บทที่ 914 ข้อแลกเปลี่ยน
“ถ้าเช่นนั้นอ้อมมาไกลขนาดนี้ ก็เพื่อให้นางหึงหวง?”
ซ่านเชียนหยวนเหลือตาขาว กุ่ยเม่ยที่นั่งอยู่ข้างๆ นั้นกลับนึกถึงกู้อ้าวเวยปลอมคนนั้นกับตงฟางซวนเอ๋อ สีหน้าแย่ไปหมดเลย หน้าเทาจนสามารถหยดน้ำออกมา แล้วจ้องซ่านจินจื๋อด้วยสายตาที่แหลมคม
หากเป็นเมื่อก่อน กุ่ยเม่ยไม่มีทางเป็นเช่นนี้แน่
แต่วันนี้ นางทำเช่นนี้ด้วยนามของพี่ชาย กลับทำให้ซ่านจินจื๋ออดยิ้มไม่ได้ “เรื่องพวกนั้นล้วนเป็นข่าวลือ ข้าสามารถจัดการได้อยู่”
สายตาที่อาฆาตของกุ่ยเม่ยค่อยๆ จางหายไป แต่ตอนเอ่ยปากพูดนั้นกลับพูดเสียงแข็ง “หากนางไม่อยากอยู่ตำหนักอ๋องจิ้ง ข้าจะดูแลนางอย่างดีที่ร้านยาเหย้าเอง เหมือนเมื่อก่อน”
“เจ้าจะแย่งคนกับข้าหรือ?” ซ่านจินจื๋อรอยยิ้มค่อยๆ จางหาย แล้วหางคิ้วชี้ขึ้น
“แต่ว่าก็แค่ไม่คุ้มก็เท่านั้น หลังจากที่นางตื่นก็จะจมอยู่ในข่าวต่างๆ นาๆ หากตอนนี้รู้ว่าเจ้ามีบางอย่างกับหญิงอื่น นางต้องเป็นบ้าแน่” กุ่ยเม่ยจับที่ศีรษะด้วยความเป็นห่วง หลับตาแล้วพูดเสียงต่ำ “ถึงนางจะใจกว้างแค่ไหน ก็เป็นคนนะ”
ซ่านเชียนหยวนตบเบาๆ ที่ไหล่ของเขา “เสด็จอาย่อมรู้หนักรู้เบาเองอยู่แล้ว”
“หากเขารู้หนักเบา วันนั้นก็คงไม่ให้ข้าไปเจอนางที่เย่นเจียง ถึงข้าจะรู้ว่าเรื่องทั้งหมดนี้เพื่อแผนใหญ่ แต่ตอนนี้นางไม่สงบขนาดนี้ ข้าคิดว่านางอยู่กับข้าจะดีกว่า รอให้ผ่านไปสักพัก แคว้นเอ่อตานก็จะส่งข่าวมา ดูพวกจดหมายแล้วอาจจะทำให้นางสบายใจขึ้นมาบ้าง” กุ่ยเม่ยเปลี่ยนพฤติกรรม ถึงขั้นก้มหน้าพูดเบาๆ “ข้าไม่เคยคิดว่าหลังจากที่ช่วยท่านอ๋องแล้ว นางไม่เชื่อใจแม้แต่ข้าอีกเลย หากนางไม่เชื่อใจใครอีกเลยจะทำอย่างไรดี”
เป็นห่วงนั้นธรรมดา ในสมองของซ่านเชียนหยวนมีคำพูดนี้ลอยผ่าน
ซ่านจินจื๋อที่อยู่ตรงข้ามก้มลงพิงที่โต๊ะเบาๆ “เช่นนั้นพวกเจ้าก็อยู่ที่ร้านยาเหย้าแล้วกัน”
“เพราะเหตุใด?” กุ่ยเม่ยขมวดคิ้ว
“ฐานะของเจ้าในตอนนี้ การอยู่ที่เมืองเทียนเหยียนถาวรนั้นเป็นการต่อรอง ของในมือของเวยเอ๋อนั้นเป็นของที่เสด็จพี่ต้องการพอดี” ซ่านจินจื๋อพยักหน้า แล้วสายตาสว่าง “ศพของหยูนซีและหลินเออร์นั้นว่างเปล่า ไม่เพียงแต่เป็นเช่นนี้ คนที่ตำบลเหยสุ่ยตอนนี้อาจจะภักดีต่อเสด็จพี่”
“แล้ว?” ซ่านเชียนหยวนไม่เข้าใจ
“เวยเอ๋อให้คนในตำบลเหยสุ่ยจัดการกู้เฉิง อยากเก็บเขาไว้เพื่อแก้แค้นให้ฮูหยินหยุนหว่าน แต่หลังจากที่นางจากไป คนของกู้เฉิงกลับโดนขวางไว้โดยบังเอิญ เป็นคนขององค์ชายสาม ดูแล้วเขาอยากรู้บางอย่างจากกู้เฉิง” ซ่านจินจื๋อลุกขึ้นแล้วมองไปทางกุ่ยเม่ย “บางทีร่องรอยของเจ้าอาจถูกบอกกับเสด็จพี่ บางทีอาจจะลงมือกับเจ้าและเวยเอ๋อก็เป็นไปได้”
“ถ้าเช่นนั้นพวกข้าสองคนอยู่ที่ร้านยาเหย้าก็ไม่ปลอดภัยสิ?” กุ่ยเม่ยเริ่มรู้สึกดีที่ในตอนนั้นตนอยู่ที่เย่นเจียงได้เจอกับกู้อ้าวเวย แต่ตอนนี้ดูท่าทางแล้ว ในมือของกู้เฉิงอาจจะมีอะไรบางอย่าง
ทั้งสามคนเงียบอยู่นาน ซ่านเชียนหยวนจึงเอ่ยปากพูด “แต่เสด็จพ่อดูสนับสนุนให้ข้าสมรสนะ เบื้องหลังนี้…….”
“อาหารในวันที่เจ้าสมรสนั้นตระกูลตงฟางเป็นผู้รับไว้เอง แต่ฝ่ายทางแม่ของพระชายาองค์ชายสามตระกูลฉางร้านชาซ่านนั้นไปถวายน้ำชาและของขวัญอันมีมูลค่า” ซ่านจินจื๋อรับเอกสารมาจากเฉิงซาน แล้วโยนไปตรงหน้าเขา พร้อมกับพูดว่า “ร่างกายของเสด็จพี่ดูแปลกๆ แต่อีกไม่กี่วันเขาก็ต้องประชุมเข้าเฝ้าด้วยตนเอง พวกขุนนางเบื้องหลังนั้น พวกข้าไปทำอะไรเขาไม่ได้ พวกเจ้าต้องระวังไว้”
ซ่านเชียนหยวนเปิดอ่าน เห็นข้อมูลพวกร้านค้าไม่น้อยต่างเป็นบ่าวขององค์ชายสาม เรื่องนี้ยิ่งอยู่ก็ยิ่งน่าแปลกยิ่งขึ้น
“รอสักครู่ ช่วงนี้น้องหกเหตุใดจึงไม่มีข่าวเลย?” ซ่านเชียนหยวนเงยหน้าขึ้น
“หากไม่มีอะไรผิดพลาด เขาจะโดนเนรเทศเร็วๆ นี้” ซ่านจินจื๋อพูดถึงตรงนี้ก็รู้สึกปวดหัวจนต้องจับที่หน้าผากเบาๆ “ก่อนหน้านี้พวกข้าเล่นละครต่อหน้าเขา เขาก็คิดได้เลยว่าเสด็จพี่แปลก พอส่งคนแอบไปสืบและโดนจับได้ สาวปักผ้าที่อยู่ข้างกายเขาก็โดนจับไปในวังไปเป็นนางใน เสด็จพี่ไม่มีทางปล่อยเขาแน่”
ตอนแรกคิดว่าจะดึงองค์ชายหกมามีส่วนร่วม แต่ตอนนี้ดูแล้ว เขากลับเอาตัวเองไม่รอด
ความคิดในตอนนั้นก็คือซ่านต้วนโฉงอยากแก้แค้นน้องชายของเขา เป็นเพราะเขาเอาแต่ใจปกป้องซูพ่านเอ๋อและไม่ยอมกลับมา ถึงทำให้หยูนซีโชคร้ายจากโลกนี้ไป และประเทศชาตินี้จึงกลายเป็นภาระบนบ่าของเขา
แต่ตอนนี้ ซ่านต้วนโฉงเหมือนกำลังพยายามกำจัดอุปสรรคให้เขาจริงๆ
จึงยิ่งทำให้คนรู้สึกดูไม่ออกว่าเขาทำไปเพื่ออะไร
ในตอนที่ทั้งสามกำลังเงียบอยู่นั้น บ่าวที่อยู่ด้านนอกก็วิ่งเข้ามาด้วยความเร่งรีบ แล้วพูดเสียงต่ำ “คุณหนูตงฟางมาแล้วขอรับ”
“เรื่องอันใดหรือ?” ซ่านจินจื๋อโบกมือให้ทั้งสอง ทั้งสองจึงหลบไปอยู่หลังม่าน
ซ่านเชียนหยวนกำลังไตร่ตรองเรื่องสมรสของตน กำลังคิดอยู่ว่าจะไปปรึกษาเรื่องนี้กับฉีหรัวอย่างไร
“คุณหนูตงฟางได้ข่าวว่าคุณหนูกู้กลับมา จึงมาแสดงความยินดี ตอนนี้ทั้งสองได้พบกันที่ห้องรับรองแล้ว คุณหนูกู้อยากวัดชีพจรให้คุณหนูตงฟาง คุณหนูตงฟางไม่ยอม ทั้งสองจึงถกเถียงกันไม่เลิกขอรับ” บ่าวรีบร้อนจนเหงื่อออกเยอะเลย
“ส่งคุณหนูกู้กลับไปพักผ่อนที่ตำหนักหลัก แล้วเรียนว่าช่วงนี้อย่าไปไหน จากนั้นก็ชวนคุณหนูตงฟางมาที่นี่” ซ่านจินจื๋อเพิ่มแก้วน้ำชาให้ตนเอง
หากไม่ใช่เพราะว่าตงฟางซวนเอ๋อมาพบกับตัวปลอมคนนี้ เขาคงลืมไปแล้วว่าคนปลอมคนนี้มาจากที่ใด
คนปลอมคนนี้ปลอมได้เหมือนเพียงนี้ ต้องไม่ใช่เรื่องแค่วันสองวันแน่ หากมีคนคิดอยากสร้างตัวปลอมขึ้นมาตั้งแต่หลายปีก่อน วางแผนมาอย่างดีเช่นนี้ มีจุดประสงค์อันใดกันแน่?
แต่ว่าเพียงสักพักตงฟางซวนเอ๋อก็ค่อยๆ เดินมา ตอนที่โดนโจมตีทางน้ำที่เมืองเทียนซิงไม่ได้มีผลกระทบต่อนางเลยแม้แต่น้อย ยังคงท่าทางสวยงาม สีหน้าอวบอิ่ม ตอนที่นั่งลงนั้นยิ่งสง่าไปใหญ่ ราวกับว่าบ่าวมาทูลคนที่ถกเถียงกันเมื่อครู่นั้นไม่ใช่นาง
ซ่านจินจื๋อยังคงสีหน้าไม่เปลี่ยน และมองนางเฉยเมย
“วันนี้ข้ามา เพื่อที่อยากมาบอกข่าวให้กับอ๋องจิ้งเจ้าค่ะ” ตงฟางซวนเอ๋อหยิบสมุดไม้ไผ่ออกมาจากแขนเสื้อ แล้วยื่นไปให้ซ่านจินจื๋อ ถูกมัดด้วยด้ายสีแดง
ซ่านจินจื๋อไม่ยอมยื่นมือไปรับ
ตงฟางซวนเอ๋อรอสักพักจึงเริ่มเอ่ยปากพูด “ท่านไม่อยากดูของในนี้หรือเจ้าคะ?”
“เจ้าพูดตรงๆ เถอะ”
“สัญญาสมรส นี่เป็นธรรมเนียมของตระกูลตงฟางเจ้าค่ะ” ตงฟางซวนเอ๋อมองเขาด้วยแววตาที่มีรอยยิ้ม “ตอนนี้กู้อ้าวเวยกลับมาแล้ว มีแต่ภัยรอบด้าน แต่หากมีความช่วยเหลือจากตระกูลตงฟาง ท่านก็จะสามารถช่วยกู้อ้าวเวยได้”
พูดจาโอหังเช่นนี้ หากไม่ใช่เพราะว่ามีความมั่นใจมาก ตระกูลตงฟางไม่มีทางให้คุณหนูใหญ่มาหาเขาแน่นอน
“หากข้าช่วยกู้อ้าวเวย แล้วเจ้าจะสมหวังที่อยากเป็นฮองเฮาได้อย่างไร?” ซ่านจินจื๋อยิ้มอย่างเย็นชา
“บัลลังก์นี้ เกรงว่าท่านไม่อยากได้ก็ต้องรับไว้เจ้าค่ะ” ตงฟางซวนเอ๋อยิ้มอ่อน แล้วหยิบปิ่นปักผมหยกที่เก่าแก่ออกมาจากอ้อมแล้วยื่นไปให้เขา ในแววตาประกายเล็กน้อย “ท่านคงเคยเห็นของชิ้นนี้สินะเจ้าคะ”