บทที่ 937 ไม่สนใจ
เรื่องทุกอย่างถูกมอบให้ซ่านเชียนหยวนกับฉีหรัวเป็นคนจัดการ
กู้อ้าวเวยเดินกลับเข้าไปในห้องกับเฉิงซานอย่างใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เพราะว่าต้องใส่ยาจึงทำให้พลาดเห็นรอยยิ้มน่าขยะแขยงบนใบหน้าของเฉิงซาน และได้พลาดเห็นดวงตาเป็นประกายของซ่านจินจื๋อที่เบิกตากว้างนอนอยู่บนเตียง
นางค่อยๆเดินไปนั่งด้านข้างของเตียงอย่างระมัดระวัง คลำหาขวดยาและหมอนสมุนไพรอย่างเคยชิน ไม่ได้นึกถึงว่าซ่านจินจื๋อจะรู้ว่านางวางยาถอนพิษไว้ที่ไหน
ซ่านจินจื๋อยอมให้นางทำทุกอย่าง
แต่ครั้งนี้กู้อ้าวเวยไม่ได้ปีนกลับขึ้นไปตำแหน่งเดิม แต่ยกมือขึ้นดึงผ้าพันแผลที่พันรอบดวงตาอยู่ พอคิดไม่ตกลังเลได้ครู่ใหญ่ก็ทุบเข้าไปที่แขนทั้งสองข้าง แล้วเอามือกอดอกอย่างกระฟัดกระเฟียด“นี่ไม่ใช่ความผิดข้าเสียหน่อย ถ้าหาก ตอนนั้นข้ารู้ว่าจะสูญเสียความทรงจำไหมมากมายขนาดนี้ ข้าคงจะพูดมันออกไปทั้งหมด”
ทั้งๆที่เป็นคำพูดที่หลอกตัวเอง แต่พอนางพูดมันออกไปทั้งหมดมันยิ่งกลับทำให้นางเศร้าหดหู่ใจมากยิ่งขึ้น นั่งอยู่บนเตียงใช้ปลายเท้าจิ้มลงกับพื้น เอียงศีรษะแล้วลุกขึ้นยืน คลำทางไปที่หน้าโต๊ะ คลำอยู่นานก็ไม่สามารถเปิดตลับหมึกขึ้นมาได้ กลับยังทำถูกมือของตัวเอง
ซ่านจินจื๋อที่ยังนอนอยู่บนเตียง เห็นใช้นิ้วโป้งจุ่มหมึกเขียนลงไปบนกระดาษทอดทิ้งตัวเองอย่างสิ้นหวัง พอเขียนเนื้อหาลงในกระดาษไปหลายแผ่น หลังจากนั้นก็ลูบคลำดูรอบหนึ่งแล้ววางไว้บนโต๊ะ ผลักประตูเปิดออกไปเรียกเฉิงซานที่อยู่ข้างนอก “เฉิงซาน ข้าอยากไปที่ห้องครัว พอเขาตื่นเจ้าก็เรียกเขาให้อ่านสิ่งที่อยู่บนโต๊ะนะ”
“ข้าน้อยจะไปกับท่าน”
“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวรอเขาตื่นเขาจะไปหาบรรดาหญิงในครอบครัว เจ้าต้องไปเป็นเพื่อนเขา ไม่อย่างนั้นจะจับได้เสียก่อน”กู้อ้าวเวยทำมือเป็นสัญญาณให้เงียบ จับแขนเสื้อองครักษ์อีกคนหนึ่งแล้วค่อยๆเดินจากไป
ในตอนที่เฉิงซานกำลังผลักประตูเดินเข้าไปภายในห้อง ซ่านจินจื๋อก็ได้จับกระดาษที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาอ่านอย่างละเอียด บนโต๊ะมีน้ำหมึกที่หล่นกระจัดกระจายเต็มโต๊ะ และมือที่ถือกระดาษอยู่นั้นก็ไม่เรียบร้อย เนื้อหาในนั้นก็มีเพียงไม่กี่คำเท่านั้น
“ไปดูพวกนางหน่อยเถอะ อย่าได้พิรุธ”
“ข้ารู้ว่าเจ้าได้รับบาดเจ็บ ยังจะปิดบังข้าเพื่อไปหารือกับซ่านเชียนหยวนอีก ที่วางยาสลบเจ้าข้าไม่ได้มีประสงค์ร้าย”
“ข้าไม่สนว่ารอบกายเจ้าจะมีผู้หญิงสักกี่คน ข้าสนใจแค่ว่ามีใครรักเจ้าบ้างและเป็นหญิงที่เจ้ารัก”
ตัวอักษรเนื้อหาในกระดาษสามแผ่นนั้นล้วนเป็นคำพูดที่ดื้อร้น หยดหมึกที่แตกกระจายสาดกระเซ็นไปทั่วเป็นเหมือนดั่งดวงดาวที่บนท้องห้าที่ร้อยเรียงอยู่ภายในหัวใจ
แต่แผ่นสุดท้ายกลับเขียนอย่างระมัดระวัง“ความจริงข้าเก็บเจ้าไว้ข้างกาย แล้วตนเองไปจัดการเรื่องพวกนั้น เพื่อเป็นการเติมเต็มความเห็นแก่ตัวเล็กๆภายในใจของข้า”
ตรงมุมกระดาษยังมีรอยนิ้วมือเล็กๆปั๊มอยู่ตรงนั้น
นางจะพูดความจริงก็ดี หรือนางจะแสร้งทำเป็นออดอ้อนก็ดี ในขณะที่นางไม่สนใจไยดีนั้น ความเสแสร้งของผู้หญิงคนนี้ก็ค่อยๆหายไปเรื่อยๆ แต่ในตอนที่ยังไม่ทันได้รู้สึกตัวนั้น ก็ได้ยอมยกชายกระโปรงขึ้นมาแล้วพักแขนเสื้อขึ้น ก้าวเข้าไปที่เหวลึกของซ่านจินจื๋อ กระทั่งว่ายังช่วยเขาบังแดดบังลมฝนท่านอ๋องเช่นเขา
บาดแผลบนแขนคันจนแทบทนไม่ไหว มักจะกระจายตัวไปทั่วแขนขาในขณะที่มีความเจ็บปวดก็ยังถูกปลอบประโลมเช่นกัน
พอวางมือลงจากกระดาษข้อความ ซ่านจินจื๋อก็พูดด้วยเสียงเบา“เมื่อคืนในตอนที่ข้าหลับอยู่นั้น นางได้เห็นบาดแผลที่อยู่บนแขนของข้าหรือไม่?”
“ไม่เห็นขอรับ”เฉิงซานส่ายหน้า แล้วก็ทำท่าทำทางเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ พลางเอ่ยเสียงเบาไปว่า“แต่เมื่อวานนางค่อยๆผละจากตัวท่าน กลัวว่าจะทับโดนแผลของท่าน”
ถึงว่าล่ะตอนที่ตื่นขึ้นมานางถึงกอดผ้านวมนอนอยู่ตรงมุมนั้น
มุมปากของซ่านจินจื๋อยกขึ้นอย่างยิ้มๆ แล้วพูดว่า“ข้าต้องขอบคุณฉีหรัวจริงๆ”
“ในตอนนั้น ท่านอ๋องได้ยินเรื่องที่คุณหนูพูดตอนอยู่ห้องโถงหรอขอรับ?”เฉิงซานเงยหน้าขึ้นมา
“อย่างไรเสียนางก็มองไม่เห็นข้า เมื่อคืนข้าออกไปเดินเล่นสูดอากาศข้างนอกมีอะไรหรือ?”ซ่านจินจื๋อกวักมือเรียก ให้ข้ารับใช้นำยามาเปลี่ยนให้ตนเอง แล้วค่อยๆเดินไปที่ห้องครัว
ด้านหน้าลานมีคนอยู่เต็มไปหมด ถึงกู้อ้าวเวยจะนั่งอยู่ในห้องครัวแล้วไม่มีใครรู้
ในตอนที่ซ่านจินจื๋อเข้ามานั้น กู้อ้าวเวยกลับนั่งอยู่บนฟางของห้องครัวข้างๆประตู ในมือถือขนมเปี๊ยะแห้งนั่งกินอยู่ ข้างๆเท้ายังมีหมั่นโถวเจวางอยู่ แต่นักบวชที่อยู่ในครัวกำลังยกเก้าออกมาให้นางนั่ง
“คุณหนู ท่านนั่งบนเก้าอี้เถิด”
“บนฟางหญ้าก็นั่งสบายดีนะ”กู้อ้าวเวยเอาตัวพิงกับกำแพง แล้วถามเขาไปว่า“เมื่อวานเกิดเรื่องน่ากลัวขึ้น พวกเจ้าคงกลัวมากใช่ไหม”
เณรที่ยังอายุน้อยหลายรูปต่างพากันพยักหน้า แต่แล้วก็เริ่มพูดคุยกันขึ้นมา
ซ่านจินจื๋อที่มองอยู่ไกลๆมองดูเณรน้อยพวกนั้นถูกกู้อ้าวเวยถามจนไม่สามารถเอ่ยปากพูดอะไรกันขึ้นมาได้ แล้วก็ได้ยินกู้อ้าวเวยหัวเราะเบาๆพลางหยิบหมั่นโถวเจขึ้นมา อดที่จะถามเฉิงซานที่อยู่ข้างๆไม่ได้ว่า“นางยังมีส่วนไหนที่เหมือนคุณหนูตระกูลผู้ลากมากดีอยู่หรอ?”
“มาวันนี้ท่านอ๋องก็ไม่เหมือนท่านอ๋องแล้วเช่นกันนิ่ขอรับ”เฉิงซานนำเสื้อคลุมมอบให้ซ่านจินจื๋อ
ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน อ๋องจิ้งที่มีคนปรนนิบัติอยู่ตลอดเวลาตอนนี้หายไปไหนแล้ว อ๋องจิ้งที่โหดเหี้ยมเผด็จการเอาแต่ใจไม่สนใจชีวิตของบ่าวไพร่ยิ่งใช้ดินฝังกลบอย่างไม่ไยดี มาวันนั้นอ๋องจิ้งดูสุขุมนุ่มลึก ไม่เคยหนีปัญหาภาระหน้าที่และไม่ได้เผชิญหน้าตรงๆกับพี่ชายตัวเอง และยังมีสายตาอันเยือกเย็นขององค์ชายทั้งหลาย
เขาหันหลังเดินจากไป ซ่านจินจื๋อยกมือขึ้นสวมเสื้อคลุม แล้วพูดเวยน้ำเสียงเฉียบขาด“ตอนนี้ยากที่จะลงจากเขา ยิ่งเป็นทางสะดวกที่จะหาเบาะแสสอดส่องทุกตระกูลในตอนนี้”
เฉิงซานรับคำสั่งเสร็จก็ให้คนคอยดูแลกู้อ้าวเวยที่ต้มยาอยู่
ในตอนที่ซ่านจินจื๋อเดินเข้ามายังห้องโถง นอกจากฉีหรัวแล้วผู้หญิงทุกคนได้มองไปที่เขาเป็นสายตาเดียว
ถ้าหากไม่ใช่ว่าจี้ซูเคลื่อนไหวไม่สะดวก เกรงว่าจะพุ่งตรงเข้าไปซบตรงอกของซ่านจินจื๋อแล้ว ในตามีน้ำตารื้นขึ้นมาก่อนหน้านี้หวาดกลัวอย่างไร ซ่านจินจื๋อไม่เคยเอ่ยถาม เพียงนั่งอยู่บนที่นั่งของประธาน สายตากวาดมองไปที่คนสามคนที่อยู่ตรงหน้า แล้วเอ่ยพูดด้วยเสียงต่ำ“คนร้ายฆ่าตัวตายเอง แต่กลับบอกข้าไว้เรื่องหนึ่ง”
“เรื่องอะไร?”กู้อ้าวเวยคนนั้นเอ่ยถามขึ้นมาก่อน
“ในพวกเจ้า มีคนหนึ่งหักหลังข้า”
พอพูดจบ มือที่ถือพู่กันของฉีหรัวก็หยุดชะงักทันที เลิกคิ้วขึ้นมองไปที่เขา“เรื่องที่ท่านอ๋องพูดมันจริงหรอเพคะ?”
ซ่านจินจื๋อพยักหน้าอย่างตั้งใจ ปลายนิ้วลูบผ่านที่วางมือบนเก้าอี้ เฉิงซานที่อยู่ด้านนอกประตูหรี่ตาลงเล็กน้อย รีบเดินก้าวเข้าไปในห้องโถง ก้มหน้าไว้“ท่านอ๋อง คนที่ถูกระเบิดจนตายเป็นคนที่ราชวงศ์เลี้ยงไว้เพื่อเป็นหน่วยกล้าตายขอรับ”
“ราชวงศ์!”จี้ซูโผงขึ้นหนึ่งคำ
ตงฟางซวนเอ๋อกับกู้อ้าวเวยร่างกายแข็งทื่อ ใบหน้ามีท่าทางยากที่จะเชื่อ
“เหตุใดถึงได้เป็นเช่นนี้!นอกเสียจากว่าปรารถนาให้ท่านอ๋อง……”ยังไม่ทันพูดจบ สาวใช้ที่อยู่ข้างๆจี้ซูก็กระตุกแขนเสื้อนาง นางถึงได้หุบปากไป
ตงฟางซวนเอ๋อมองไปที่นางอย่างเกลียดเหล็กไม่กลายเป็นเหล็ก(ตั้งความหวังเข้มงวดเพื่อให้ได้ดี) ซ่านจินจื๋อรู้สึกว่าจี้ซูโง่เขลาเป็นอย่างมาก ยกมือขึ้นนวดคลึงตรงขมับ“ยังมีอีกไหม?”
“รอยสักด้านหลังของคนร้ายยังมีตราประจำตระกูลที่ยังไม่ได้ถูกแก้ไขของตระกูลตงฟาง แต่หน้าตาก็เหมือนกับลูกชายที่ชื่อกู่เซิงของกู้เฉิงเสี้ยงในตอนนั้นเป็นอย่างมากอีกด้วย”เฉิงซานคิ้วขมวดเป็นปม พูดอย่างจริงจัง
เมื่อเป็นดังนั้นแล้ว แม้แต่ตงฟางซวนเอ๋อกับกู้อ้าวเวยก็ถูกดึงเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย มีเพียงจี้ซูที่มีพิรุธออกมาให้เห็น
สีหน้าของซ่านจินจื๋อเคร่งขรึมลงหลายเท่า สายตาไปตกอยู่บนตัวของฉีหรัว“ข้าคิดว่าหญิงในตระกูลเหล่านี้ ข้าจะส่งมอบให้พระชายาจงผิงเป็นผู้ดูแล รอหลังจากที่เรื่องราวทุกอย่างคลี่คลายแล้ว คุณหนูทั้งสามท่านถึงจะก้าวออกไปจากห้องโถงได้”
“เสด็จอาวางใจเถิด”แววตาของฉีหรัวมีประกายบางอย่างวาดผ่าน
การตกปลาครั้งนี้มันพึ่งเริ่มต้นขึ้นเอง