บุบผาร้อยเสน่ห์ – ตอนที่ 921

ตอนที่ 921

บทที่ 921 ตกหล่น

“ทำไมเจ้าถึงได้มั่นใจนักว่าฝ่าบาทเป็นคนเอาตัวพี่สาวนางไป”

ฉีหรัวเหมือนจะทนไม่ไหวลุกขึ้นยืน แล้วมองไปที่นางอย่างเงียบ ๆ “เจ้าพูดอย่างมั่นใจทุกครั้ง แต่ทุกอย่างก็ไม่มีหลักฐานเลย”

“หลักฐานก็คือข้า ที่พวกเขาต้องการก็คือข้า ดังนั้นข้ารู้” กู้อ้าวเวยเองก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นมายืนเหมือนกัน “พี่ยู่จือคิดอยากจะให้ข้าไปเป็นพวกเดียวกับนาง นางมาที่จวนหลายครั้งแล้วแต่ไม่มีใครรู้ นี่ก็เพียงพอที่จะยืนยันถึงความสามารถของนางแล้วว่ามันยอดเยี่ยมแค่ไหน หลังจากกลับไปแล้วก็ไม่มีใครรู้ว่านางอยู่ที่ไหน อีกทั้งหลังจากที่บัณฑิตคนนั้นตายไปได้ไม่นานก็หายตัวไป ส่วนความทรงจำของข้ามันก็ขาดลงในช่วงเวลานั้น ทุกอย่างมันจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญเหรอ?”

เดิมทีนางก็ไม่เข้าใจเรื่องนี้เลย แต่ขอแค่ไม่ไปคิดเรื่องเป้าหมายกับเรื่องยุ่งยากของตระกูลตงฟางชั่วคราว ทุกอย่างก็จะกระจ่าง

“คนในโลกนี้ที่รู้เรื่องของตระกูลยู่เดิมก็มีไม่มากอยู่แล้ว แต่ราชวงศ์ตระกูลซ่านเป็นข้อยกเว้น ถ้านับแบบนี้ คนที่สามารถลงมือได้จะมีสักกี่คน?” กู้อ้าวเวยค่อย ๆ นับวันเวลาในตอนนั้น นางขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “แต่ว่าข้าอาจจะผิดก็ได้ แต่จะพูดความคิดออกมาบ้างมันก็ใช่ว่าจะไม่ได้”

สายตาของโม่ซานเหมือนจะตกใจกลัว

ส่วนฉีหรัวที่อยู่ข้าง ๆ ก็อ้าปากค้าง จากนั้นก็พูดด้วยความจนใจว่า “ข้าคิดว่าช่วงนี้เจ้าน่าจะสับสนนะ”

“ข้าก็แค่มองเห็นความคิดของตัวเองชัดขึ้นเท่านั้น แต่ไม่ได้หมายความว่าข้าจะไม่ไปคิดทบทวนเรื่องพวกนี้นะ” กู้อ้าวเวยนวดไปที่หัวไหล่ที่เปวดเมื่อย นางค่อย ๆ คลำกำแพงเดินไปที่ห้องยา แล้วพูดว่า “แต่ว่าข้าคิดแบบนี้ ไม่แน่ว่าซ่านจินจื๋ออาจจะเดาออกแล้วบ้าง แต่เขาไม่พูดเท่านั้นเอง”

“กลัวใครมาได้ยินเหรอ?”

“ไม่ เจ้าลองคิดดูสิ หากข้ายอมให้หยูนซีฟื้นคืนชีพขึ้นมา เขากับหยูนซีหลังจากกลับมาอยู่ด้วยกันแล้ว ทำไมยังคิดที่จะให้ซ่านจินจื๋อสืบทอดบัลลังก์อีกล่ะ?” กู้อ้าวเวยถอนหายใจ แล้วพูดว่า “เป้าหมายที่อยู่เบื้องหลังข้าเดาไม่ถูก ทำได้แค่ให้ซ่านจินจื๋อไปคิดเอาเอง”

นางเดินออกไปสองก้าว ก็เดินไปชนกับกุ่ยเม่ยที่กำลังถือกล่องอาหารเดินมา กุ่ยเม่ยหยุดไม่ทัน เลยรีบเกี่ยวนางที่กำลังจะสะดุดเอาไว้ อีกมือก็ยกแขนที่ถือกล่องอาหารขึ้นแล้วพูดกับโม่ซานว่า “กินอะไรกันก่อนเถอะ”

ฉีหรัวกับกู้อ้าวเวยในหัวมีคำพูดผุดขึ้นมา —— เห็นผู้หญิงดีกว่าเพื่อน

กู้อ้าวเวยเลยจำใจไม่ศึกษาเรื่องหญ้าสมุนไพรในห้องยาก่อน แล้วถูกกุ่ยเม่ยลากไปกินข้าวที่ห้องอาหาร กินมาได้เกือบครึ่ง กู้อ้าวเวยก็วางตะเกียบลง “ข้าเพิ่งนึกขึ้นมาได้เรื่องหนึ่ง”

“มีอะไร?” กุ่ยเม่ยหยุดคีบอาหารให้กับโม่ซาน

“ในสุสานไร้ญาตินั่นมันมีคนตายนับไม่ถ้วน พวกเจ้าบอกเองไม่ใช่เหรอว่าถนนที่มีคนวุ่นวายในเวลานั้นตอนนี้มันเป็นระเบียบมาก หลายคนได้ขึ้นทะเบียน แล้วคนตายพวกนั้นมาจากไหน?” กู้อ้าวเวยขมวดคิ้ว

ไม่รอให้โม่ซานกับฉีหรัวได้คิดอย่างละเอียด กุ่ยเม่ยก็หน้างอแล้วยัดตะเกียบใส่มือนาง “เวลากินข้าวมาพูดเรื่องสุสานไร้ญาติอะไร กินข้าว”

กู้อ้าวเวยหดคอลง พอคิดว่าช่วงนี้กุ่ยเม่ยดุมาก ก็เลยยอมกินข้าวแต่โดยดี

“เจ้านี่เก่งมากเลย” โม่ซานยกนิ้วโป้งให้เขา ฉีหรัวเองก็พยักหน้า

กุ่ยเม่ยไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดี นิสัยของเขาถูกกู้อ้าวเวยกับฉูห้าวฝึกออกมา สองพี่น้องนี่เวลาทำอะไร ไม่เคยสนใจฐานะกับความปลอดภัยของตัวเองเลย

หลังกินข้าว กู้อ้าวเวยถึงได้พูดว่า “ข้าพูดต่อได้แล้วหรือยัง?”

“เรื่องนี้ข้าจะไปบอกท่านอ๋องเอง เจ้าไม่ต้องกังวล” กุ่ยเม่ยตบไปที่หัวของนาง “ไม่สบายหายแล้วหรือยัง?”

“ไม่เป็นอะไรแล้ว” กู้อ้าวเวยจับไปที่หัวของนาง นางมองไปที่เขา “เจ้าช่วยข้าสืบเรื่องในตอนนั้นได้ไหม?”

“เรื่องอะไร?” โม่ซานเอ่ยปากขึ้นมาก่อน

“บัณฑิตที่ข้าชอบในตอนนั้นดูผิวเผินเหมือนจะไม่ได้มีอะไร แต่หากรู้ว่าเขาเคยไปมาหาสู่กับใครบ้าง ก็น่าจะรู้ว่าเบื้องหลังของสุสานไร้ญาตินอกจากตระกูลตงฟางแล้วยังมีใครอีกไหม ถ้าไม่ได้เป็นอย่างนั้น เขาจะถูกโยนเข้าไปในกองศพพวกนั้นได้ยังไง?” กู้อ้าวเวยวางตะเกียงลง นางกระพริบตา “อีกอย่างกุ่ยเม่ยเมื่อกี้ก็พูดถึงว่ามีจดหมายของชิงจือ”

กุ่ยเม่ยรู้สึกปวดหัวจนต้องนวดหัว เขาเห็นโม่ซานลุกขึ้นยืน “ข้าจะลองไปสืบข่าวดู กุ่ยเม่ยเจ้าเฝ้านางเอาไว้ให้ดี”

“พวกเจ้าไปด้วยกันเถอะ ข้ามีฉีหรัวอยู่ด้วย” กู้อ้าวเวยดึงเสื้อของฉีหรัวมา

เห็นฉีหรัวฝืนพยักหน้า กุ่ยเม่ยถึงได้ไปกับโม่ซาน กู้อ้าวเวยเลยถอนหายใจอยู่ข้าง ๆ นางยกมือขึ้นมาปาดเหงื่อ

เมื่อเอาน้ำอุ่นมาให้นางแล้ว ฉีหรัวก็ถึงได้สงบใจนั่งลงคุยกับนาง “เจ้าตั้งใจทำให้พวกเขาออกไป”

“ก็แค่หายใจหายคอไม่สะดวก” กู้อ้าวเวยยักไหล่ นางกระพริบตา “จะว่าไปแล้วพวกเขาก็ถือว่าเป็นคนของทางการ แต่ว่าเจ้าไม่ใช่ ดังนั้นข้าเชื่อใจเจ้ามากกว่า”

“เจ้าอยากให้ข้าช่วยอะไรเจ้า?” ฉีหรัวมองไปที่นางด้วยความเป็นห่วง นางรู้ว่าหลายวันที่ผ่านมาที่นางอยู่กับกุ่ยเม่ยกับซ่านจินจื๋อนางฝืนเอามาก ๆ ในใจก็คงยังไม่ไว้ใจ

“ข้าแค่อยากจะถาม พวกเขาพูดเรื่องพวกนั้นกัน มันจริงหรือเปล่า แล้วเมื่อก่อนมันเกิดอะไรขึ้นกับข้า?” กู้อ้าวเวยจับมือนางอย่างจริงจัง “ข้าเชื่อว่าเจ้าจะไม่หลอกข้า”

ลางสังหรณ์มันเป็นอะไรที่น่ากลัวมาก

บางเรื่องซ่านจินจื๋ออาจจะเอ่ยปากลำบาก กุ่ยเม่ยเองก็เลือกที่จะเลี่ยงแผนการในคราวนั้น แต่ฉีหรัวเป็นแค่คนนอก นางคิด แล้วฉวยโอกาสที่คนที่เหลือยังไม่กลับมา เล่าเรื่องทุกอย่างในตอนนั้นทั้งหมดให้ฟัง

ในจวนอ๋องจิ้ง

ซ่านจินจื๋อกำลังเล่นปิ่นหยกอยู่ในมือ เขาเอ่ยปากเรียกเฉิงซาน “ปิ่นหยกนี่ช่างคนนั้นมอบให้กับแม่ของกู้เฉิง แต่ว่ามันไม่เคยถูกส่งมอบให้กับกู้เฉิงเลย แต่มันกลับไปอยู่ในมือของหยูนซี”

เขาขมวดคิ้วแน่นมาก มือของซ่านจินจื๋อชะงักไป “แม่ของกู้เฉิงทำงานอะไร?”

“แม่ของเขาเป็นแค่ช่างเย็บผ้าเท่านั้น บ้านของนางเป็นบ้านเศรษฐีคนหนึ่งที่อยู่ริมชายแดนทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ต่อมาล้มละลาย ก่อนที่กู้เฉิงจะกลายเป็นเสนาบดีก็ตายไปก่อน แต่เหมือนว่านางจะล้มป่วย มีคนรุ่นหลังของตระกูลหยุนมารักษาอาการให้ คิดว่าน่าจะเป็นในตอนนั้นที่ไปอยู่ในมือของตระกูลหยูน หลังจากนั้นก็ตกมาอยู่กับหยูนซี” เฉิงซานปิดสมุดบันทึก

“ในวังผิดสังเกตอะไรบ้างไหม?” ซ่านจินจื๋อจับไปที่คิ้วแล้วถาม

“ไม่มีอะไรผิดสังเกตเลย อีกทั้งก็ไม่ได้ไปตามหาตัวพี่ยู่จือด้วย” เฉิงซานส่ายหน้าอย่างจนใจ ผ่านไปครู่หนึ่งก็พูดขึ้นมาว่า “แต่ว่าท่านอ๋องเดาเอาไว้ไม่ผิดเลย หากคำนวณจากเวลาในตอนนั้น หากพี่ยู่จืออยู่มาปรากฏตัวที่จวนเฉิงเสี้ยงจริง แล้วหลังจากนั้นก็หายตัวไป ตอนนั้นก็บังเอิญมีการรับนางกำนัลหนึ่งชุดเข้าวังไปเป็นกรณีพิเศษพอดี ถึงแม้รอบนั้นจะรับมาแค่ยี่สิบกว่าคน แต่ในบันทึกกลับเขียนไว้ว่าสิบแปดคน หายไปหลายคน”

“ถ้าอย่างนั้น ที่แอบเข้าวังไปอย่างลับ ๆ ก็ไม่ได้มีแค่พี่ยู่จือคนเดียวสินะ?” ซ่านจินจื๋อขมวดคิ้วหนักมาก

“ถูกแล้ว อีกทั้งที่สุสานไร้ญาติก็มีคนถูกฝังหลายคน ข้าส่งไปตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว เหมือนจะมีหลายคนมาจากหมู่บ้านประมง นอกจากนี้ยังบางส่วนเหมือนจะเป็นนักโทษที่ออกมาจากคุก” เฉิงซานพูด

เขายื่นสมุดบันทึกรายชื่อของพวกเขาให้กับซ่านจินจื๋อ

เมื่อเห็นรายชื่อบนสมุดบันทึก ซ่านจินจื๋อก็หน้านิ่ง “ทำไมตอนแรกที่ตรวจสอบเรื่องอดีตของกู้อ้าวเวยถึงได้ไม่มีใครรู้เลยว่าพี่ยู่จือเคยอยู่ในจวนมาก่อน?”

“ข้าน้อยไปสอบถามคนเก่าแก่ของจวนเฉิงเสี้ยงมาหลายคน ก็ไม่เคยได้ยินพวกเขาพูดมาตั้งแต่คำเดียว แสดงว่าพี่ยู่จือน่าจะมีความสามารถอะไรอยู่บ้าง”

หากพี่ยู่จือเข้าออกมาจวนเฉิงเสี้ยงได้อย่างอิสระ แล้วนางจะถูกขังจนหายตัวไปได้ยังไง หรือว่าถูกคนเก็บไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว

บุบผาร้อยเสน่ห์

บุบผาร้อยเสน่ห์

Status: Ongoing

ฟิ้ววว นางข้ามพภแล้ว!!!แพทย์โดดเด่นทันสมัยกู้อ้าวเวยข้ามภพกลายเป็นลูกสาวคนโตของเฉิงเสี้ยง อยากฆ่าข้าหรือ?มีดผ่าตัดของข้าสามารถทำให้เจ้าพิการทั้งตัวเลยนะ เปิดร้านยา ช่วยชาวบ้าน ถึงจะเป็นฮ่องเต้ก็อยากมาคบหาข้า นี่ท่านอ๋องชายเลว เจ้ากำลังแกล้งข้าอยู่รึ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท