บทที่ 940 ล้อมคอก
พออิ่มหนำสำราญแล้ว ซ่านจินจื๋อก็นำเรื่องของตงฟางซวนเอ๋อเล่าออกไปให้ฟังทั้งหมด
กู้อ้าวเวยนั่งอยู่บนเก้าอี้พันผ้าแผลให้ตัวเอง แล้วนำชุดยาวที่ใกล้จะตกเก็บกลับมาวางไว้บนตัก พลางพูดขึ้นมาว่า“ประเด็นคือเจ้าเตรียมการไปถึงไหนแล้ว อีกทั้งคำพูดของนางจะเชื่อได้มากน้อยแค่ไหนกัน”
“เชื่อได้หรือไม่ได้ พอลงจากเขาก็รู้ได้แล้วล่ะ”ซ่านจินจื๋อเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่บนเตียง ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตาม เขาก็จะไม่บอกเรื่องที่ตัวเองบาดเจ็บกับใครทั้งนั้น
“มีเหตุผล แต่ข้ารู้สึกแปลกใจ เหตุใดนางถึงต้องคุยกับท่านดึกขนาดนี้?”กู้อ้าวเวยจัดระเบียบผ้าพันแผลของตัวเอง แล้วเอี้ยวตัวหันไปทางซ่านจินจื๋อ มือข้างหนึ่งเท้าคางไว้ แล้วเอียงศีรษะพูด“นี่มันเห็นได้ชัดว่านางมีใจให้ท่าน นางอาจจะอิจฉาตำแหน่งของจี้ซูในตอนนี้ก็เป็นได้ จับเจ้า……นึกเสียว่าข้าไม่ได้พูดละกัน”
ยังพูดไม่ทันจบ กู้อ้าวเวยก็รู้สึกว่าแผ่นหลังของตัวเองมีอะไรบางอย่างเย็นเฉียบปีนป่ายขึ้นมา
“เมื่อก่อนเจ้าไม่ได้พูดอย่างนี้นะ”
“เมื่อครู่เจ้าบอกว่าข้าไม่ต้องทำตามกฎระเบียบก็ได้นิ่ ข้าแค่พูดความจริงก็ไม่ได้เลยหรอ?”กู้อ้าวเวยยกมือขึ้นขยี้ไปที่ใบหน้าอย่างเบื่อหน่ายเป็นอย่างมาก“เจ้ามักจะบอกว่าผู้หญิงเหล่านั้นเข้าใกล้เจ้าเพื่อผลประโยชน์ ทำไมเจ้าไม่เคยคิดว่าครั้งนี้อาจจะเป็นคำแก้ตัวก็ได้ ความจริงอาจจะอยากมีลูกกับเจ้าก็ได้”
ซ่านจินจื๋อฟังจนปวดหัว“ถ้าหากข้าไม่ใช่ท่านอ๋องก็ไม่มีเรื่องวุ่นๆมากมายขนาดนี้แล้ว”
“ความจริงเจ้าหน้าตาน่าเกลียดหน่อยน่ะค่อยยังชั่ว”กู้อ้าวเวยเอามือสองข้างยกขึ้นมาทำท่าช่วยไม่ได้
“ถ้าหากข้าหน้าตาอัปลักษณ์ เจ้ายังจะเอาข้าอีกหรอ?”ซ่านจินจื๋อเดินไปข้างหน้า ช่วยนางดึงจัดระเบียบเสื้อส่วนที่อยู่บนอกให้เข้าที่เข้าทาง แม้แต่ที่คาดเอวยังดึงลงมา
กู้อ้าวเวยรีบยกสองมือขึ้นมา กลัวว่าจะไปโดนแผลของเขา
“พูดสิ”ซ่านจินจื๋อดึงที่คาดเอวอย่างแรง
“หน้าตาอัปลักษณ์ ข้าไม่เอาจริงๆนั่นแหละ”กู้อ้าวเวยพูดไปด้วยหัวเราะไปด้วย เป็นไปตามคาดที่คาดเอวถูกดึงลงมาอย่างแรง แต่ซ่านจินจื๋อก็ยังคงสวมเสื้อผ้ากลับไปให้นางใหม่ แล้วพูดเสียงขรึม“ถ้าอย่างนั้นควรจะซื่อสัตย์ต่อข้าใช่ไหม”
“ถ้าเจ้าไม่ได้พบเจอข้าเสียก่อน ตอนนี้เจ้าก็คงไม่สนใจใคร แม้แต่เง็กเซียนฮ่องเต้ก็ทำอะไรเจ้าไม่ได้ ”กู้อ้าวเวยอมยิ้มเอียงพลางศีรษะไปด้วย แล้วนวดคลึงไปตรงเอวที่ปวดเมื่อย หัวเราะพลางพูดไปด้วยว่า“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว คืนนี้ถ้าเจ้าไปพบตงฟางซวนเอ๋อต้องเอาข้าไปด้วย”
“เจ้ากลัวตงฟางซวนเอ๋อจะขืนใจข้าอย่างงั้นหรอ?”ซ่านจินจื๋อยกมืขึ้นเพื่อช่วยนาง
“ข้ากลัวว่านางจะวางยา”กู้อ้าวเวยคลำไปที่คางของซ่านจินจื๋อ แล้วจิ้มเบาๆ มุมปากค่อยๆยกขึ้นมา“เจ้าหน้าตาไม่น่าไว้ใจน่ะ”
ซ่านจินจื๋อตกไปที่ศีรษะของนางเบาๆ ในที่สุดก็รู้แล้วว่าเหตุใดกุ่ยเม่ยที่นิสัยดีขนาดนี้ยังกล้าลงมือกับนางได้
เจ้าไม่มีทางรู้ว่านางจะพูดอะไรเป็นคำต่อไป
พอลูบไปที่ศีรษะบ่อยๆแล้ว กู้อ้าวเวยก็หัวเราะแห้งๆหลายครั้งแล้วไม่กล้าพูดอะไรต่อไปอีก เพียงแต่พูดอย่างหน่ายใจว่า“ข้ากลัวว่าเจ้าจะไม่รักษาศีลธรรมนิ่?”
“ข้าเผลอใจหรือไม่ เจ้าไม่รู้อย่างนั้นเหรอ?”ซ่านจินจื๋อจับไปที่มือที่อยู่ข้างหลังของนาง บีบไปหนึ่งครั้ง กู้อ้าวเวยตกใจจนยืนตัวตั้งตรงแล้วถอยหลังไปหลายก้าว“ไอ้บ้ากาม!”
ซ่านจินจื๋อหัวเราะพลางมองท่าทางที่ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ลุกขึ้นยืนตรงหน้าของนางแล้วรวบตัวเข้ามาในอ้อมกอด“เอาล่ะ พูดเรื่องสำคัญกันดีกว่า”
กู้อ้าวเวยมองหน้าเขาอย่างเหลือเชื่อ เหตุใดเขาถึงเหมือนซ่านเชียนหยวนเมื่อก่อนเป็นอย่างมาก
ทั้งสองทะเลาะกันในห้องไม่หยุด ซ่านจินจื๋อจึงหน้าด้านอาศัยจังหวะที่นางเผลอ รังแกคนตัวเล็กไปรอบหนึ่ง แกล้งจนนางนางแดงก่ำและยังไม่ลืมที่จะระวังแผลที่อยู่บนแขนของตัวเอง หน้าตาท่าทางเหมือนโดนบังคับทำให้ซ่านจินจื๋อรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาเยอะ
สุดท้าย กู้อ้าวเวยก็หยัดยาเข้าไปในมือของนางขวดหนึ่ง“คืนนี้ข้าจะค้างกับฉีหรัว เจ้าพักผ่อนดีๆเถอะ”
นางไม่อยากถูกตรึงกดไว้กับเตียงโดนรังแกหรอกนะ
พูดจบนางก็เหมือนจะหนีเตลิดเปิดเปิงลากแขนเสื้อขององครักษ์วิ่งออกไป เฉิงซานยืนอยู่ข้างๆซ่านจินจื๋ออย่างเขินๆ“ท่านอ๋องขอรับมีอะไรให้ข้าน้อยรับใช้หรือไม่?”
“อย่าให้นางหนีไปแม้แต่ก้าวเดียว”ใบหน้าของซ่านจืนจื๋อขรึมลง
“คืนนี้ท่านอ๋องเตรียมจะ……”
“ข้าจะไปถามหยวนเอ๋อ มีเรื่องอะไรที่พูดกับเวยเอ๋อได้ แต่พูดกับข้าไม่ได้”ซ่านจินจื๋อมองกู้อ้าวเวยที่สวมชุดของตัวเองวิ่งไปไกลแล้ว นัยน์ตาของเขาก็เยือกเย็นลง
เฉิงซานไว้อาลัยแด่อ๋องจงผิงหนึ่งครั้งในใจ
หลังจากที่ฉีหรัวไล่ตงฟางซวนเอ๋อไปแล้ว กู้อ้าวเวยถึงพลิกตัวเข้ามาจากหน้าต่างอย่างระมัดระวัง องครักษ์ที่อยู่ด้านหลังก็คอยพยุงนางเข้ามาข้างในแล้วคอยเปิดหน้าต่าง
ฉีหรัวมองดูบนตัวนางเห็นได้ชัดว่าสวมเสื้อผ้าที่ใหญ่กว่าหลายเท่า ตากระตุกขึ้นมา วางพู่กันในมือลง แล้วถามขึ้นมาว่า“เสื้อผ้าของเจ้า……”
“ของเขาน่ะ เขาบอกว่าชุดผ้าขี้ริ้วของข้ามันไม่อบอุ่น”กู้อ้าวเวยคลำหาเก้าอี้แล้วพยุงตัวเองให้นางลง ขยี้ปลายจมูกที่แดงเล็กน้อย“ข้าคิดว่าเขาคงจะรู้สึกว่าเสื้อผ้าขี้ริ้วของข้าจะทำให้ขัดหูขัดตาเขามั้ง”
อ๋องจิ้งอาจจะมีรสนิยมพิเศษก็ได้
ฉีหรัวยิ่งไม่อยากมองคอเสื้อที่ถูกคนดึงออกอย่างตั้งใจ อดไม่ได้ที่จะกลอกตามองบน“เพราะฉะนั้นเจ้าก็เลยรีบมาหาข้าที่นี่อย่างรีบร้อนมีเรื่องอันใดกัน?”
“คืนนี้ข้าจะค้างกับเจ้า พอดีว่าข้ามีเรื่องอยากจะถามเจ้าหน่อย”กู้อ้าวเวยยื่นมือไปจับแก้ว
สาวใช้ที่อยู่ข้างๆรีบไปรินน้ำให้นางหนึ่งแก้ว กู้อ้าวเวยกล่าวขอบคุณเสียงเบาแล้วเปิดปากพูดขึ้นมาว่า“ซ่านจินจื๋อไม่ยอมให้ข้าทำอะไรเลย แต่ข้ายังอยากจะวิจัยคว้าเรื่องเลือดก่อนหน้านี้ ไม่รู้ว่าที่เจ้าตรงนี้มีหรือไม่?”
“ตอนนี้ถูกขังอยู่บนหุบเขา เจ้ายังมีอารมณ์มานั่งวิจัยค้นคว้าเรื่องพวกนี้อยู่หรอ?”คิ้วของฉีหรัวแทบจะเลิกขึ้นมาทั้งหมด
“ก็ข้าอยู่เฉยๆมันน่าเบื่อนิ่ ข้าไม่อยากคอยต่อล้อต่อเถียงกับเขาในห้องไปวันๆ ต้องแก้ไขเรื่องราวถึงจะถูก”ปลายนิ้วของกู้อ้าวเวยวาดผ่านโต๊ะไป นางกดเสียงต่ำเอ่ยออกมาว่า“ข้าจำได้ว่าโม่ซานเคยเหลือไว้บ้าง เจ้ารู้ไหมว่าอยู่ที่ไหน?”
“อ๋องจิ้งบอกว่าไม่อยากให้เจ้าแตะต้องเรื่องนี้”ฉีหรัวกล่าวเสียงเยือกเย็น
“เจ้าเป็นเพื่อนรักของข้าไม่ใช่หรอ?”
“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องดูว่าดวงตาที่มืดสนิทของเจ้าเข้าไปในสถานการณ์ที่ทำให้ตัวเองเดือดร้อนอย่างนั้นหรอ?”ฉีหรัวนำที่ทับกระดาษกระแทกเข้ากับโต๊ะเสียงดัง แล้วกล่าวอย่างตำหนิ“ก่อนที่จางเหยียงซานจะไปบอกให้เจ้านอนพักผ่อนเยอะๆ รักษาดวงตาให้ดี ไปนอนซะ!”
กู้อ้าวเวยตกใจจนหดไหล่ลง แล้วก็ถูกสาวใช้ทั้งสองกึ่งลากกึ่งดึงไปนอนบนเตียงอย่างว่าง่าย ฉีหรัวมองดูนางที่ท่าทางเหมือนกับคนถูกรังแกอย่างอดขำไม่ได้ แต่ก็เลิกคิ้วขึ้น
ตามลักษณะนิสัยของอ๋องจิ้งแล้ว สามารถทำให้กู้อ้าวเวยมาได้ เกรงว่าคงจะไปกล่าวโทษซ่านเชียนหยวนเป็นแน่
นางไม่ยอมไปช่วยหรอก ใครบอกให้ซ่านเชียนหยวนไม่พูดความจริงกับนาง
กู้อ้าวเวยนอนตะแคงกอดผ้านวม ได้ไม่นานก็หลับผล็อยไป ฉีหรัวสั่งการให้คนไปนำกระถางธูปมา แล้วตนเองก็สั่งการสาวใช้ที่อยู่ข้างๆ“ฝากไปพูดกับอ๋องจงผิงหน่อยว่า คืนนี้ข้าจะพักที่นี่เพื่อคอยเฝ้ากู้อ้าวเวย”
“เจ้าค่ะ”สาวใช้พยักหน้าพลางยิ้มไปด้วย หลังจากที่วางสำรับแล้วก็รีบเดินจากไป
พึ่งเดินไปถึงหน้าประตูก็ได้ยินเสียงดังมาจากด้านใน สาวใช้รีบผลักประตูเปิดโผล่หัวเข้าไป กำลังเห็นอ๋องจงผิงนั่งแมะอยู่บนพื้น แต่อ๋องจิ้งยืนอยู่ข้างๆ สีหน้าเคร่งขรึม ตกใจจนนางต้องรีบปิดประตูลง
สีหน้าอันเคร่งขรึมของซ่านจินจื๋อ“เจ้าคิดว่าเรื่องที่พวกเจ้านึกถึง ข้าจะคิดไม่ถึงใช่ไหม?”
“เสด็จอาท่านทุ่มข้า!”ซ่านเชียนหยวนพูดอย่างน่าสงสาร เขาทำเพื่อเสด็จอากับกู้อ้าวเวยจะได้พักผ่อนหลายวันหน่อย จนเมื่อคืนแทบจะไม่ได้หลับได้นอน
“เวยเอ๋อเป็นอาของเจ้า หรือข้าเป็นอาของเจ้ากันแน่?”ซ่านจินจื๋อมองเขาด้วยสายตาเย็นชา บาดแผลตรงแขนยังปวดแสบไม่หาย
“นางฉลาดกว่า”
“นางกำลังป่วย มีเรื่องอะไรก็ให้บอกข้า”ซ่านจินจื๋อลากเขาขึ้นมาจากพื้น แล้วถามว่า“ตกลงทางที่หลังเขาเป็นอย่างไรบ้าง?”
“สามารถผ่านได้ แต่คนที่ส่งลงเขาไปกลับมาบอกว่าข้างล่างเขายังมีคนล้อมไว้ ยังไงก็ต้องระวังหน่อย”ซ่านเชียนหยวนตบฝุ่นที่เกาะอยู่บนเสื้อผ้าอย่างโกรธเคือง มองเขา“เรื่องนี้ดูท่าไม่ดีแล้วล่ะ”