บทที่ 936 โทษการมอบของขวัญ
ทางบนภูเขาน้ำไหลเชี่ยวกราก แม้แต่ใช้คนที่กำลังภายในหลายคนลงไปส่งเขายังลงไปได้ยากเลย
ใช้เหยี่ยวหรือนกพิราบส่งสารยิ่งเดินทางไปถึงจุดหมายได้ยากในหน้าฝน
ซ่านเชียนหยวนกับฉีหรัวพาคนยุ่งพลวันอยู่หน้าจวนไม่หยุด นักบวชส่วนมากต่างมักอยู่อาศัยในวัดเพื่อสวดมนต์แผ่เมตตาบำเพ็ญเพียรน้อยมากที่จะกลับเซียงฝางที่อยู่ด้านหลังสวน เห็นได้ชัดว่าตงฟางซวนเอ๋อสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว แต่จี้ซูที่เกือบแทง ถ้าหากไม่ใช่เฉิงซานเป็นผู้มีความรู้ทางการรักษาช่วยไว้ เกรงว่าเด็กในครรภ์คงจะไม่อยู่แล้ว
มีเพียงกู้อ้าวเวยคนเดียวที่ยืนอยู่ข้างๆที่สวมชุดสีขาวทั้งตัว ชวนซ่านเชียนหยวนจัดการเรื่องเยอะมาก วางแผนการทุกอย่าง อย่างเป็นขั้นเป็นตอน แม้แต่ตงฟางซวนเอ๋อยังรู้สึกละอายใจเป็นอย่างมาก นางที่เป็นถึงคุณหนูตระกูลใหญ่เหตุใดถึงถูกกักขังอยู่ภายในห้องเช่นนี้ เก็บกวาดดินปืนรวมถึงส่งคนไปคอยดูแลเสบียงที่วางกองอยู่
ซ่านเชียนหยวนที่ตัวเปียกปอนก้าวเข้ามาในห้องโถง หญิงสาวที่อยู่ในตำหนักอ๋องจิ้งอยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ต่างพากันหันกลับมามองเป็นสายตาเดียว
“อ๋องจิ้งไม่ปรากฏตัวมาหนึ่งวันเต็มๆแล้วนะ เกิดอะไรขึ้นรึป่าว?”จี้ซูพิงกับเพียงที่เดียวที่นุ่มนิ่มบนเตียง ดวงตาแดงก่ำ
“เสด็จอาไม่ได้เป็นอะไรหรอก เพียงแค่วรยุทธเขาเก่งกาจ กำลังพาคนไปตามหาทาง เมื่อคืนงีบหลับอยู่ในสวนหลังวัด แต่อีกสองชั่วยามก็จะออกเดินทางแล้วล่ะ เมื่อครู่ส่งข่าวมาบอกแล้วล่ะว่า เกรงว่าจะต้องใช้เวลาอีกหนึ่งวันในการตามหา ”ซ่านเชียนหยวนได้นำคำพูดที่คิดว่านานแล้วรายงานออกไปทั้งหมด พวกผู้หญิงในตระกูลต่างพากันกวาดสายตามองไปที่คนตรงหน้า แล้วพูดเสียงต่ำไปว่า“ตอนนี้ไม่รู้ว่าคนร้ายยังอยู่บนเขาหรือไม่ คุณหนูทั้งหลายพักผ่อนอยู่ที่นี่ ง่ายต่อการที่ข้าจะส่งคนมาดูแล”
หญิงสาวหลายคนต่างพากันมองตากันปริบๆ คุณหนูหลายคนจะยอมให้คนหลายคนพักอยู่ในที่เดียวกันได้อย่างไร
ฉีหรัวที่อยู่ด้านหลังนำผ้าขนหนูยัดไปให้ซ่านเชียนหยวน แล้วนำผ้าเช็ดหน้าแห้งมาเช็ดผมให้เขา แล้วมองไปที่พวกผู้หญิงในครอบครัวแวบหนึ่ง แล้วพูดเสียงเบาไปว่า“ตอนนี้กำลังคนมีไม่เพียงพอ ข้าเชื่อว่าคุณหนูทุกคนจะสามารถอดทนอยู่ที่นี่หลายวัน”
จี้ซูลูบตรงท้องอย่างไม่พอใจ“แต่คุณหนูฉีเจ้า……”
“ข้าไม่ได้มียศศักดิ์สูงไปกว่าทุกท่านหรอก ข้าทำเพื่อลดภาระของอ๋องจงผิงเท่านั้น”ฉีหรัวยิ้มบางๆ แล้วสวมหมวกสานกันฝนกับเสื้อกันฝนให้กับซ่านเชียนหยวน ล้วงแผนที่แผ่นหนึ่งออกมาจากอก “นี่เป็นสิ่งที่ข้าหาได้มาจากในวัด ด้านหลังเหมือนจะมีทางที่เคยใช้ส่งเสบียง เพียงแต่ไม่ได้ซ่อมแซมมาหลายปี ไม่รู้ว่ายังอยู่หรือไม่”
“ข้าจะลองไปดู เจ้ารออยู่ที่นี่แหละ”ซ่านเชียนหยวนก้มหน้าจดจำรายละเอียดในแผนที่ ก่อนจะจากไปยังขยี้ศีรษะของฉีหรัวอย่างเอ็นดู สั่งโย่วหลีที่อยู่ด้านหลังไปว่า“ดูแลให้ดีนะ วันละสามมื้ออย่าได้ขาด”
“ขอรับ”โย่วหลียกมือขึ้นทำท่าคารวะ แล้วเดินเข้าไปในห้องโถงกับฉีหรัว
แต่เหมือนกับไม่ได้สนใจกับความกังวลของพวกนาง พูดเพียงแค่ว่าพอรับกู้อ้าวเวยที่เป็นเจ้าของเรื่องทั้งหมด ต้องระมัดระวังมากขึ้น
แต่สิ่งเดียวที่ฉีหรัวรู้นั่นก็คือ ถ้าหากถูกกักไว้ที่นี่เป็นเวลานาน ถ้าอย่างนั้นคนที่อยู่ในเมืองเทียนเหยียนจะมีเรื่องให้ทำเยอะขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นสมุนไพรที่นี่มีจำกัด คนที่ได้รับบาดเจ็บจริงๆไม่ได้มีแค่ซ่านจินจื๋อ รวมถึงคนที่ไล่ล่าก่อนหน้านี้บวกกับข้ารับใช้ที่ได้รับบาดเจ็บตอนสืบเสาะหาหนทาง
แต่สมุนไพรที่กู้อ้าวเวยนำมาก่อนหน้านี้ได้ละลายหายไปแล้ว เหลือเพียงเล็กน้อยที่อยู่ในรถม้าบวกกับพวกยาสมุนไพรธรรมดาที่อยู่ในวัด แม้แต่หมอสักคนยังไม่มีเลย
คิ้วขมวดเป็นปมแน่น ในขณะที่นางกำลังคิดไม่ตกอยู่นั้น โย่วหลีที่อยู่ข้างๆก็ยื่นกระดาษเล็กๆใบหนึ่งอย่างลับๆล่อๆให้นาง
“เจอกันที่หลังจวน มีเรื่องต้องคุยกัน”
นี่เป็นตัวหนังสือของโย่วหลี แต่ประโยคนี้ต้องเป็นคำพูดที่ออกมาจากปากของกู้อ้าวเวยเป็นแน่
“ข้าจะไปดูสักหน่อย”ฉีหรัวลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าที่ไม่เปลี่ยนแปลง เดินตามโย่วหลีออกไปข้างนอก
พวกผูหญิงในครอบครัวต่างไม่พบพิรุธอะไร พอรอจนฉีหรัวเดินไปที่เฉลียง กู้อ้าวเวยกำลังนั่งอยู่ในเฉลียง มือข้างหนึ่งจับอยู่ที่แขนเสื้อของเฉิงซาน นางเดินไปข้างหน้า อดที่จะถามไม่ได้“เจ้าออกมาได้อย่างไร ไม่กลัวว่าซ่านจินจื๋อจะจับได้หรอ?”
“ยาสลบที่ข้าใช้น่ะไม่ใช่แค่โปะนะ อีกทั้งเมื่อคืนเขาไม่ได้หลับมาทั้งคืน ข้าแค่อยากจะออกมาหาเบาะแส ข้าใช้แรงไม่น้อยเพื่อให้เขาอยู่ต่อที่นี่”กู้อ้าวเวยยกมือขึ้นมาทุบไปที่ไหล่อันปวดเมื่อย เหมือนนางจะนอนอยู่บนตัวของซ่านจินจื๋อทั้งคืน โชคดีที่ยังถือได้ว่านางตื่นตัวดี ซ่านจินจื๋อกลางดึกนอนเป็นตาย แต่นางกลับนอนทับอยู่บนตัวของเขาทั้งคืน ตรงเอวปวดเป็นบ้าเลย
แต่ฉีหรัวเห็นเฉิงซานส่ายหน้าเบาๆ
นี่มันหมายความว่าอย่างไรกันแน่?
ฉีหรัวรู้สึกแปลกใจ พลางฟังกู้อ้าวเวยพูดไปด้วยว่า“เฉิงซานบอกข้าตำแหน่งที่แห่งนี้กับข้าแล้ว ได้หาหนังสือมาเล่มหนึ่ง พบว่าบนกลางหุบเขามีพวกหญ้าป่าที่ใช้ห้ามเลือดมีอยู่ไม่น้อย แล้วตอนนี้ซ่านจินจื๋อยังตัวร้อนมากๆ กลัวว่าหลายวันมานี้ข้าต้องคอยดูตลอด แต่ตาของข้ามัน……”
“พูดเรื่องสำคัญ”ฉีหรัวหมดความอดทน
“ข้าอยากได้สาวใช้ที่มีความสามารถจากเจ้า”กู้อ้าวเวยขยี้หน้าเบาๆอย่างเขินๆ
เปลือกตาของเฉิงซานกับฉีหรัวกระตุกขึ้นพร้อมกัน ฉีหรัวพูดอย่างตรงไปตรงมา“ต่อหน้าของเจ้า เขายอมให้หญิงใดมาช่วยทำแผลเขาได้หรือ?”
“เขาไม่รู้แต่ข้ารู้ จะเป็นต่อหน้าข้าได้อย่างไรล่ะ”กู้อ้าวเวยกลับรู้สึกแปลกใจ“อีกทั้งเขาคือท่านอ๋อง เมื่อก่อนมีผู้หญิงตั้งเท่าไหร่สวมเสื้อผ้าให้เขา ตอนเด็กกลัวว่าตอนที่เขาอาบน้ำจะมีสาวใช้เฝ้าอยู่เป็นพรวน เห็นจนหมดเปลือกแล้ว……อู้อี้”
คิ้วของฉีหรัวกระตุกอย่างมองไปที่มุมหนึ่ง ซ่านจินจื๋อที่สวมชุดตัวนอกยืนหน้าดำคร่ำเคร่งอยู่ตรงนั้น
พอปล่อยมือจากริมฝีปากของกู้อ้าวเวยแล้ว ก็ได้ยินเสียงกระแอมสองครั้งของนาง แล้วพูดขึ้นมาว่า“อย่างไรเสียเจ้าบอกให้ข้าไปหาสาวใช้มาคนหนึ่ง”
“ตอนนี้คนมีไม่พอ สาวใช้พวกนั้นถูกคุณหนูใหญ่พาตัวไปแล้ว”ฉีหรัวถูกสายตาของซ่านจินจื๋อขู่จนพ่ายแพ้ ใช้เหตุผลมั่วๆพูดส่งๆให้กับกู้อ้าวเวยไป พูดอย่างปวดหัว“เจ้าอยากได้สาวใช้ด่วนขนาดนี้ หรือเจ้าจะไปปรึกษาหารืออะไรกับซ่านเชียนหยวนกันแน่?เมื่อวานพวกเจ้าสองคนก็ทำให้ลับหลังข้าสองคน”
พูดถึงตรงนี้ กู้อ้าวเวยก็ขยี้จมูกเบาๆ นางกับซ่านเชียนหยวนนัดกันแล้ว เรื่องคาดเดาพวกนี้อย่าให้ซ่านจินจื๋อกับฉีหรัวรู้จะเป็นการดีที่สุด อย่างไรเสียพี่ชายคนหนึ่งจะทำร้ายน้องชายแท้ๆของตนเองเป็นเรื่องที่น่ากลัวมากอยู่แล้ว
ฉีหรัวเดินเข้าไปประชิดตัวกู้อ้าวเวย“เป็นเพราะว่าเจ้าไม่พูดความจริง ชอบแก้ปัญหาด้วยตนเอง อ๋องจิ้งมักเป็นห่วงเจ้าเสมอ ครั้งนี้เจ้าพูดกับซ่านเชียนหยวนเพียงว่า ไม่บอกกับเขา รอให้เขารู้เองในภายภาคหน้าน่ะหรือ?”
ถูกพูดแทงใจจนพูดอะไรไม่ออก กู้อ้าวเวยก้มหน้าลง ปล่อยแขนเสื้อของเฉิงซานไป แล้วถอนหายใจอย่างหนัก“ข้าไม่รู้จะพูดอย่างไร ถ้าหากข้าบอกเขาไปแล้ว ทำให้เขาตัดสินใจทำเรื่องที่ผิดไปจะทำอย่างไร?”
“ถ้าอย่างนั้นเจ้ารู้หรือไม่ว่าก่อนหน้านี้เจ้ายังไปอารามไป๋หม่ามา แต่เพราะว่าเจ้าไม่ได้บอกกับใคร เพราะฉะนั้นตอนนี้หลังจากที่เจ้าลืมเรื่องทุกอย่างไป จึงทำให้ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับอารามไป๋หม่า”ฉีหรัวเอามือกอดอก นำข่าวก่อนหน้านั้นพูดออกไป
กู้อ้าวเวยเงยหน้าขึ้นมาอย่างตกใจ เม้มปากเบาๆ
“ข้าไม่ได้บอกใครอย่างงั้นหรอ?”นางถูไถไปที่ระหว่างนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ ในใจรู้สึกไม่ปลอดภัย
“แม้แต่กุ่ยเม่ยยังไม่รู้เลย ตอนนั้นเจ้าจากไปกับซูพ่านเอ๋อไม่รู้หรอ”ฉีหรัวมองซ่านจินจื๋อไกลๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ดังขึ้น“เพราะว่าเจ้าปกปิด ตอนนี้เบาะแสของพวกเราจึงหายไป คนที่เคยไปอารามไป๋หม่ามีเพียงแค่เจ้ากับองค์ชายสาม แต่ตอนนี้องค์ชายสามไม่ได้เป็นมิตร เจ้าควรสำนึกหน่อยดีไหม?”
พูดจบ ฉีหรัวก็เดินจากไปอย่างไม่หันกลับมาอีก
เหลือไว้เพียงแค่กู้อ้าวเวยที่นั่งอยู่ที่เดินเกาศีรษะด้วยความงุนงง
โย่วหลีที่เดินตามฉีหรัวอยู่ข้างหลังถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจ“เหตุใดท่านถึงได้พูดถึงเรื่องอารามไป๋หม่าล่ะ?”
“อย่างไรเสียก็เดินลงจากเขาไม่ได้แล้ว อาศัยในตอนที่ความทรงจำของนางยังสับสนวุ่นวายอยู่ผสมโรงให้ไฟโหมกระหน่ำขึ้น”ฉีหรัวเงยหน้าขึ้นมาใช้มือทัดปอยผมที่ร่วงลงมา แล้วยกมุมปากขึ้น“ถือเสียว่าเป็นของขวัญขอบคุณที่เขาช่วยให้น้องชายของข้ากลับเนื้อกลับตัวเป็นคนดีได้