับการตอบตกลงของเขา นางจัดเสื้อผ้าเสร็จจึงหยิบร่ม แล้วเดินออกไปทางด้านนอกอย่างเชื่องช้า บนถนนที่ฝนตกไม่มีคนมาก แต่นางไม่ได้เลี้ยวขวาไปร้านติ่มซำ นางกลับเดินเลี้ยวไปทางซ้าย

ซ่านจินจื๋อถือร่มอยู่ไม่ไกล เห็นนางเดินอ้อมไปหลายซอยจึงมาถึงตำหนักองค์ชายสาม จึงเดินไปด้านหน้าโดยไม่มีร่องรอยใดๆ แล้วได้ยินทหารขวางทางนาง “ที่แห่งนี้เป็นตำหนักขององค์ชายสาม สามัญชนอย่างเจ้าจะเข้าไปง่ายๆ ได้อย่างไร”

“ข้าเป็นสหายขององค์ชายสาม รบกวนพวกท่านมอบสิ่งนี้ให้องค์ชายสามด้วยเจ้าค่ะ” กู้อ้าวเวยส่งจดหมายที่สมบูรณ์แบบให้ทหารนายนั้น แต่ก็พูดย้ำด้วยความกังวล “จดหมายฉบับนี้ต้องมอบให้องค์ชายสามโดยตรงนะเจ้าคะ แล้วบอกว่าเป็นแม่นางเฟิงฉีน ส่วนหญ้าเย้นนั้นข้าไม่ต้องการแล้ว ไม่ต้องมาตามหาข้า”

พูดจบ นางจึงกางร่มแล้วเดินออกไปเลย

ครั้งนี้ กลับเดินไปทางประตูทางออกทางใต้ ค่อยๆ เปิดหมวกออก เดินทางที่ซ้ำกันสองครั้งตามคาด จึงไปซื้ออาหารแห้งสำหรับสองวันที่ข้างถนน รอสักพักจนฝนตกหนักขึ้น ก็ยังหาโรงขายม้าไม่เจอ แต่กลับลังเลเล็กน้อย จากนั้นก็เดินไปทางประตูทางออกของเมืองเลย

ซ่านจินจื๋อไม่รู้ว่านางเขียนจดหมายนั้นตอนไหน แค่เดินเข้าไปหาในตอนที่นางกำลังจะออกไป ใช้เสื้อคลุมสีดำปกปิดใบหน้า แล้วจับที่แขนของนาง “เจ้าไม่เชื่อใจกุ่ยเม่ยแล้วหรือ?”

“เจ้าดูไม่ออกหรือ ไม่ว่ากลอะไรอยู่ในสายตาข้านั้นย่อมนับไม่ได้?” กู้อ้าวเวยหันกลับไปตามคาด ร่มในมือตกพื้น และมือที่เต็มไปด้วยบาดแผลจับแขนเสื้อของเขาแน่น แล้วผลักเขาถอยไปสองสามก้าว แต่ก็ยังคงโดนเขาดึงแขนไว้อยู่ดี

“ข้าคิดว่าเช่นนี้จะทำให้เจ้าสบายใจบ้าง” ซ่านจินจื๋อพูดเสียงเบา แล้วมองใบหน้าที่ซีดขาวของนาง

“อย่าคิดเองอีกเลย” กู้อ้าวเวยกัดฟันแน่น นิ้วของนางขาวซีดเพราะใช้แรงเยอะ “สิ่งที่พวกเจ้าอยากได้นั้น ข้าให้พวกเจ้าไปหมดแล้ว ทำไมเจ้าถึงไม่ยอมปล่อยให้ข้ากลับไปอยู่กับครอบครัวของข้า….”

“เจ้าเองก็อย่าคิดไปเองเลย” ซ่านจินจื๋อยกมือขึ้นจับเอวของนาง แล้วจับนางเข้ามาในอ้อม ใช้ร่มบังสายตาของผู้คน แล้วพูดเสียงต่ำ “สิ่งที่ข้าต้องการมาโดยตลอดคือเจ้าเท่านั้น ตอนนี้ข้าอยู่เมืองเทียนเหยียน ก็เพื่อเจ้า เจ้ามีสิทธิอะไรมาบอกจะมาก็มา จะไปก็ไป!”

เขาจูบที่หน้าผากของนาง แล้วมือของเขาแค่ลงเล็กน้อย ก็สามารถอุ้มผู้หญิงตัวเล็กคนนี้เข้ามาในอ้อมได้อย่างง่ายดาย ใช้ร่มกั้นไว้ระหว่างทั้งสอง ซ่านจินจื๋อกดนางเข้าไปในอ้อมกอดด้วยความโมโหเล็กน้อย “สิ่งที่เจ้าจำไม่ได้นั้น ข้าจะเล่าให้เจ้าฟังเอง”

“ข้าไม่อยากฟัง”

“ไม่อยากฟังก็ต้องฟัง” ซ่านจินจื๋อกดนางลงในอ้อมโดยไม่ยอมให้คัดค้าน รวมถึงแขนเล็กๆ ทั้งสองข้างที่อยากต่อต้านก็โดนกอดไว้ในอ้อม ในน้ำเสียงมีความระแวงเล็กน้อย “ออกจากเมืองเทียนเหยียนก็จะมีผู้มีอำนาจรายใหม่ไปตามหาเจ้า”

“เจ้าคิดว่าข้ากลัวตายจริงหรือ?” กู้อ้าวเวยยังคงจับเสื้อของเขาไม่ปล่อย “ญาติพี่น้องของข้านั้นรู้มาจากพวกเจ้าทั้งนั้น และเรื่องอื่นๆ ก็เป็นเพียงจดบันทึกของกู้อ้าวเวยคนเก่า เจ้าจะมามั่นใจได้อย่างไรว่าข้าก็คือ……”

“ของบางอย่างนั้นไม่หลอกคนหรอก” ซ่านจินจื๋อยิ้ม เขามองหญิงสาวในอ้อมด้วยแววตาที่อ่อนโยน ไหล่ของเขากดร่มให้ต่ำเล็กน้อย แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “มีเพียงเวยเอ๋อของข้า ที่ชอบทำอะไรแล้วไม่เหลือร่องรอย”

“อีกอย่าง เจ้าไม่สังเกตหรือ มีเพียงอยู่ต่อหน้าข้าเท่านั้น เจ้าถึงพูดความในใจ?”

“ความเคยชินนั้นไม่หลอกคนหรอก”

ซ่านจินจื๋อใช้โอกาสนี้หยิกนางเบาๆ เกือบจะโดนนางตบกลับมา แต่เขากลับอดไม่ได้แล้วยิ้มออกเสียง เพียงแค่ดอกคนในอ้อมกอดให้แน่นมากขึ้น “ให้เวลาข้าอีกนิดนะ”

“ปากของผู้ชายนั้นหลอกคน หากเจ้าเป็นเหมือนองค์ชายสาม”

“ข้าไม่เหมือนเขา พวกข้าเคยนอนเตียงเดียวกัน….” ซ่านจินจื๋อยังไม่ทันพูดจบ ก็โดนนางปิดปาก จึงทำได้เพียงส่ายหน้าเบาๆ รอให้นางวางมือแล้วถึงพูด “เจ้ารู้ตั้งแต่เมื่อครู่แล้วใช่ไหมว่าข้าอยู่? เจ้ารู้ได้อย่างไร?”

“กุ่ยเม่ยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่หุ้มหลังที่เอวข้านั้นมาจากไหน เจ้าเองก็ไม่ใช่คนแบบนั้นที่จะมาเปิดหน้าต่างของข้ากลางดึก” กู้อ้าวเวยดิ้นรนไม่ได้ผล ผ่านไปสักพักจึงซบที่อ้อมกอดของเขา “ข้าเสียใจที่กลับมาเทียนเหยียน ทำไมข้าต้องมาช่วยเจ้า?”

“คิดเองแล้วกัน” แขนของซ่านจินจื๋อจับนางแน่น เพียงแต่ว่านิ้วของเขาจับที่ร่างกายที่ผอมแห้งของนางอย่างอยู่ไม่นิ่ง แล้วพูดเสียงต่ำ “หลังจากนี้มีเรื่องอะไรก็มาพูดกับข้านะ”

“ข้าพูดกับกุ่ยเม่ยดีกว่า เจ้าเป็นผู้ชายที่มีเล่ห์เหลี่ยม” กู้อ้าวเวยยังคงระแวง

“เจ้ายังไม่เชื่อข้าอีกหรือ?” ซ่านจินจื๋อมองนางด้วยสายตาที่ทำตัวไม่ถูก ความเข้มงวดและความฉลาดของหญิงสาวคนนี้ราวกับมีดคม แต่คนในอ้อมกลับเงียบหายไป ผ่านไปนานมากจึงพูดเสียงต่ำ “หากเมื่อคืนเจ้าไม่อนุญาตให้กุ่ยเม่ยพาข้าออกไป บางทีข้าอาจจะไม่เชื่อใจเจ้าเลยก็ได้”

“ดูท่าแล้วเมื่อคืนข้าทำผิดแล้ว”

“แต่ว่าข้ายังคงไม่อยากกลับตำหนักอ๋องจิ้ง” กู้อ้าวเวยตาตามไหล่ของเขาแล้วขยับไปที่ข้างหู แล้วพูดเสียงต่ำ “หากเจ้าเป็นของข้าจริงๆ ข้าก็จะไม่ไปแตะต้องหญิงอื่น”

ซ่านจินจื๋อบอกความในใจ

บุบผาร้อยเสน่ห์

บุบผาร้อยเสน่ห์

Status: Ongoing

ฟิ้ววว นางข้ามพภแล้ว!!!แพทย์โดดเด่นทันสมัยกู้อ้าวเวยข้ามภพกลายเป็นลูกสาวคนโตของเฉิงเสี้ยง อยากฆ่าข้าหรือ?มีดผ่าตัดของข้าสามารถทำให้เจ้าพิการทั้งตัวเลยนะ เปิดร้านยา ช่วยชาวบ้าน ถึงจะเป็นฮ่องเต้ก็อยากมาคบหาข้า นี่ท่านอ๋องชายเลว เจ้ากำลังแกล้งข้าอยู่รึ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท