บทที่ 923 สถานที่ฝังศพ
ตอนที่ออกจากเมือง กู้อ้าวเวยเห็นทหารเฝ้าประตูเมืองดูเคารพนบน้อมซ่านจินจื๋อมาก จากนั้นก็แอบเปิดประตูเล็ก ๆ ให้พวกเขาออกไปกัน แต่ก็ยังมีคนถามมากความเหมือนกัน “ท่านอ๋องจิ้ง ไม่ทราบว่าท่านผู้นี้คือ?”
กู้อ้าวเวยหลบอยู่ใต้เสื้อคลุม ต่อให้พวกเขาจะยินดีเปิดประตูเล็กให้กับอ๋องจิ้ง แต่จะไม่ทำตามหน้าที่เลยไม่ได้ หากปล่อยผู้ร้ายไป มีคนนำหมายจับมาเพื่อเทียบดู
ซ่านจินจื๋อพูดว่า “เป็นผู้หญิง หากในหมายจับมีแต่ผู้ชาย ก็ไม่จำเป็นต้องดูแล้ว”
ทหารเฝ้าประตูเมืองต่างเหม่อ ๆ ไป พวกเขาเปิดดูหมายจับแล้วก็ส่ายหน้า แล้วเปิดทางให้ “ท่านอ๋องจิ้งจะไปไหนไม่อยากให้ใครรู้ใช่ไหมขอรับ?”
“อย่าบอกให้นะ มีเรื่องสำคัญ” ซ่านจินจื๋อพูดจบก็รีบไป ก่อนไปก็ยังไม่ลืมขอม้าดีดีมาตัวหนึ่งด้วย กู้อ้าวเวยให้นางนั่งอยู่ในอ้อมกอดเขา เห็นนางเหมือนไม่ค่อยสบายตัว เลยเอ่ยปากอย่างอดทนว่า “เจ้าแรงน้อย หากนั่งด้านหลังแล้วเกาะไม่ดีอาจตกลงไปได้นะ”
“เจ้ามากกว่าที่แรงน้อย” กู้อ้าวเวยเงยคางขึ้น หากนางแรงน้อย ก็ไม่ต้องเป็นหมอแล้ว
ซ่านจินจื๋อทำได้แค่พลิกขึ้นหลังมาไป แล้วโอบนางเอาไว้ในอ้อมกอด แนบชิดกับแผ่นหลังของนางแต่กลับไม่ได้รู้สึกถึงความอบอุ่นเลย กู้อ้าวเวยพยายามขยับไปที่ที่อุ่นหน่อย แต่กลับถูกซ่านจินจื๋อตำหนิ “คลุมเสื้อดีดี”
กู้อ้าวเวยยิ้มแล้วก็เอาเสื้อคลุมมาไว้ด้านหน้าแทน นางก้มหน้าลง และดึงผมออกจากต้นคอเพื่อให้เขาเห็นเชือกของเสื้อคลุม แล้วพูดว่า “ด้านหน้าใช้เสื้อคลุม ด้านหลังก็ใช้เจ้ามาบังลมให้ข้า”
เมื่อเห็นคอขาว ๆ ซ่านจินจื๋อก็มัดเชือกให้นางแบบปวดหัว แล้วให้นางยื่นมือไปจับเชือกบังคับม้าแทน
“เมื่อก่อนเจ้าก็ให้พวกเขาช่วยเจ้ามัดเสื้อคลุมแบบนี้เหรอ?”
“พวกเขาไม่ได้ให้ข้าขึ้นม้าด้วยนี่นา” กู้อ้าวเวยส่ายหน้า พิงไปที่อ้อมกอดของซ่านจินจื๋อ จากนั้นก็เงยหน้ามองเขา “ปกติแล้วข้าไม่ค่อยเถียงใครเท่าไหร่”
“หือ?” ซ่านจินจื๋อค่อย ๆ ผ่อนความเร็วลง
“แต่ว่าข้าอยากพูดอะไรที่ไม่ค่อยดีให้เจ้าฟัง” กู้อ้าวเวยยิ้ม
ซ่านจินจื๋อตากระตุก เขาดึงเชือกแน่น ก็ได้ยินนางพูดว่า “เราตัวแนบชิดกันขนาดนี้แต่เจ้าไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย มันไม่ขันแล้วเหรอ?”
เชือกถูกดึงแรงมาก ม้าร้องเสียงดังจากนั้นก็หยุดเดิน หากไม่ใช่เพราะซ่านจินจื๋อใช้มืออีกข้างโอบนางเอาไว้คิดว่านางคงปลิวไปแล้ว ซ่านจินจื๋อหน้านิ่งจนเหมือนน้ำจะไหลออกมาอยู่แล้ว เขากอดรัดเอวของนางไว้แน่น “เจ้านี่กล้าพูดมากเกินไปแล้วนะ”
กู้อ้าวเวยยังคงพูดด้วยรอยยิ้มแบบไม่รู้สึกอะไร “ก็แค่ล้อเล่น”
ซ่านจินจื๋อหน้านิ่วหนักกว่าเดิม ก็ไม่รู้ว่าใครสอนนางพูดแบบนี้ ทำได้แค่กระตุกเชือกม้าใหม่ “ข้าไม่ได้ไม่ขันสักหน่อย”
“หากเจ้าไม่ขัน ก็แสดงว่าเด็กในท้องของจี้ซูไม่ใช่ของเจ้า” กู้อ้าวเวยพูดออกมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย แล้วใช้มือข้างหนึ่งลูบไปที่หัวม้า จากนั้นก็ยิ้มแล้วพูดว่า “แต่ว่าต่อให้เจ้าจะไม่ขันก็บอกใครไม่ได้นะ มันน่าอาย”
เอ็นที่หน้าผากของซ่านจินจื๋อเกร็งจนแทบทะลุออกมา “หุบปากไปเลย”
“อะไร? เจ้าไม่พอใจเหรอ?” กู้อ้าวเวยหัวเราะจนตัวสั่น ซ่านจินจื๋อพยายามข่มอารมณ์ไม่ให้โกรธ เขาใช้มืออีกข้างหนึ่งจับไปที่เอวของนางแล้วหยิก “ทำให้ข้าโมโห เจ้ามีความสุขมานักเหรอ?”
“ก็แค่ถาม หากเจ้ามีปัญหา ข้าเป็นหมอก็จะได้รักษาให้ไง” กู้อ้าวเวยสะกิดเขาด้วยศอก “เจ้าได้กลิ่นอะไรไหม?”
“กลิ่นดิน” ซ่านจินจื๋อโอบนางเอาไว้แน่น
“กลิ่นมันแรงมาก แถวนี้น่าจะมีคนขุดหน้าดินเอาไว้” กู้อ้าวเวยใช้จมูกดม นางหันหน้าไปมองไปทางกลิ่น นางไม่เห็นอะไรเลย แต่ซ่านจินจื๋อที่อยู่ด้านหลังเห็นว่าทางป่าด้านนั้นมันเหมือนจะว่างไปเยอะ เขาจึงบังคับม้าให้ไปทางนั้น
ก็อย่างที่กู้อ้าวเวยพูด ที่นี่มันเป็นหลุมดินขนาดใหญ่ มีต้นหญ้าถูกถอนออกไปโยนทิ้งไว้ข้างทาง ซ่านจินจื๋อลงมาจากหลังม้า แล้วกำชับนางว่า “อย่าลงมานะ”
กู้อ้าวเวยกระตุกเชือกให้ม้าค่อย ๆ เดินไป นางรี่ตามองไปที่ป่าที่มืดสนิท นางมองเห็นไม่ชัดเลย เห็นซ่านจินจื๋อก้มตัวลงเหมือนกำลังมองอะไรอยู่ นางเลยถามว่า “เจออะไรงั้นเหรอ?”
“ศพในสุสานส่วนมากจะถูกฝังไว้บนเขาแถว ๆ นี้ ที่นี่มันเหมือนมีเมล็ดพันธุ์แปลก ๆ อยู่ด้วย มันใหญ่ประมาณนิ้วโป้ง” ซ่านจินจื๋อมองไปบนดินที่สภาพแย่มาก เขาเหมือนจะมองเห็นเศษกระดูกที่โผล่ออกมานอกดิน ตอนนี้ฝนกำลังตกอยู่ เลยไม่มีใครมาสนใจบริเวณนี้
“เอาผ้าเช็ดหน้าของข้าห่อเอาไว้แล้วเอากลับไปด้วย” กู้อ้าวเวยเพิ่งจะหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา ซ่านจินจื๋อก็พูดว่า “ข้ามีผ้าเช็ดหน้ากับกล่องไม้ เจ้ารอเดี๋ยวนะ”
“เจ้าพกผ้าเช็ดหน้ากับกล่องไม้ตลอดเลยเหรอ?” กู้อ้าวเวยตกใจนิดหน่อย
“ปกติเวลาไปไหนเจ้าชอบเก็บยาสมุนไพร ประเภทเล็ก ๆ ก็พวกสมุนไพรห้ามเลือด ประเภทใหญ่หน่อยก็พวกสมุนไพรโรคเรื้อรัง หากข้าจะไม่พกของพวกนี้เอาไว้ คิดว่าเจ้าก็น่าจะจับยัดใส่เสื้อได้ตลอดเวลา” ซ่านจินจื๋อกำลังค่อย ๆ เก็บเมล็ดพันธุ์ขึ้นมา เขาไม่เห็นกู้อ้าวเวยที่ดึงขอบหมวกอยู่บนหลังม้า ถูปลายนิ้วบนแผลที่ถูกงูพิษกัด
นางจับยัดใส่เสื้อตลอดจริง ๆ
ซ่านจินจื๋อยังเลือกเศษผ้าที่เปื้อนเลือดโยนไปที่กล่องใบที่สองด้วย หลังจากย้อนกลับมาแล้ว กู้อ้าวเวยก็ลงมาจากม้า แล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าที่เปียกปอนช่วยเขาเช็ดไปที่นิ้ว “อีกเดี๋ยวยาขวดนี้ให้เจ้านะ ต่อให้ใช้ผ้าหยิบของขึ้นมาก็ต้องเช็ดให้สะอาด”
แรงบนมือเบามาก ในจมูกเหมือนไม่ค่อยมีกลิ่นดินแล้ว มีแต่กลิ่นหอมของยา
“เอาล่ะ ขึ้นม้าได้แล้ว” กู้อ้าวเวยหยิบผ้าเช็ดหน้ากับขวดหยกยัดใส่เสื้อของเขา จากนั้นนางก็หันหลังขึ้นม้าไป
ซ่านจินจื๋อรีบเก็บของแล้วก็ไปอุ้มนางขึ้นไปนั่งให้ดี
“เจ้าชอบกินเนื้อกวางไหม” ซ่านจินจื๋อพูดขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
“ไม่เคยกิน” กู้อ้าวเวยตอบคำถาม แล้วก็พิงไปที่หน้าอกของเขา “พวกเขาเอาศพมากองไว้ที่นี่ยังไม่ได้ฝัง หรือว่าอีกเดี๋ยวอาจจะมีส่งมาอีก?”
“อาจจะ อีกเดี๋ยวข้าจะเอาม้าไปซ่อนไว้ก่อน แล้วค่อยพาเจ้ามารออยู่ที่นี่” ซ่านจินจื๋อเร่งความเร็วขึ้น เขาควบม้าไปบนภูเขาไม่ไกล นี่นั่นน่าจะมีนายพรานล่าสัตว์ ต่อให้มีม้าก็ไม่มีใครสังเกตเห็น
เขาพากู้อ้าวเวยย้อนกลับมาแต่ไม่ได้เข้าไปใกล้มาก แต่พวกเขาไปนั่งลงตรงต้นไม้ที่มีใบหนาทึบ กู้อ้าวเวยนั่งอยู่บนกิ่งไม้แล้วกอดเสื้อคลุมเอาไว้ในมือ จากนั้นก็แกว่งขา “ข้ามองอะไรไม่เห็นเลย”
“ข้ามองเห็นก็พอแล้ว” ซ่านจินจื๋อช่วยนางเช็ดหยดน้ำบนผม ดวงตาสีขาวเทาจ้องไปที่เขาอย่าจริงจัง “นี่ใช่อ๋องจิ้งจริงหรือเปล่าเนี้ย?”
“ทำไม?” ซ่านจินจื๋อโอบนางกลับมา
“เจ้าละเอียดกว่ากุ่ยเม่ยอีกนะเนี้ย ต่างก็บอกกันว่าเจ้านอกจากสนามรบกับราชสำนักแล้ว ไม่รู้เรื่องเล็ก ๆ อะไรพวกนี้เหรอ?” กู้อ้าวเวยปล่อยให้เขาเช็ดผมไป แต่ว่าแรงทำให้นางรู้สึกเจ็บ แต่ว่ามันก็ไม่เหมือนกับท่านอ๋องหน้าโหดที่เขาว่ากันเลย
“ไว้กลับไปจะให้คนเอาเนื้อกวางไปทำสุกี้ให้เจ้ากิน” ซ่านจินจื๋อพูดจบ ก็ยกมือปิดปากนาง แล้วทำมือให้นางหยุดพูด
กู้อ้าวเวยตาโต แล้วค่อย ๆ ยกขาขึ้นมา ในหูมีเสียงขุดดินดังขึ้น