บทที่ 925 เช่นกันเช่นกัน
“เป็นถึงท่านอ๋อง จู้จี้จุกจิกขนาดนี้ไม่อายหรือไง”
“วู่วามทุกวันไม่สนชีวิต ไม่กลัวญาติมิตรสหายเป็นห่วงเลย”
ซ่านจินจื๋อจับนางแล้วกระโดดลงมาจากหลังคา เห็นนางดูห่อเหี่ยวก็ทำได้แค่ส่ายหน้าด้วยความจนใจ “ข้าส่งเจ้ากลับไปร้ายยาเหย้า”
“เมื่อกี้ที่ข้ามา คนของเจ้าเห็นข้าแล้วใช่ไหม? ดังนั้นข้าถึงได้เข้ามาได้อย่างราบรื่นไม่มีใครขวางเลย?” กู้อ้าวเวยยังคงจับเสื้อของเขาไว้แน่น แล้วเงยหน้ามองไปที่เขา “เจ้ารู้ได้ยังไงว่าข้ามา”
“คนในจวนไม่ว่าใครก็รู้ว่าขวางเจ้าไม่ได้ แต่ว่าพวกเขาเองก็ไม่กล้ายุ่งกับเจ้า เลยมาบอกข้า” คอเสื้อของซ่านจินจื๋อเหมือนคลายออกเล็กน้อย ด้านในมีแค่เสื้อบาง ๆ หนึ่งตัว
ท่าทางที่ลุกขึ้นจากเตียงแบบขรึม ๆ
กู้อ้าวเวยผ่อนปลายนิ้ว “ขอโทษ”
“ไม่เป็นไร” ซ่านจินจื๋อจับไปที่หน้าของนาง แล้วยื่นเมล็ดพันธุ์ให้นาง ส่วนกล่องไม้ก็เก็บเข้าเสื้อไป “กล่องไม้นี่ให้จางเหยียงซานไปจัดการก็แล้วกัน”
“ใครกัน?” กู้อ้าวเวยรู้สึกสงสัย
“ถือว่าเป็นลูกศิษย์ของเจ้า เขาเก่งเรื่องพิษมาก เพียงแต่ตอนนี้เปิดเผยตัวยังไม่ได้” ซ่านจินจื๋ออธิบาย เขาจูงมือของนางแล้วเดินไปที่ทางเดิน พอเดินผ่านเรือนรับรองก็เห็นเรือนของตงฟางซวนเอ๋อกับจี้ซูยังเปิดไฟอยู่
ซ่านจินจื๋อเงยหน้าขึ้นมา เขาพบว่าตอนนี้ฟ้าเริ่มสว่างแล้ว คุณหนูทั้งสองเหมือนกำลังจะตื่นนอน
เขาอดที่จะเร่งความเร็วในการเดินไม่ได้ กู้อ้าวเวยกลับจับมือของเขาเอาไว้ แล้วใช้จมูกดม “กลิ่นยาบำรุงครรภ์นี่นา”
ซ่านจินจื๋อดมกลิ่นยาที่เขาแทบจะไม่รู้สึก แล้วลากนางเดินขึ้นหน้าไป “มันไม่เกี่ยวกับเจ้า”
นางจับไปที่ปลายจมูก กู้อ้าวเวยคิดแล้วก็ยังหยุดเดิน จากนั้นก็ดึงมือของซ่านจินจื๋อเอาไว้ “ข้ากลัวว่าหลังจากที่ข้ากลับไปแล้ว กุ่ยเม่ยจะด่าข้า”
“แล้ว?”
“ข้าอยู่ที่ห้องหนังสือของเจ้าก่อนชั่วคราวได้ รอเจ้าอธิบายให้เขาฟังแล้วข้าค่อยกลับไป” กู้อ้าวเวยหดคอลง ไม่แน่ว่ากุ่ยเม่ยกับโม่ซานจะไม่โทษฉีหรัว แต่พอคิดว่านางให้ฉีหรัวอยู่ที่ร้ายยาเหย้า แล้วตัวเองก็ปีนกำแพงออกมา คิดว่ากุ่ยเม่ยกับซ่านเชียนหยวนต้องหาเรื่องนางแน่
นางทำท่าทางน่าสงสารสุด ซ่านจินจื๋อเองก็จนปัญญา “ถ้าอย่างนั้นเจ้าห้ามส่งเสียงนะ”
“ข้าจะได้อยู่ดูด้วยว่าผู้หญิงสองคนที่อยู่ในจวนของเจ้ามาดีหรือเปล่า” กู้อ้าวเวยเงยคางขึ้นมาอีกครั้ง นางรี่ตามองเขา “อีกอย่างท้องแค่ไม่กี่เดือนก็กินยาบำรุงครรภ์แล้ว เจ้าไม่กลัวนางหลอกเจ้าหรือไง”
ซ่านจินจื๋อลากนางเดินหน้า เลี่ยงไปอีกทางหนึ่งที่กำลังมีสาวใช้ยกยาบำรุงครรภ์กับอาหารเช้าเดินมา แล้วพูดว่า “นอนหลับดีดีสักตื่นหนึ่ง เข้าใจหรือเปล่า?”
“รู้แล้ว” กู้อ้าวเวยรีบพยักหน้า
เมื่อมาถึงห้องหนังสือของซ่านจินจื๋อ พื้นที่ด้านหลังฉากบังลมเหมือนจะมีของเพิ่มขึ้นมาไม่น้อยเลย ไม่ว่าจะผ้าห่มกำยานไม่ว่าอะไรก็มีหมด มีเตียงนอนที่เปลี่ยนเป็นขนาดใหญ่ขึ้น กู้อ้าวเวยถึงแม้จะจำไม่ได้ แต่ว่านางกอดผ้าห่มสักพักก็หลับไป
ซ่านจินจื๋อนั่งอยู่ที่เก้าอี้แล้วเหลือบไปมอง จากนั้นถึงได้วางพู่กันลง จากนั้นก็สั่งเฉิงซานไปว่า “เจ้าไปหากุ่ยเม่ยหน่อย บอกเขาว่าพรุ่งนี้ข้าจะส่งนางกลับไป ให้เขากับโม่ซานไปสืบได้อย่างสบายใจ แล้วรับฉีหรัวกลับมาไม่อย่างนั้นหากหยวนเอ๋อไม่เจอนางจะเป็นเรื่อง”
“ขอรับ” เฉิงซานยกมือคำนับ จากนั้นก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้เขาพูดเสียงเบา ๆ ว่า “คุณชายฉีบอกว่าอยากจะไปพบเด็กที่วางยาตระกูลตงฟาง”
“เขาจะไปทำอะไร?”
“เขาบอกว่าเขามีเพื่อนมาก ไม่แน่ว่าอาจจะเจรจาได้” เฉิงซานพูด
ฉีหลินมักจะช่วยฉีหรัววิ่งทำการค้าไปทั่ว สำนักคุ้มภัยทั้งหลายในแต่ละท้องที่เขารู้จักเกือบหมด การเดินทางไปมาเขารู้จักชาวยุทธ์ไม่น้อย คิดไปคิดมาก็เข้าท่า ก็เลยรับปากตกลง
“บอกคนที่มาให้ทำอะไรเบา ๆ หน่อย” ซ่านจินจื๋อสั่งกำชับไป
สาวใช้บ่าวไพร่ด้านนอกต่างพยักหน้า พ่อบ้านเลยหาเหตุผลบอกไปว่าท่านอ๋องอยากอยู่เงียบ ๆ ให้ทุกคนส่งเสียงเบา ๆ หน่อย ก็เลยไม่มีใครผิดสังเกต
เพียงแต่พอถึงเที่ยง พ่อบ้านก็ให้สาวใช้ที่ไว้ใจได้มาส่งอาหารให้ กู้อ้าวเวยยังนอนหลับลึก ถูกสาวใช้ปลุก เลยจำใจออกมาจากผ้าห่ม
“ไว้ค่อยมาปลุกนางใหม่” ซ่านจินจื๋อเดินขึ้นหน้ามา แล้วห่มผ้ากลับไปให้ใหม่ ในใจของเขาเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
ก่อนหน้านี้กู้อ้าวเวยมักตกใจตื่นง่าย ๆ ต่อให้ข้าง ๆ นางจะเป็นเขา ขยับนิดเดียวนางก็จะลืมตาขึ้นมาแล้ว แต่ว่าตอนนี้นางกลับหลับแบบไม่มีการระวังตัวเลย มันทำให้คนเป็นห่วง
น่าเสียดายที่เขายังคิดไม่ออกว่าจะทำยังไงทำให้นางหาเวลาพักผ่อน ดูแลร่างกาย สาวใช้ด้านนอกเดินเข้ามาแล้วพูดว่า “ท่านอ๋อง คุณหนูทั้งสองเอาอาหารกล่องมาให้ บอกว่าอยากจะกินอาหารพร้อมกับท่าน”
“แกร็ก ——”
พู่กันในมือเปลี่ยนรูป ซ่านจินจื๋อวางลงแบบไม่เปลี่ยนสีหน้า เขาพูดว่า “ห้องหนังสือของข้ากลายเป็นห้องอาหารไปตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ข้าน้อยจะเรียนแม่นางทั้งสองเดี๋ยวนี้เพคะ” สาวใช้เหงื่อไหลออกมาเป็นสายฝนเลย
“กินข้าวหรือยัง?” เสียงของกู้อ้าวเวยดังออกมาจากหลังฉากบังลม นางค่อย ๆ คลานออกมาจากผ้าห่ม นางหรี่ตาลง แล้วมองไปที่ซ่านจินจื๋อ “สุกี้เนื้อกวางล่ะ?”
“ไปเตรียมมา” ซ่านจินจื๋อมองไปที่นางที่กำลังดึงผ้าห่มแบบไม่รู้ว่าจะดีใจหรือเสียใจดี เขาโบกมือ “บอกพวกนางว่าไม่ต้องมาแล้ว หากจะกลับบ้าน ก็ให้ไปเลือกของที่ห้องเก็บ”
กู้อ้าวเวยกระพริบตา แล้วลุกขึ้นมา “เจ้าให้แม่นางพวกนั้นกลับบ้านพวกนางคนเดียว มันขายหน้านะ”
“พวกนางยอมเป็นอนุอยากจะเข้ามาในจวน พวกนางไม่มีหน้าแล้ว” ซ่านจินจื๋อลุกขึ้นไปนั่งที่ริมเตียง เขามองนางหาวแล้วก็สวมเสื้อนอก ก็พูดว่า “พอได้ยินว่าจะกินข้าวก็ตื่นเลยเหรอ?”
“เมื่อคืนท้องข้าไม่มีอะไรเลย เมื่อวานนั่งฟังฉีหรัวพูดตลอดบ่ายเลย กินแค่ขนมครึ่งก้อนเอง” พูดถึงตรงนี้ กู้อ้าวเวยก็เอามือลูบท้อง แล้วมองไปที่หน้าต่าง “ฝนหยุดตกแล้ว ข้ายังปวดเอวอยู่เลย”
ซ่านจินจื๋อยกมือไปนวดให้นาง แล้วพูดว่า “นอกจากเนื้อกวางแล้วอยากกินอะไรอีก?”
“ขนมดอกกุ้ยฮวา” กู้อ้าวเวยตอบรับ
“อาหารหลัก” ตอนที่นางสวมเสื้อนอก ซ่านจินจื๋อก็ไปหยิบเสื้อผ้าสะอาดมายื่นให้
นางรับเสื้อผ้ามมาใส่ กู้อ้าวเวยไม่ได้สนใจว่านางจะสวมเสื้อผ้าท่าทางดูทันสมัยไหม นางเดินเหยียบรองเท้าแล้วก็ลงมาเดิน นางปัดเสื้อผ้า “ตอนนี้คิดไม่ออก แต่ว่ากินสุกี้เนื้อกวางข้าก็กินผิดไม่ได้นะ ถ้าอย่างนั้นกินผัดผักดีกว่า จะได้ไม่ต้องออกจากห้องหนังสือด้วย จะได้ไม่ต้องยุ่งยาก”
สาวใช้หน้าประตูได้ยินกู้อ้าวเวยพูดมาแบบนี้ ก็รีบไปกันทันที
ซ่านจินจื๋อก็ประหยัดคำสั่งไป เห็นนางเดินคลำ ๆ หาเก้าอี้ที่อยู่ด้านข้างแล้วนั่งลง จากนั้นก็ยกถ้วยขึ้นมาบ้วนปาก ต่อมาเหมือนจะคิดอะไรขึ้นมาได้ “เมื่อกี้ข้า เหมือนจะทำไม่เหมาะสมกับจารีตประเพณีเลย”
นางรีบใส่รองเท้าให้ดี เหมือนนางจะนึกได้แล้วว่านางไม่ได้อยู่ในตำแหน่งเหมือนก่อนแล้ว
“ข้าไม่สนใจพวกจารีตประเพณีหรอก เจ้าตามสบายเถอะ” ซ่านจินจื๋อชอบการสัมผัสตัวนาง หากมานับความจารีตประเพณี เขาแตะเนื้อต้องตัวกู้อ้าวเวยมันก็ไม่เหมาะสมเหมือนกัน
“ขอแค่ไม่มีใครเห็นก็พอใช่ไหม?” กู้อ้าวเวยพูดไปด้วยบ้วนปากไปด้วย
ซ่านจินจื๋อพยักหน้า แล้วสั่งให้สาวใช้ให้เอากับข้าวมาสามอย่างน้ำแกงมาหนึ่งอย่าง กู้อ้าวเวยเองก็กินอย่างมีความสุขแล้ว