บทที่ 898 ที่สำคัญ
รถม้าที่ส่งขุนนางทูตเย่นเจียงค่อยๆขับเคลื่อนเข้ามาในเมืองเทียนเหยียน
รถม้าที่งดงามหรูหราแล่นผ่านบนถนนท่ามกลางน้ำค้างยามเช้า ยู่จือตื่นขึ้นมาเพราะแรงกระแทก เปิดม่านมองดูท้องฟ้าที่ยังไม่สว่างแต่ในเมืองเทียนเหยียนก็มีคนเดินเต็มท้องถนนแล้ว ร้านขายอาหารเช้าเปิดเรียงราย ขณะที่นางกำลังครุ่นคิดอยู่ ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงคนหนึ่งถือตะกร้าผักแล้วพูดขึ้นว่า
“ได้ยินมาว่าคนร้ายที่ฆ่าคนที่ด่านลั่วสุ่ยจับตัวได้แล้ว ตอนนี้ถูกส่งไปขังอยู่ในคุกหลวงแล้ว”
“น่าหวาดกลัวมากเลย หลายวันก่อนลูกพี่ลูกน้องของข้าเพิ่งหนีมาหลบภัยจากด่านลั่วสุ่ยที่บ้านข้า สองเดือนก่อนก็มีคนตายไปแล้วไม่น้อย คนที่ตายก็ล้วนเป็นคนเย่นเจียง เจ้าว่าน่าสงสัยไหม?”
ผู้หญิงหลายคนกำลังพูดคุยเรื่องนี้กันอยู่ สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว แต่ก็ยังคงพูดกันอยู่อย่างตื่นเต้น
ยู่จืออดหัวเราะไม่ได้ อีกด้านก็สงสัยอยู่ว่าคนร้ายที่ฆ่าคนที่ด่านลั่วสุ่ยเป็นใครกันแน่ เพิ่งได้ยินเสียงรถม้าหยุด ม้าสองตัวก็ส่งเสียงร้องขึ้นมาอย่างไม่หยุด ทำให้รถม้าทั้งคันสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงไปด้วย ผ้าโปร่งทองก็หลุดออก นางเปิดม่านพูดขึ้นอย่างโกรธเคืองว่า “รีบจอดกะทันหัดทำไม”
เพิ่งพูดเสร็จ นางก็มองเห็นซ่านเชียนหยวนโดดลงมาจากม้าตรงด้านหน้า ยืนอยู่ตรงหน้าทหารเฝ้าประตูเมืองหลายคน เถียงอะไรสักอย่างอยู่กับพวกเขาด้วยสีหน้าโมโห ส่วนคนขับรถมาด้านหน้าพูดขอโทษยู่จืออย่างมีนอบน้อม ยังพูดขึ้นว่า “หรือว่าให้ค่าส่งทั้งสองท่านกลับไปยังจวนตงฟางกับโรงเตี้ยมไหม ท่านอ๋อวงจงผิงจะต้องพาคุณหนูฉีเข้าวัง”
“ข้าก็เป็นหนึ่งในทูตเย่นเจียง ข้าไม่ควรที่จะเข้าไปในวังพร้อมกับใต้เท้าคนอื่นหรือ?” ยู่จือยื่นหัวออกมาจากรถม้า
แต่ทหารข้างรถม้ากลับใช้ดาบเล่มยาวจ่ออยู่ตรงคอของนาง นางค่อยๆเงยคางขึ้นเพื่อหลบ ขมวดคิ้วพูดขึ้นว่า “พวกเจ้าคนชางหลาน ทำแบบนี้หมายความว่ายังไง?”
“ขอรบกวนส่งแม่นางยู่จือไปยังโรงเตี้ยม เรื่องที่แม่นางยู่ชีงหายตัวไปค่อนข้างน่าสงสัย” พวกทหารต่างก็ยืนล้อมรอบทั่วรถม้า ปกป้องไว้อย่างมิดชิด ยู่จือยกมือทั้งสองขึ้นบ่งบอกว่ายอมแพ้ แล้วถอยกลับไปนั่งในรถม้า
ขณะนี้ตงฟางซวนเอ๋อก็เอามือกุมบาดแผลที่ยังเจ็บปวดอยู่แล้วเปิดม่านดู มองดูทหารพวกนั้น สังเกตดูเสื้อผ้าบนกายพวกเขากลับอาวุธที่อยู่ในมือ แล้วก็ขมวดคิ้ว “กรมทหารรักษาวังก็เข้ามาดูแลถึงที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“คุณหนูใหญ่ตงฟาง” พวกทหารทำความเคารพอย่างนอบน้อม หลังจากนั้นก็ก้มหน้าก้มตาพูดขึ้นว่า “ใต้เท้าในราชสำนักสงสัยว่าเรื่องที่แม่นางยู่ชีงถูกลักพาตัวไปเป็นฝีมือของคนเย่นเจียงจัดฉากขึ้นมาเอง”
“เพื่ออะไร?” ตงฟางซวนเอ๋อไม่เข้าใจ ในสายตาของนาง เย่นเจียงในตอนนี้ ไม่มีอำนาจใดๆ เป็นช่วงเวลาที่ควรพึ่งพาชางหลาน แล้วจะสร้างเรื่องที่เสี่ยงแบบนี้ทำไม หากถูกจับได้ ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศนั้นเป็นเรื่องเล็ก แต่เย่นเจียงจะถูกม้าเหล็กของชางหลานเหยียบย่ำถึงจะเป็นเรื่องใหญ่
“คนเย่นเจียงได้คนพบวิธีทำให้คนตายฟื้นขึ้นมาใหม่ สงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับแม่นางยู่ชีง และตอนนี้แม่นางยู่ชีงที่ถูกส่งมาหายตัวไปอย่างลึกลับ แสดงว่าฮ่องเต้เย่นเจียงให้ความหวังกับการฟื้นขึ้นมาจากความตายเป็นอย่างยิ่ง” สีหน้าพวกทหารเคร่งขรึม ตั้งใจพูดด้วยเสียงค่อนข้างดัง ให้ยู่จือที่อยู่ด้านในก็ได้ยินอย่างชัดเจน
ร่างกายยู่จือแข็งทื่อ แล้วก็กำหมัดแน่น
หรือว่า คนของชางหลานมีไส้ศึกอยู่ในเมืองหลวงเย่นเจียง
ไม่อย่างนั้นเพียงแค่การกระทำอย่างเร่งรีบ เมื่อกู้อ้าวเวยทำเสร็จหมดแล้วก็ได้ทุบทำลายหมด พวกเขาได้ยินข่าวนี้มาจากไหน?
ตงฟางซวนเอ๋อวางมันลงอย่างสงสัย มองดูยู่จืออย่างตกใจ “ตายแล้วฟื้น? คุณรุ่นหลังตระกูลยู่ของพวกเจ้า มีความสามารถถึงเพียงนี้หรือ?”
“จะเป็นไปได้ยังไง?” ยู่จือหัวเราะเย้ย แล้วก็กลับไปนั่งที่นั่งเดิม พูดขึ้นด้วยเสียงต่ำว่า “ต่อให้น้องสาวของข้ามีความสามารถนี้จริง คนสำคัญในเย่นเจียงมีใครที่กำลังจะตาย? นี่ไม่เหมือนกับการมีชีวิตอมตะของตระกูลหยุน”
ตงฟางซวนเอ๋อก็พยักหัวเบาๆ ยังไงสองเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องเดียวกัน
ทหารที่อยู่ด้านนอกรถม้าได้ยินคำพูดของยู่จืออย่างชัดเจน จึงได้สั่งคนไปรายงานเรื่องนี้
ซ่านเชียนหยวนมาถึงที่สำนักเยียนหยู่เก๋อก่อน ให้ฉีหรัวนั่งอยู่ด้านหลังเขา ฉีหรัวกอดอยู่ด้านหลังเขาแน่น พูดขึ้นด้วยเสียงต่ำว่า “อ๋องจิ้งไปแล้วหลายรอบ กู้อ้าวเวยคนนั้นไม่ได้แสดงท่าทีมีพิรุธอะไร ยังสงสัยว่าท่านอ๋องจิ้งเป็นตัวปลอม”
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ตัวจริงของนางก็คือยู่ชีงไม่ใช่หรือ?” ซ่านเชียนหยวนเร่งความเร็วขึ้นจนทิ้งระยะห่างจากคนด้านหลังไปไกล แล้วก็กระซิบถามฉีหรัว
“ข้าก็ไม่รู้ ก่อนหน้านี้ข้าได้เข้าวังไปคุยเรื่องนี้กับท่านอองจิ้ง แต่เสียดายมีคนแอบฟัง พวกเราสองคนก็เลยแกล้งทะเลาะกัน ท่านอ๋องจิ้งจึงต้องส่งคนพาตัวข้ากลับมายังจวนฉี ไม่ได้คุยกัน” ฉีหรัวกอดเอวของเขาไว้แน่นยิ่งขึ้น
ในใจซ่านเชียนหยวนสับสนอย่างมาก ทำไมถึงมีกู้อ้าวเวยปรากฏขึ้นตั้งสองคน?
ไม่ใช่การทำศัลยกรรม อุปนิสัยก็เหมือนกันมาก ตอนนี้มีเพียงต้องดูว่าพิษในร่างกายของพวกนางเหมือนกันไหม
มาถึงภายในวังอย่างรีบร้อน เฉิงซานที่อยู่ข้างกายซ่านจินจื๋อนำทางทั้งสองคนไป และก็ได้พบกับซ่านเซิ่งหานที่เพิ่งไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้มา ท่าทีของเขาก็เหมือนกับว่ารู้ทุกอย่างแล้ว ท่าทีก็แสดงถึงความสงสัยอยู่เหมือนกัน
ทั้งสองพี่น้องต่างก็เห็นความงุนงงจากดวงตาของกันและกัน
ฉีหรัวดึงชายแขนเสื้อซ่านเชียนหยวนเบาๆ “รีบไปเถอะ”
“น้องสี่ ข้าไปคุกหลวงพร้อมกับพวกเจ้า” ซ่านเซิ่งหานรีบเดินมา ฉีหรัวดึงซ่านเชียนหยวน แล้วยืนอยู่ระหว่างทั้งสองคน พูดขึ้นว่า “ขอองค์ชายสามระวังกิริยาของตนด้วย ท่านควรที่จะรู้ดีว่ากู้อ้าวเวยที่อยู่ในคุกตอนนี้ มีเพียงแต่จะส่งผลกระทบต่ออนาคตของท่าน”
ซ่านเซิ่งหานขมวดคิ้วชนกัน เส้นเอ็นบนหลังมือนูนขึ้น สีหน้ากลับยังคงพูดขึ้นอย่างเป็นปกติว่า “ข้าจะไปคุยกับเสด็จอาด้วยตัวเอง หากมีข่าวคราวอะไร ขอคุณหนูฉีแจ้งให้ทราบด้วย”
“นั่นเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว ยังไงองค์ชายสามก็เป็นหนึ่งในเพื่อนของนาง” ตั้งใจพูดเน้นคำว่า “เพื่อน” ด้วยเสียงเข้ม ฉีหรัวจับชายแขนเสื้อของซ่านเชียนหยวน แล้วสั่งให้เฉิงซานนำทางต่อไป หลังจากที่เดินออกห่างซ่านเซิ่งหานแล้ว ฉีหรัวค่อยพูดขึ้นด้วยเสียงต่ำว่า “ก่อนหน้านี้เจ้าบอกว่าเจ้าอยู่ค้นหาต่ออยู่ที่เมืองเทียนซิง ตอนนี้กลับรีบกลับมา ไม่รู้สึกผิดปกติหรือ?”
ซ่านเชียนหยวนคิดถึงข้อนี้แล้ว ก็อึ้งไปสักพัก
เดิมเขาควรที่จะสืบค้นหาต่ออยู่ที่เมืองเทียนซิง แต่หลังจากที่ซ่านเซิ่งหานกลับมาแล้วสามวัน ตัวแทนของเมืองเทียนเหยียนก็ได้มาขอให้เขากลับไปด้วยกัน และก็พูดว่าเรื่องราวมีการเปลี่ยนแปลง บุคคลสำคัญในเมืองเทียนซิงล้วนถูกย้ายอพยพทั้งหมด เดิมเขาก็สงสัยในเรื่องนี้อยู่ จึงพูดขึ้นว่า “นี่น่าจะเป็นคำสั่งของเสด็จพ่อ”
“ต่อให้เป็นคำสั่งของฮ่องเต้ เจ้าก็คิดว่าองค์ชายสามไม่ได้ทำอะไรเลยจริงๆหรือ?” ฉีหรัวพูดด้วยเสียงต่ำพร้อมกับเดินเคียงไหล่ไปด้านหน้าเขา กระซิบพูดขึ้นว่า “การไปเมืองเทียนซิงในครั้งนี้ เขากับตงฟางซวนเอ๋อเป็นคนจัดการเองทั้งหมด และตามที่ข้ารู้มา เขากำลังร่วมมือกับตงฟางซวนเอ๋อ คนร้ายที่อยู่เบื้องหลังนี้ ยังไม่รู้ว่าเป็นใครกันแน่”
พูดถึงตรงนี้แล้ว สีหน้าของซ่านเชียนหยวนก็เยือกเย็นลง “เขาคิดที่จะไปทำความร่วมมือกับตระกูลตงฟางทำไม?”
“ตอนนี้ยังไม่รู้ แต่เรื่องที่สำคัญในตอนนี้คือ จะเชื่อถือเพื่อนของตัวเองง่ายๆไม่ได้ ยังต้องหาว่ากู้อ้าวเวยตัวจริงคือคนไหน นี่ถึงจะเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด” แววตาฉีหรัวหนักใจ
ระหว่างกู้อ้าวเวยทั้งสอง จะต้องมีความจริงเท็จที่แตกต่างกัน และคนที่เป็นตัวปลอมนั้น ต้องการข้อมูลอะไรไปให้ผู้ที่อยู่เบื้องหลัง
ตอนนี้ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่รู้เรื่องของศัตรู พวกนางไม่ควรที่จะปล่อยให้มีไส้ศึกแม้เพียงคนเดียว