บทที่ 933 ตกใจเสียงฟ้าร้อง
จุดธูปขอพร เสียงสวดมนต์ภาวนา
เสียงเคาะของกะโหลกปลาดังอยู่ในหูโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด เหล่านักบวชต่างพากันทำวัตรเช้า กู้อ้าวเวยพิงอยู่ข้างหน้าต่างฟังอย่างจับจิตจับใจ ในมือมีไม้ที่แกะสลักให้ชิงจือ แม้แต่ทุกซอกมุมยังถูกนางจับจนทั่ว นางยิ่งสงสัยว่าชิงจือจะโกรธและโทษนางไหม
ถึงเสียงฝนตกนอกหน้าต่างจะยังไม่หยุด แต่กลับมีเสียงของคนที่คอยรับใช้นักบวชเดินไปเดินมา แต่ก็ยังคงเงียบสงบ
เมื่อคืนนางหลับได้ลึกมาก พอตื่นขึ้นมาซ่านจินจื๋อก็อยู่ข้างๆเตียงมองดูนางแล้ว ด้านหลังของเอวกับหัวเข่าถูกวางด้วยเบาะนิ่ม นางกลับจับผ้าห่มขึ้นมาอย่างเกรงใจ ฟังเสียงสั่งให้นางห้ามไปไหนของซ่านจินจื๋อ ถึงได้พิงกายอยู่ที่นี่ ในสมองว่างเปล่า
วันเวลาอันแสนโหดร้ายก่อนหน้านี้ถูกลืมไปหมดแล้ว……
“ปึ้ง——”
ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังสนั่นขึ้นมาอย่างกะทันหัน ข้างๆหูของกู้อ้าวเวยมีเสียงรบกวนที่เหลือไว้อยู่นับไม่ถ้วน
พอรอจนเสียงรบกวนค่อยๆหายไป พวกเสียงเล็กเสียงน้อยก็ดังลอดเข้ามาในหู เสียงเท้าย่ำกับน้ำที่นองอยู่บนพื้นแฉะ เหล่านักบวชและข้ารับใช้ต่างร้องเสียงหลงด้วยความหวาดกลัว กระเบื้องหลังคาที่อยู่บนหัวมีเสียงดังขึ้นมา นางตกใจเป็นการใหญ่ รีบลุกขึ้นจากเตียง กลัวว่าจะถูกพบเข้า จึงทำได้เพียงแค่ซ่อนตัวอยู่ตรงมุม
“ระวังหน่อย”คนที่อยู่บนหลังคาเอ่ยปากขึ้น
ใบหน้าของกู้อ้าวเวยเคร่งขรึมจับขวดยาที่อยู่ข้างๆมา แล้วสะบัดผ้าห่มที่ปกคลุมร่างกายออกไปปีนป่ายไปที่มุมหนึ่งของตู้ที่อยู่ข้างๆเตียง บนศีรษะที่ฝุ่นผงตกลงมา นอกหน้าต่างมีเสียงกรีดร้องอย่างตกใจของผู้คนดังขึ้น“รีบนำตัวคุณหนูกู้ไปรักษาในห้อง!”
“ในวัดไม่มีแม้แต่หมอสักคนเลยรึไงห้ะ!”
“ทางบนเขาถล่มแล้ว!”
มีคนจำนวนไม่น้อยโห่ตะโกนร้องอยู่ข้างนอก กู้อ้าวเวยกลั้นหายใจซุกตัวอยู่ในมุมหนึ่ง ได้ยินเสียงของกระเบื้องแตกเสียงดังแครกๆ เอ่ยเบาๆว่าแย่แล้ว นางรีบตะกายตัวไปอยู่ใต้เตียงโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น กลิ้งไปหนึ่งครั้ง เสียงกระเบื้องบนหลังคาก็แตกออกไป
“ปึ้ง!”
เสียงร่างกายดังกระทบเข้ากับเตียงทำให้ร่างกายของกู้อ้าวเวยแน่นขนัด แข็งทื่ออยู่กับที่ไม่สามารถขยับไปมาได้
น้ำฝนที่อยู่ในกระเบื้องไหลเทลงมา นางพึ่งขยับแขน ยังไม่ทันได้ลุกขึ้นเพื่อหนีไปก็ได้ยินเสียงของประตูถูกเตะออกไป นางกัดฟันแน่น ในมือถือขวดยาแล้วกระแทกไปกับพื้น ควันสีเหลืองก็ถูกแผ่กระจายทั่วห้อง นางปีนขึ้นบนโต๊ะเปิดหน้าต่างออกด้วยขาสองข้างที่สั่นเทา
มีมือข้างหนึ่งกอดรัดที่เอวบางของนางแน่นจากด้านหลัง ตามมาด้วยเสียงไป“ข้าเอง แค้กๆ”
“ซ่านจินจื๋อ?”กู้อ้าวเวยชะงักตะลึงไป รู้สึกได้เพียงว่าร่างกายเบาหวิว เหมือนกับถูกซ่านจินจื๋อพาเข้าไปในห้องแล้ว มีความรู้สึกที่น้ำฝนกระแทกโดนใบหน้า ความเย็นเข้าคืบคลานผ่านแขนและขาสองข้างตกใจจนทำให้นางกอดรัดไหล่ของซ่านจินจื๋อแน่น อกกว้างของฝ่ายตรงข้ามรู้สึกฟูขึ้นมา เสียงไอดังไม่หยุด
ซ่านจินจื๋อคอยปกป้องคนตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมกอดออกไปจากข้างๆหน้าต่างอย่างระมัดระวัง เพื่อหลีกเลี่ยงคำครหานินทาพวกนั้นเหล่าข้ารับใช้และนักบวชพานางไปที่ห้องเก็บฟืนที่ไม่มีคนรบกวน เสียงไอดังขึ้นไปกี่ครั้งก็คุกเข่าลงกับพื้น นำนางไปวางไว้บนฟางแห้ง“เจ้ายังคงไม่รู้จักรั้งรอทัพเพื่อรอจังหวะบุกโจมตี”
“ข้าต้องคิดให้สถานการณ์มันเป็นไปในทางที่แย่ก่อนนิ่”กู้อ้าวเวยล้วงยาถอนพิษในอกออกมาในใจของนางถึงแม้จะรู้ว่าเหตุการณ์มันผ่านไปแล้วแต่ก็ยังคงหวาดผวาอยู่ ปลายนิ้วกับขอสองข้างอดที่จะสั่นเทาไม่ได้ นางพยายามนวดคลึงมือเพื่อคลายความกดดันภายในหัวใจอย่างระวัง
กินยาถอนพาลงไป แล้วซ่านจินจื๋อก็วางเสื้อตัวนอกไว้บนร่างของตัวเอง อุ้มนางขึ้นมานั่งบนตักของตนเอง“ไม่มีอะไรแล้วนะ”
ขณะที่นั่งอยู่บนตักของชายหนุ่ม กู้อ้าวเวยลืมเขินอาย กลับกันยังเหมือนกับคนที่กำลังจมน้ำพยายามคว้าจับที่พึ่งสุดท้ายจับไปที่เสื้อของเขาแน่น ร่างกายครึ่งท่อนพิงไปกับร่างกายของเขา“ตกลงมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
“มีคนระเบิดทางบนภูเขา จะขังพวกเราไว้ที่นี่”ซ่านจินจื๋อลูบไปที่ที่รองเอวอันอ่อนนิ่มของนาง เพื่อเป็นการมั่นใจว่าไม่ได้หลวมหรือเปลี่ยนตำแหน่ง รู้สึกได้ถึงเสื้อผ้าที่ถูกนางจับจนแน่น เขาก็เอาศีรษะซุกเข้าไปในไหปลาร้าของกู้อ้าวเวยอยางกลัวเหตุการณ์เขาที่ผ่านมาแล้วเช่นกัน“จริงๆเป็นวันที่ดีวันหนึ่งมันมีอะไรเกิดขึ้น”
“ชินแล้วก็ดี”กู้อ้าวเวยก็ซบเข้ากับกระดูกไหปลาร้าของเขาเช่นกัน
ตรงหน้าเหลือเพียงความมืดความรู้สึกแบบนี้ไม่ดีเลย
เพียงแต่ซ่านจินจื๋อสามารถมองเห็นร่างกายของนางที่ถูกเลือดเนื้อสาดกระเซ็นจนแดงฉาน ดวงตามืดมน ทหารยามที่เฝ้าอยู่ด้านนอกห้องเก็บฟืนค่อยๆเดินจากไปอย่างระมัดระวัง ซ่านจินจื๋อใช้เสื้อตัวนอกเช็ดหยดเลือดสีแดงในมือของนางออกไป แล้วพูดเสียงเบา“ตอนนี้ยังไปไหนไม่ได้ ห้องเก็บฟืนก็ไม่ใช่สถานที่ปลอดภัยเท่าไหร่”
“ไม่แน่ที่นี่อาจจะจะปลอดภัยที่สุดก็เป็นได้”กู้อ้าวเวยพยักหน้าเบาๆ“ตอนนี้เจ้ายังอยู่ข้างกายข้า กลับไปอย่างไรก็ต้องถูกจับได้อยู่แล้ว”
“ข้ารู้”แต่ไม่มีทางให้เจ้าอยู่ที่นี่คนเดียวได้
ไม่ได้พูดสิ่งที่คิดในใจออกไป นัยน์ตาของซ่านจินจื๋อมีแต่ความสุขุมไปตั้งนานแล้ว ท่าทาบนปลายนิ้วมือมันอบอุ่นมากกว่าใครหลายเท่า ในตอนที่กู้อ้าวเวยกำลังลังเลอยู่นั้น ในโพรงจมูกมีรสหวานลอดผ่านออกมา หลังจากที่นางชะงักไปได้ชั่วครู่ ก็ได้กลิ่นบนลำคอของซ่านจินจื๋ออ่อนๆ
“เจ้าบาดเจ็บใช่ไหม?”
“เป็นเลือดที่เปื้อนจากร่างกายของเจ้าต่างหาก”ซ่านจินจื๋อพูดเช่นนี้ ยกคอเสื้อของนางที่ตอนนี้เริ่มคันออกจากลำคอออกเล็กน้อย ยกมือขึ้นเพื่อเช็ดคราบเลือดบนใบหน้าของนาง แล้วค่อยๆนำผ้าพันแผลแกะออกมาอย่างระมัดระวัง พูดสั่งขึ้นมาว่า“รอข้าอยู่ที่นี่นะ ห้ามลืมตา”
“เจ้าจะไปไหน?”กู้อ้าวเวยจับชายแขนเสื้อเขาแน่น
“เปลี่ยนยาให้เจ้าไง”ซ่านจินจื๋อกึ่งคุกเข่าอยู่บนพื้นปลดป้ายตรงเอวของตนเองออกมาแล้วยื่นไปไว้ในมือของนาง“ถ้าหากมีคนมา พวกเขาจะพาเจ้าไปเรือนของนักบวชที่อยู่หลังเขา ข้าได้จัดการทุกอย่างไว้แล้ว”
กู้อ้าวเวยนำป้ายห้อยเอวสอดเข้าไปในอก แล้วพยักหน้าอย่างตั้งใจ
แต่ในตอนที่ซ่านจืนจื๋อลุกขึ้นยืนนั้น ก็มีอะไรบางอย่างตกเข้าไปในกองฟาง กู้อ้าวเวยแสร้งทำเป็นไม่รู้ยื่นมือเข้าไปลูบจับในกองฟาง พอผ่านไปชั่วครู่ถึงได้ดึงออกมาจากกองฟาง ของเหลวอุ่นร้อนมันตกไปตามปลายนิ้วของนาง
มีกลิ่นหอมหวานอ่อนๆเล็กน้อย
คิ้วขมวดเข้ามากันแล้วโยนหญ้าแห้งที่เปื้อนเลือดไปข้างๆ นางเอามือสอดประสานกอดรัดขาแน่นอย่างไม่พูดไม่จาหดตัวอยู่มุมใดมุมหนึ่ง
แบบนี้ยิ่งทำให้นางกังวลมากยิ่งขึ้น
ซ่านจินจื๋อที่อยู่ด้านนอกฉีกแขนเสื้อออกอย่างแรง เฉิงซานที่อยู่ข้างๆมองดูแขนที่ถูกระเบิดจนเนื้อแตกออกเป็นก้อน สูดหายใจเข้าหลังจากนั้นถึงได้พาคนไปจัดการทำแผล
ดวงตาแดงก่ำ ซ่านจินจื๋อนำผ้ายัดปากกัดไว้ น้ำสะอาดถูกราดลงบนแผลสดๆ ความเจ็บปวดแสบร้อนมันบาดเข้าไปทุกโสตประสาทในสมอง เขากลับยื่นผ้าพันแผลไปให้เฉิงซานที่อยู่ข้างๆ ส่ายหน้าพร้อมกับเหงื่อที่เต็มบนหน้าผาก
เฉิงซานจับผ้าพันแผลแน่น แล้วพยักหน้า“ข้าน้อยจะไม่บอกเรื่องนี้กับคุณหนูขอรับ”
“ลูกระเบิดบวกกับยาพิษ กลัวว่าจะต้องกรีดเนื้อด้านบนที่ไหม้ออก……”ข้ารับใช้ที่อยู่ข้างๆเอ่ยปากพูดเสียงเบา
ซ่านจินจื๋อนั่งอยู่บนเก้าอี้ แล้วหยิบผ้าที่คาบอยู่ในปากออกมา“รีบหน่อย”
“ข้าน้อยจะไปตามให้สาวใช้เปลี่ยนยาให้คุณหนูขอรับ”พอพูดประโยคนี้จบ เขาก็รีบเดินจากไป ห้องที่อยู่ด้านหลังเหลือเพียงเสียงหึ
ผ่านฝนที่เทกระหน่ำลงมา ตอนนี้หน้าลานมีความวุ่นวายโกลาหล
แต่กู้อ้าวเวยมีสาวใช้เปลี่ยนยาและผ้าพันแผลใหม่ให้ พลางถามไปด้วยว่า“เฉิงซานอยู่ไหน?”
“ข้าน้อยอยู่ขอรับ”เฉิงซานก้าวเข้ามาในห้อง
“เขาบาดเจ็บตรงไหน?หนักไหม?”กู้อ้าวเวยหยิบหญ้าแห้งที่เปื้อนเลือดออกมาจากในเสื้อ บนนั้นยังมีคราบเลือดที่แห้งกรัง เปลี่ยนเป็นสีเข้มไปแล้ว
“ถูกลูกระเบิดทำให้บาดเจ็บ บนนั้นยังมีพิษเล็กน้อย……”
“เจ้านำกล่องยาสองกล่องนี้ไป กรีดเนื้อที่ไหม้ออก ยาถอนพิษสามขวดนี้เอาไปให้พวกเขาดู สามารถโปะลงบนแผลได้เพราะพิษไม่เยอะ แต่อานุภาพรุนแรง”กู้อ้าวเวยแทบจะล้วงขวดต่างๆพวกนั้นออกมาจากเสื้อบางๆ แล้วพูดขึ้นมาว่า“ข้าจะแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นแล้วกัน”
มองดูขวดยาที่อยู่ในกล่อง เฉิงซานก็เอ่ยด้วยเสียงเบา“ขอบคุณ คุณหนูมาก”
กู้อ้าวเวยโบกมือ แล้วก็ไม่พูดอะไร