บุบผาร้อยเสน่ห์ – ตอนที่ 918

ตอนที่ 918

บทที่ 918 อธิบายไม่ถูก

ก่อนหน้านี้ก็แค่ปิดบังสายตาชาวบ้าน แต่ตอนนี้กลับยกก้อนหินมาทับขาตนเอง

หลังจากที่กลับจากวังแล้ว ซ่านจินจื๋อมีความรู้สึกว่าคนใบ้กินอึ่งโน้ย ขมแต่พูดไม่ออก ซ่านเชียนหยวนที่ช่วยเขาตามหาแมวในตอนดึกนั้น กลับหัวเราะเยาะ “หากกู้อ้าวเวยรู้เรื่องนี้……”

คำพูดที่เหลือนั้นโดนตีกลับเข้าไปในท้องด้วยตาคมของซ่านจินจื๋อ

ซ่านเชียนหยวนจับจมูกด้วยความรู้สึกผิด บอกว่าจะไปรับฉีหรัวไปที่ตำหนักอ๋องจิ้ง แล้วหายไปเลย ปล่อยเรื่องนี้ให้ซ่านจินจื๋อจัดการคนเดียว ซ่านจินจื๋อจึงขึ้นรถม้า แล้วขยี้เบาๆ ที่ศีรษะ

นี่คงเป็นเวรกรรมตามทันสินะ

ก่อนหน้านี้มีเรื่องกู้จี้เหยาท้องกับคนอื่น แล้วตอนนี้ก็มีหญิงสาวอีกคนที่ไม่รู้แม้แต่ชื่อ เขากลับอดไม่ได้อยากหัวเราะ หากเขาไม่เอาเรื่องสมรสมาเดิมพันตั้งแต่แรก ตอนนี้ก็จะไม่เป็นเช่นนี้

ในตอนที่กลับไปถึงตำหนัก ฝนก็ตกหนักขึ้น ทหารที่เฝ้าอยู่นอกห้องกู้อ้าวเวยมาทูล “เมื่อครู่แม่นางยู่ชิงไปที่ห้องครัว ตอนนี้กำลังคุยกับแม่ครัวอยู่”

“ในตำหนัก เรียกนางว่าคุณหนู นางชอบให้ผู้อื่นเรียกนางเช่นนี้” ซ่านจินจื๋อยื่นร่มให้บ่าว จากนั้นก็มีสาวใช้มาเช็ดเสื้อผ้าที่เปียกให้เขา นี่เป็นเรื่องธรรมดา แต่เขากลับไล่คนออกด้วยความรำคาญ แล้วเดินเข้าไปในห้องครัว

ห้องครัวของตำหนักอ๋องจิ้งอยู่ในที่ที่เปลี่ยวที่สุด ตอนที่มาถึงตรงนี้ ซ่านจินจื๋อกำลังฟังเสียงหัวเราะของกู้อ้าวเวย แล้วยังมีสาวใช้อีกสองคนที่เปียกไปทั้งตัววิ่งรอบๆ ตัวนาง และกู้อ้าวเวยก็ช่วยพวกเขาเช็ดผม พร้อมกับพูดกับแม่ครัว “ป้าคะ ข้าจะพาพวกนางไปเปลี่ยนเสื้อผ้านะเจ้าคะ”

“นี่…..เกรงใจเจ้าค่ะ” แม่ครัวใช้เสื้อผ้าเช็ดมือเล็กน้อย แล้วรีบดึงสาวใช้ทั้งสองเข้าไป จากนั้นจึงเห็นมีคนมองอยู่ทางที่ไม่ไกลมาก จึงรีบดึงเด็กทั้งสองมาแล้วคารวะซ่านจินจื๋อ “ขอคารวะท่านอ๋องจิ้งเจ้าค่ะ!”

สาวใช้ทั้งสองเองก็คุกเข่าแล้วคารวะ จากนั้นก็ไปหลบหลังแม่ครัว

รอยยิ้มบนใบหน้าของกู้อ้าวเวยหายไป หันกลับไปนั้นเห็นคนยืนอยู่ตรงนั้น เก็บผ้าแล้วลุกขึ้น “ป้าคะ ช่วยทำอาหารให้ทานหน่อยนะคะ”

ป้ามองทั้งสองคนสลับไปมา เห็นซ่านจินจื๋อพยักหน้าจึงกลับไปทำกับข้าว แล้วสั่งให้สาวใช้สองคนนี้ไปอยู่ในห้องฟืน โยนผ้าไปให้เพื่อเป็นการไล่

ซ่านจินจื๋อค่อยๆ เดินเข้ามา เห็นนางนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ แล้วข้างๆ มีฟืนแห้ง ปลายกระโปรงมีรูที่โดนแมวข่วนจนขาด ผมก็ปล่อยอยู่ข้างแก้มด้วยความยุ่ง ไม่เหมือนคุณหนูผู้ร่ำรวยเลยแม้แต่น้อย

“ให้คนส่งข้าวมาก็พอ”

“เกรงว่าจะมีคนวางยา” กู้อ้าวเวยชี้ที่จมูกของตนเอง “หากไม่ใช่เพราะเพิ่มสารลงในโถกำยาน ข้าคงไม่หลับเร็วเช่นนั้น”

ซ่านจินจื๋อจับที่จมูกของนาง แล้วพูดอย่างอ่อนโยน “หากไม่เช่นนี้ เจ้าจะนอนอย่างสบายใจหรือ?”

“เจ้าวางยาก่อน กลายเป็นมีเหตุผลกว่าสินะ” กู้อ้าวเวยมองบน แล้วหันข้างไปหยิบฟืนแล้วโยนเข้าไปในหลุม จากนั้นก็ปัดๆ ฝุ่นออกแล้วนั่งลง

ซ่านจินจื๋อช่วยนางเช็ดฝุ่นบนใบหน้าออก แล้วนั่งลงสบตานาง “เป็นความผิดของข้า ตอนนี้มีอีกเรื่อง ที่ข้าจะอธิบายให้เจ้า เจ้าอยากฟังไหม?”

“จะอยากหรือไม่อยาก เจ้าก็ต้องเล่าอยู่ดี”

ซ่านจินจื๋อเล่าเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบให้นางฟัง คิดว่านางจะกริ้วโกรธ แต่นางกลับอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา แล้วเงยหน้าขึ้นมามองเขาตาหยี “ครั้งนี้เจ้าเวรกรรมตามสนองเลยจริงๆ ใครให้เจ้าไปยุ่งกับหญิงสาวพวกนี้กัน”

“เจ้าไม่โกรธหรือ?” ซ่านจินจื๋ออดไม่ได้ที่จะถาม

“มีอะไรน่าโกรธ ไม่ว่ายังไง เจ้าก็ไม่ได้มีเพียงข้าคนเดียวอยู่แล้ว” รอยยิ้มบนใบหน้าของกู้อ้าวเวยยังคงอยู่ หญ้าแห้งในมือหล่นไปอยู่บนไหล่ของซ่านจินจื๋อ “แต่ข้ากลับเป็นหญิงสาวที่ไร้ความรู้สึก หากวันที่เจ้าสมรส พวกข้าก็จะตัดขาดกัน อี้จื๋อชิงจือจะนับถือเจ้าเป็นบิดา หลังจากนั้นข้าก็จะพบเจ้าบ่อย และทำดีต่อกันก็พอ”

“เจ้าช่างไร้ความรู้สึกจริงๆ” ซ่านจินจื๋อปัดเศษหญิงบนไหล่ออก “เจ้าไม่ขอให้ข้าอยู่หรือ?”

“คนที่จะไปนั้นข้าขอให้อยู่ต่อไม่ได้หรอก” กู้อ้าวเวยค่อยๆ ลุกขึ้น แล้วหันไปพูดกับป้า “ป้าคะ แบ่งของข้าให้สาวใช้สองคนนั้นเถอะค่ะ วันหลังข้าค่อยมากินหมี่ของป้านะคะ”

พูดจบ นางก็ก้าวเดินออกไปอย่างช้าๆ บนใบหน้าไม่มีความรู้สึกใดๆ เหมือนไม่เก็บเรื่องนี้มาคิดเลย

ซ่านจินจื๋อเดินเข้าไปหาด้วยความปวดศีรษะ “ข้าไม่สมรสกับหญิงอื่นแน่นอน”

“เอาไม้แกะสลักของชิงจือให้ข้าก่อน” กู้อ้าวเวยหันมา แล้วยื่นมือไปขอเขา

“เจ้าไม่สนใจข้าเลยแม้แต่น้อย” ซ่านจินจื๋อจึงยื่นไม้แกะสลักหนึ่งชิ้นที่มือของนาง แล้วถือโอกาสจับมือของนาง “ข้าจะใช้การกระทำพิสูจน์เอง”

กู้อ้าวเวยปล่อยให้เขาพาตนเองเดินไปข้างหน้า และอีกมือก็ถือไม้แกะสลักไว้ รอให้โดนปล่อยไว้บนเตียงแต่โดนกดที่ไหล่นั้น นางจึงเอ่ยปากพูดด้วยความอึ้ง “เจ้าจะทำอะไร?”

“เดี๋ยวหมอมาเจ้าก็จะรู้เอง” ซ่านจินจื๋อกักตัวนางอยู่บนที่นอน แล้วมืออีกข้างก็กดที่ขาของนาง

กู้อ้าวเวยพยายามดิ้นรนก็ไม่มีประโยชน์ จึงต้องยอม “ข้าไม่ได้หนีสักหน่อย”

“โอกาสที่จะได้ใช้มือใช้เท้านั้นมีไม่มาก” ซ่านจินจื๋อจับที่ไหล่อันผอมแห้งของนาง แต่กลับทำให้กู้อ้าวเวยไม่พอใจ จากนั้นจึงจ้องเขาแล้วปล่อยเขาไป

รอให้ซู๋โหย่วเว่ยเข้ามา ซ่านจินจื๋อก็แค่ไอเบาๆ แล้วไปนั่งข้างๆ หลังจากที่ซู๋โหย่วเว่ยวัดชีพจรแล้วสีหน้าไม่ดี สีหน้าของซ่านจินจื๋อเองก็แย่ตามไปไม่น้อย

กู้อ้าวเวยเก็บมือ แล้วนอนตะแคงบนเตียง

ซู๋โหย่วเว่ยคิดอยู่พักใหญ่ แล้วถาม “ร่างกายของเจ้านี้ไม่สามารถรักษาได้แล้ว ตามเหตุผลแล้วร่างกายของเจ้าอ่อนแอ แถมยังเป็นหวัดอีก ในอากาศเช่นนี้เจ้าคงไม่มีแรงแม้แต่ลุกออกจากเตียง แต่นี่……”

“นี่เป็นเพราะว่ามียาบางชนิดที่มีปัญหา ชีพจรนี้ไม่ตรงหรอก” กู้อ้าวเวยขยี้ศีรษะเล็กน้อย จากนั้นก็ปรึกษาซู๋โหย่วเว่ยว่าควรทานยาอะไร ซ่านจินจื๋อฟังอย่างตั้งใจ รอให้ซู๋โหย่วเว่ยให้สูตรยามาแล้ว ซ่านจินจื๋อจึงเอ่ยปากพูด “งั้นช่วงเวลานี้นางไม่ลงจากเตียงดีสุดใช่หรือไม่”

“ก็ไม่แน่ ต้องดูว่านางทนได้หรือไม่”

“ข้าเองก็เป็นหมอ ก็ย่อมจะรู้ดี” กู้อ้าวเวยรีบตัดคำพูดของซู๋โหย่วเว่ย แล้วลุกจากเตียง เห็นด้านนอกมืดไปหมดเลย “ข้าไปหากุ่ยเม่ย……”

“คืนนี้พักที่ตำหนัก” ซ่านจินจื๋ออุ้มนาง จากนั้นก็ให้บ่าวไปรับสูตรยามาจากซู๋โหย่วเว่ย

“เจ้ามีหญิงอื่น ยังจะขอให้ข้าอยู่?” กู้อ้าวเวยดึงเสื้อของเขา

“ไม่สบายแล้วยังจะลงจากเตียง?” ซ่านจินจื๋อจับเขาไว้แน่น แล้วในแววตาเต็มไปด้วยความแค้น “เมื่อครู่ ซู๋โหย่วเว่ยพูดว่าเจ้าทนอะไร?”

กู้อ้าวเวยหดคอเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไร

บุบผาร้อยเสน่ห์

บุบผาร้อยเสน่ห์

Status: Ongoing

ฟิ้ววว นางข้ามพภแล้ว!!!แพทย์โดดเด่นทันสมัยกู้อ้าวเวยข้ามภพกลายเป็นลูกสาวคนโตของเฉิงเสี้ยง อยากฆ่าข้าหรือ?มีดผ่าตัดของข้าสามารถทำให้เจ้าพิการทั้งตัวเลยนะ เปิดร้านยา ช่วยชาวบ้าน ถึงจะเป็นฮ่องเต้ก็อยากมาคบหาข้า นี่ท่านอ๋องชายเลว เจ้ากำลังแกล้งข้าอยู่รึ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท