บทที่ 929 หยินเชี่ยวท้อง
รถม้าสามสี่คันจอดอยู่หน้าจวนอ๋องจิ้ง
เพื่อไม่ให้ใครเจอกู้อ้าวเวย ก่อนหน้านี้หนึ่งวันก็ปีนขึ้นไปนอนบนรถแล้ว ตอนที่ตื่นมาหัวของนางกับผ้าห่มก็สั่นไปตามการเคลื่อนไหวของรถม้า นางเช็ดปาก บนหน้าผากก็มีมือแปะอยู่
“เป็นหวัดหายนานแล้ว” กู้อ้าวเวยซุกตัวเข้าไปในผ้าห่ม ที่ขมับเหมือนจะปวด ๆ
“ตื่นมากินอะไรหน่อยแล้วค่อยนอนต่อนะ”
“อีกเดี๋ยวตื่นมาแล้วค่อยกิน” จากนั้นก็ซุกใต้ผ้าห่มแล้วไม่รู้สึกตัวอีก นางคดขาขึ้นมา กินพื้นที่ในรถน้อยมาก
ซ่านจินจื๋อนั่งยืดขาอยู่ข้าง ๆ หากไม่ใช่เพราะอยากให้นางหลับดีดี เขาก็ไม่มีทางมานั่งรถม้าแบบนี้ รถม้ามันเรียบมาก ไม่เพียงทำให้เขาทรมาน แม้แต่ซ่านเชียนหยวนเองก็ถูกบังคับให้หดตัวไปด้วย มีเพียงฉีหรัวที่นั่งพิงอยู่ข้าง ๆ นางมองไปที่กู้อ้าวเวย “นางไม่รู้เลยว่าเราก็อยู่ด้วย”
“ข้าถูกเบียดจนตายอยู่แล้ว” ซ่านเชียนหยวนถูกผู้หญิงสองคนเบียดจนไปอยู่ตรงกลาง
ฉีหรัวอดจ้องไปที่เขาไม่ได้ “บอกให้เจ้าไปนั่งรถม้าอีกคันก็ไม่ยอม เจ้ากลับไปรับปากกุ่ยเม่ยว่าจะมาดูแลนาง”
ซ่านเชียนหยวนจับไปที่ปลายจมูกแบบหวั่น ๆ สุดท้ายก็ตัดสินใจออกไปขี่ม้าข้างนอก แล้วถามซ่านจินจื๋อว่า “เสด็จอา เราสองคนไปแข่งม้ากันมะ ตรงนี้มีหรัวเอ๋อร์อยู่น่าจะไม่มีปัญหาอะไร”
“รอให้นางกินอะไรก่อนข้าค่อยไป” ซ่านจินจื๋อหยิบของที่กู้อ้าวเวยเขียนในหลายวันที่ผ่านขึ้นมาอ่าน
ซ่านเชียนหยวนมองไปที่เขา แล้วก็ออกไปขี่ม้าแบบจนใจ เขาขี่ม้าข้างเฉิงซาน แล้วก็ถามคุยกันไปมาว่าช่วงนี้เกิดอะไรขึ้น
ฉีหรัวเองยืดตัวให้สบาย แล้วถามซ่านจินจื๋อว่า “นางก่อเรื่องจนสภาพแบบนี้ ท่านยังยอมนางอีกเหรอ?”
“คนเราก็มีชีวิตแค่สั้น ๆ ข้าไม่ขอให้นางมีชีวิตที่ยืนยาว แต่ขอแค่นางไม่ต้องเสียใจก็พอแล้ว” ซ่านจินจื๋อยิ้มแล้วส่ายหน้า แล้วหยิบร่างที่เขียนขึ้นมา แล้วถามว่า “ฉีหลินถามอะไรเจ้าเด็กนั่นได้ไหม?”
“เจ้าเด็กนั่นไม่พูดอะไรเลย แต่เหมือนจะถูกคนบังคับ เพียงแต่ยังไม่เชื่อใจเรา” ฉีหรัวถอนหายใจ นางลังเลแล้วพูดว่า “เรื่องที่หยินเชี่ยวท้อง จะไม่บอกนางจริง ๆ เหรอ?”
พอพูดถึงตรงนี้ นางก็หันไปมองกู้อ้าวเวย
ก็เพราะหยินเชี่ยวต้องท้องไม่เหมาะกับการเดินทางไกล ขอแค่ฉีหลินกลับมาก่อน ส่วนหยินเชี่ยวตอนนี้พักอยู่ในเรือนรับรองที่เมืองหลวงเอ่อตัน หากรู้ว่ากู้อ้าวเวยทำให้ใครหลายคนไม่เชื่อใจ อีกทั้งตอนนี้มันยังวุ่นวายอยู่ คิดว่าต่อให้นางท้องก็คงจะมา
“ยังไงก็ต้องบอก นางเห็นหยินเชี่ยวเป็นเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง” ซ่านจินจื๋อพยักหน้า เขานวดไปคิ้ว “เพียงแต่ยังหาโอกาสบอกไม่ได้ อีกอย่างข้ากลัวว่านางคิดว่าเราไม่ยอมให้นางไปเจอกับหยินเชี่ยว ดังนั้นถึงได้แต่งเรื่องหาเหตุผลแบบนี้ไป แล้วให้นางไม่ต้องไปคิดให้นางเข้าใจว่านางไม่รู้จักฉีหลิน”
“แล้วทำไมนางถึงได้จำข้าได้?” ฉีหรัวจนปัญญา
“เรื่องนี้คงต้องไปตามสูตรยาอมตะนั่นแล้วล่ะ” ซ่านจินจื๋อรู้สึกปวดหัว
หลังจากเงียบไปนาน ฉีหรัวก็จับแขนของเขา “ท่านควรจะบอกเรื่องนี้กับนางนะ ไม่ว่านางจะสงสัยหรือเปล่า”
ซ่านจินจื๋อสีหน้าเปลี่ยนไปแย่มาก หากว่าเขาไม่ได้ตามมาด้วย คิดว่านางเอาสูตรยาให้ไปแล้วก็คงออกจากเมืองเทียนเหยียน หากเพราะเรื่องเล็ก ๆ แล้ว ……
“ระหว่างพวกท่านก่อนหน้านี้ไม่เชื่อใจกัน ก็ไม่ใช่เพราะแบบนี้เหรอ?” ฉีหรัวพูดถึงตรงนี้ ก็ไปตบหน้าของกู้อ้าวเวยเบา ๆ ซ่านจินจื๋ยังไม่ทันได้ห้าม
กู้อ้าวเวยลืมตาขึ้นมา ดวงตาขาว ๆ ของนางเลือนราง นางยกมือจับไปที่มือของฉีหรัว หันหน้ากลับมามองนาง “มี …… มีอะไรเหรอ?”
“ท่านอ๋องจิ้งมีเรื่องจะคุยกับเจ้า สำคัญมาก” ฉีหรัวพูดจบแล้วก็กระโดดลงจากรถม้าไป ทำให้ซ่านเชียนหยวนที่อยู่บนหลังม้าตกใจ แต่ก็ยังดึงนางขึ้นหลังม้า จากนั้นก็โอบนางเข้าไปในอ้อมกอดของเขา
ฉีหรัวขี้เกียจฟังซ่านเชียนหยวนบ่น เลยหันไปมองรถม้า ยกมือปิดปากของซ่านเชียนหยวนแล้วพูดว่า “หากเจ้าซื่อเท่าท่านอ๋องจิ้งสักครึ่งหนึ่งจะดีมากเลย”
“เจ้าหาว่าข้าพึ่งไม่ได้เหรอ?” ซ่านเชียนหยวนปัดมือนางออก
“เจ้าทึ่ม” ฉีหรัวดึงเชือกในมือของเขา แล้วเดินหน้าไปหลายก้าว
ส่วนในรถม้ากู้อ้าวเวยลุกขึ้นมาแบบสะลึมสะลือ นางตบไปที่หัวเพราะปวดหัวมาก นางมองไปที่ซ่านจินจื๋อแล้วพูดว่า “มีเรื่องอะไร?”
“เรื่องของหยินเชี่ยว ……”
“หยินเชี่ยวเป็นอะไร?” กู้อ้าวเวยจับเสื้อของซ่านจินจื๋อมา น้ำเสียงเหมือนจะสูงขึ้น
ซ่านจินจื๋อปลอบใจนางด้วยการตบมือนางเบา ๆ เขาพูดว่า “ก่อนหน้านี้ข้ายังไม่ทันได้บอกเจ้า หยินเชี่ยวท้อง ดังนั้นเลยเดินทางจากเอ่อตันมาหาเจ้าไม่ได้ หากเจ้าตกลง ข้าจะให้คนไปขอจดหมายมาให้ ……”
“ทำไมเจ้าไม่บอกให้เร็วกว่านี้? แล้วนางแต่งงานกับใคร?” กู้อ้าวเวยยิ้มหน้าบาน นางปล่อยเสื้อของซ่านจินจื๋อแล้วตบไปที่ผ้าห่ม แล้วพูดว่า “เจ้าน่าจะบอกข้าให้เร็วกว่านี้ ข้าจะได้เขียนจดหมายให้นาง”
“ตัวหนังสือของเจ้าตอนนี้ไม่สวยเลย” ซ่านจินจื๋อขมวดคิ้ว ตอนนี้หยินเชี่ยวไม่ได้เป็นเด็กสาวใส ๆ แล้ว ถึงเวลาเกิดอะไรขึ้นมา ฉีหลินเอาเขาตายแน่
กู้อ้าวเวยเหมือนถูกฟ้าผ่าลงมา นางยักไหล่ แล้วถอนหายใจ “ก็จริง หากนางเกิดจับอะไรได้ขึ้นมาแย่แน่”
“เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะหลอกเจ้าเหรอ” ซ่านจินจื๋อถาม
“เจ้าหลอกข้า?” กู้อ้าวเวยตาโตมองไปที่เขา แล้วก็ถอยหลังแบบระวังตัว
“ไม่ได้หลอกเจ้า ข้าก็แค่กลัวว่า ……”
“ถ้าอย่างนั้น เจ้าช่วยข้าเขียนจดหมายให้นางได้หรือเปล่า ก็บอกว่าข้าสบายดี ถามนางว่าจะตั้งชื่อลูกว่าอะไร จริงสิ ข้ารู้จักสามีของนางไหม?” กู้อ้าวเวยดึงชายเสื้อของเขา แล้วมองไปที่เขาแล้วพูดอย่างจริงจังว่า “เจ้าห้ามหลอกข้านะ ข้าอยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
ซ่านจินจื๋อพยักหน้า เขาตกใจว่านางไม่สงสัยเขา เขาเลยค่อยเล่าเรื่องของหยินเชี่ยวกับฉีหลินให้นางฟังทั้งหมด แล้วยังย้ำอีกว่าอันธพาลตัวน้อยในวันนั้นวันนี้กลับใจแล้ว อีกทั้งยังดีกับหยินเชี่ยวมากด้วย
พูดมาตลอดทั้งบ่าย กู้อ้าวเวยฟังอย่างเจ็บปวด แต่ก็โล่งใจ “อย่างนี้ก็ดีนะ”
ซ่านจินจื๋อยื่นน้ำมาให้ “กินอะไรสักหน่อยไหม?”
นางรับถุงน้ำมาดื่ม กู้อ้าวเวยหยิบขนมปังออกมาจากห่อผ้าสองชิ้น ซ่านจินจื๋อขมวดคิ้ว “เอามาจากไหน?”
“เมื่อคืนข้าให้เฉิงซานไปซื้อมาให้ข้า”
“ร้านขนมผลไม้” ซ่านจินจื๋อเอาขนมวางไว้ข้างมือนาง
กู้อ้าวเวยกระพริบตา แล้วส่ายหน้า “ตอนนี้ยังกินขนมไม่ได้”
ซ่านจินจื๋อเอาขนมไปวางไว้ข้าง ๆ เห็นนางกินขนมปังชิ้นที่สองแล้วจากนั้นก็กินยาแล้วก็นอน เขาช่วยนางซุกเข้ามุม เขานวดไปที่ปลายขมับ หรือว่าการพูดตรง ๆ เปิดเผยมันจะดีกว่า?