บทที่ 944 หมู่บ้านประมงที่แสงอันตราย
พอได้ยินชื่อของกุ่ยเม่ย กู้อ้าวเวยก็ตื่นขึ้นมา
ซ่านจินจื๋อสั่งให้คนบอกให้คนนำความลับเข้ามาอย่าให้คนรู้ ยืนขึ้นมาพร้อมกับหยิบชุดของตงฟางซวนเอ๋อขึ้นมาด้วย เอ่ยเสียงเบา“ตอนนี้ตงฟางซวนเอ๋อถูกจองจำ เสื้อผ้าพวกนี้ก็ไม่จำเป็นสำหรับนางแล้ว”
“ชุดผ้าขี้ริ้วก็ดีอยู่แล้วนิ่”
“ถ้าอย่างงั้นพี่ชายเจ้าเห็นไม่เอาข้าตายหรอ”ซ่านจินจื๋อเดินไปข้างหน้า ช่วยนางจัดระเบียบเสื้อ แล้วค่อยๆลูบผ่านท้ายทอยของนางไป ร่องรอยสีเทาหม่นก่อนหน้าตอนนี้ได้หายไปหมดแล้ว แกผ้าพันแผลที่พันรอบดวงตาลงมา ทำให้เห็นดวงตาคู่สีเทาหม่นคู่นั้นกำลังจ้องมองเขาอยู่
“ข้าไม่ยอมเรียกเขาว่าพี่ชายแน่”กู้อ้าวเวยพูดอู้ๆอี้ๆ สวมชุดสีน้ำเงินครามลุกขึ้นยืน“แต่มาได้จังหวะพอดีเลย ทางที่ดีพาข้าลงเขาไปด้วยเลย เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องอะไร”
“อืม”หัวใจที่เหมือนกับแขวนไว้บนปากเหวในที่สุดก็โล่งใจ
พอมาถึงห้องข้างๆ กุ่ยเม่ยที่สวมชุดยาวที่เทาเข้ม ด้านหลังมีพวกยาถูกวางไว้บนเก้าอี้ กุ่ยเม่ยทำเพียงแค่มองผ่านนางไปแวบหนึ่ง แล้วพูดขึ้นมาว่า“พวกเจ้าไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว เมื่อวาน ไทเฮาถูกรับตัวกลับไปจากอารามไป๋หม่า องค์ชายสามเป็นคนพาเข้าวังหลวง ตอนเช้าตรู่ คนที่ลงจากเขาน้อยลงไปกว่าครึ่งหนึ่ง ข้าจึงพาสองคนนี้ขึ้นมา”
พอเพียงแค่มองอย่างละเอียด ซ่านจินจื๋อจะพบว่าคนสองคนที่อยู่ด้านหลังกุ่ยเม่ยไม่ใช่คนของแคว้นชางหลาน
แต่หลังจากที่กุ่ยเม่ยมองเห็นสายตาที่มองมาของซ่านจินจื๋อจึงยกมือขึ้นทำท่าคารวะ แล้วพูดขึ้นมาว่า“อย่างไรเสียวันนี้ก็ไม่อยู่ที่เดียวกัน”
“ไม่เป็นไรหรอก เจ้าพาเวยเอ๋อไปเถอะ ข้าจะรอจนกว่าทางบนเขาเรียบร้อยจะตามลงไป”เขายังมีเรื่องที่จะถามตงฟางซวนเอ๋อไม่น้อย ถ้าหากซ่านต้วนโฉงมีความคิดอยากจะลากพวกเขาไปฝังหลุมด้วยกัน แน่นอนว่าเขามีแผนอย่างอื่น
กุ่ยเม่ยพยักหน้า พึ่งเดินไปข้างกู้อ้าวเวยแต่นางกลับเบี่ยงตัวหลบ
กู้อ้าวเวยเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าวแล้วดึงมือของซ่านจินจื๋อ แล้วกระซิบกระซาบพูดเสียงเบา“ไม่เข้าถ้ำเสือ จะได้ลูกเสือได้ยังไง”
นัยน์ตามีความกังวลแวบผ่าน ซ่านจินจื๋อหันหน้ากลับไปมองดวงตาอันมุ่งมั่นคู่นั้น เพียงแค่ยกมือขึ้นบีบแก้มของนาง นำป้ายตำแหน่งที่ห้อยอยู่ตรงเอวยัดเข้าไปในมือของนาง แล้วพูดขึ้นมาว่า“ต้องระวังนะ”
“เจ้าก็เหมือนกัน”ตอนนี้คนที่มีอันตรายมากที่สุด ไม่ใช่กู้อ้าวเวยคนเดียวแล้ว
ปลายนิ้วจากไป กู้อ้าวเวยหันกลับไปเดินไปยืนข้างๆกุ่ยเม่ย ซ่านจินจื๋อสั่งให้คนนำยาที่เหลือไปใช้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด อีกด้านก็พยายามคิดหาวิธีขุดเปิดทางบนเขาให้ผ่านได้ ต่างวุ่นวายกันไม่หยุด
สายตาของกุ่ยเม่ยมองไปที่ทั้งสองไปๆมาๆ สุดท้ายก็พูดอยู่ด้านหลังของกู้อ้าวเวย“ระหว่างพวกเจ้าสองคนเหมือนจะมีอะไรแตกต่างออกไปนะ?หรือคิดอะไรขึ้นมาได้ล่ะ?”
“ไม่มีอะไรแปลกนิ่ เป็นเจ้าที่คิดมากเกินไปต่างหาก”กู้อ้าวเวยกอดคอของกุ่ยเม่ย ในตอนที่พิงไปกับแผ่นหลังของเขายังไม่ลืมที่จะตามไปว่า“เพราะเหตุใดถึงไม่มีเบาะแสของยู่จือล่ะ?”
“หลายวันก่อนนางถูกเรียกตัวเข้าวังหลวง บอกว่าให้เข้าไปรับใช้งานเฝ้าสังเกตดวงดาวเพื่อคำนวณและประกาศใช้ปฏิทินหลวงแล้วก็ไม่พบนางอีกเลย ข้ากับคนของท่านอ๋องเข้าไปไม่ได้ แต่ก็ได้ข่าวจากใต้เท้าเมิ่งว่ายู่จือไม่เป็นอะไร”กุ่ยเม่ยพูดขึ้น เสียงนั่นค่อยๆกดต่ำลงเสียงอ้อมผ่านป่าเขาลำเนาไพรมายังสวนด้านหลัง ทางบนเขาของที่นี่คดเคี้ยว มาวันนี้ยังดีที่ไม่ได้ฝนตกถึงได้สามารถเดินผ่านได้
ทางเท้าเปียกลื่น ในโพรงจมูกคละคลุ้งเต็มไปด้วยกลิ่นสาบของโคลน
กู้อ้าวเวยเดินอย่างระมัดระวัง กุ่ยเม่ยที่อยู่ด้านล่างเพียงแค่ยกมุมปากขึ้น เขามักจะรู้สึกว่ากู้อ้าวเวยในตอนนี้อ่อนโยนขึ้นมาก การพูดการจาก็ไม่ได้บีบเคล้นบังคับคนอื่นอีกแล้ว
ตลอดทางลงจากเขา หลังจากที่เอานางนั่งบนรถม้าแล้ว กุ่ยเม่ยนำขวดยาขวดหนึ่งยื่นไปให้กู้อ้าวเวยไป“นี่เป็นยาที่จางเหยียงซานบอกให้ข้านำมาให้เจ้า บอกว่าเป็นยาที่ช่วยรักษาดวงตา เขายังบอกอีกด้วยว่าลูกที่อยู่ในครรภ์ของจี้ซูเกรงว่าจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่วันแล้ว”
พอได้ยินเรื่องของจี้ซู กู้อ้าวเวยขมวดคิ้วเบาๆ“โชคดีที่เด็กยังไม่ได้มายังโลกใบนี้ ถ้าหากต้องมีแม่อย่างนี้ กลัวว่าชีวิตนี้คงจะต้องจบแน่ ภายภาคหน้าคงใช้ประโยชน์จากเขาไม่น้อยอย่างแน่นอน”
กุ่ยเม่ยดึงเชือกของรถม้าขึ้นมา และยังไม่ลืมที่จะพูดไปว่า“แม่แท้ๆอย่างเจ้าก็ไม่ได้คิดจะเขียนจดหมายหาชิงจือนิ่ หลายวันมานี้เขาส่งจดหมายคิดถึงมาหาแม่แท้ๆของเขาไม่น้อยเลยนะ”
“จริงหรอ?”กู้อ้าวเวยขยับตัวเข้าไปใกล้กุ่ยเม่ย มุมปากมีท่าทีกำลังยิ้มอยู่“แต่น่าเสียดายที่ข้ายังไม่เคยเห็นเขา”
“รอเจ้าจำได้แล้วก็รู้เองแหละ ตอนนี้พวกเราต้องไปเขาหยินซาน พรุ่งนี้ค่อยไปเมืองเทียนเหยียน”กุ่ยเม่ยดึงผ้าคลุมสีเทาเข้มลง คนที่อยู่ในป่าไกลก็มองไม่เห็นหน้าตาของนาง กู้อ้าวเวยนั่งอยู่ในรถม้า
ชาวบ้านนายพรานปลูกหรือหาสมุนไพรในป่าเดินทางผ่านถนนเส้นนี้ เห็นรถม้าคันนี้ผ่านเพียงแค่มองครู่เดียว
กู้อ้าวเวยดึงม่านไม่ให้มันปลิวขึ้นมา พลางถามขึ้นด้วยว่า“ไปเขาหยินซานทำอะไร?”
“โม่ซานพบว่าคนในหมู่บ้านประมงไม่ธรรมดา ตั้งใจไป……”
“เจ้ารีบไปตามหาโม่ซานในหมู่บ้านประมงเถอะ หมู่บ้านประมงนั่นไม่ได้ง่ายหรือธรรมดาเหมือนที่เห็นฉาบหน้านะ!”กู้อ้าวเวยรีบลุกขึ้นยืนอย่างร้อนใจ นางรู้ดีว่าคนในหมู่บ้านประมงส่งคนไม่น้อยไปให้หมู่ตึก แต่หมู่บ้านประมงเล็กๆนั่นไม่มีคุกอะไร คนที่ตายไปพวกนี้ เกรงว่าจะผ่านคนในหมู่บ้านประมงพวกนี้
นางรีบนำเรื่องพวกนี้ไปบอกกับกุ่ยเม่ย แต่ทันใดนั้นก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ และชะงักไปชั่วครู่
กุ่ยเม่ยตะลึงพรึงเพริดไป รีบหวดแซ่ลงกับม้ารีบผ่านป่าแห่งนี้ไป พลางพูดขึ้นด้วยว่า“อีกทั้งพวกเราก็สืบเบาะแสเรื่องของบัณฑิตผู้นั้นแล้ว บัณฑิตผู้นั้นแซ่หวัง ตอนนั้นเคยอาศัยอยู่ในหมู่บ้านประมงแห่งนั้นเป็นเวลาสองปี แต่ในหมู่บ้านประมงนั่นกลับไม่มีร่องรอยแม้แต่น้อย และไม่มีคนรู้จักเขา โม่ซานพึ่งไปมา”
หัวใจของกู้อ้าวเต้นดังตุ๊บ
ดูท่าแล้วบัณฑิตผู้นั้นจะเป็นเหยื่อสละชีพ ถึงเขาจะถูกยกย่องว่ามีความรู้ความสามารถขนาดไหน น่ากลัวว่าจะเป็นเพราะเขารู้เรื่องที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านประมง เมืองเทียนเหยียนพวกเศรษฐีพวกนั้นกระทั่งตระกูลตงฟางก็ต้องกำจัดเขาอยู่ดี
ที่แท้เรื่องทุกอย่างก็ไม่ธรรมดาไม่ง่ายเหมือนที่คิดจริงๆ
นางกำผ้าม่านในมือแน่น กู้อ้าวเวยอยากจะลงไป“รถม้าไม่ต้องใช้แล้วนะ พวกเราขี่ม้าไปเถอะ ถ้าหากว่าเรื่องที่เจ้าพูดเป็นเรื่องจริง เกรงว่าทั้งหมู่บ้านประมงจะเป็นหลุมพราง”
หลังจากที่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ซ่านจินจื๋อก็ยังคงมอบรถม้าที่อยู่ด้านหลังส่งมอบให้ข้ารับใช้ที่อยู่ด้านหลัง พากู้อ้าวเวยนั่งไปที่ม้าอีกตัวหนึ่ง พลางถามขึ้นมาว่า“หมู่บ้านประมงนั่นตั้งอยู่ที่ไกล จะมีคนผ่านทางมากขนาดไหนเชียว?”
“เป็นเช่นนี้ไง เพราะฉะนั้นคนที่เดินทางอยู่ต่างมีจุดประสงค์เดียวกัน”กู้อ้าวเวยกอดแผ่นหลังของกุ่ยเม่ยไว้แน่น เอ่ยด้วยเสียงขรึม“นอกจากว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด หรือเป็นบัณฑิตที่หลงทางระหว่างจะเข้าไปสอบในเมืองหลวง และมีเพียงคนที่อยากตามหาบรรพบุรุษของตระกูลหยูนที่พบเจอความลับในหมู่บ้านประมง คนพวกนั้นต้องไปเพราะเรื่องอมตะนั่นเป็นแน่”
“บ้าเอ้ย!”กุ่ยเม่ยสบถออกไปหนึ่งคำ
ตอนนั้นบัณฑิตผู้นั้นเข้าไปในหมู่บ้านประมงเป็นเวลาหนึ่งปี เกรงว่าเขาจะรู้เรื่องแล้วต้องเข้าร่วมกับคนร้ายเพื่อมีชีวิตรอดต่อไป ถึงตอนนี้เขาจะถูกฆ่าปิดปากไป กระทั่งสถานที่ตายก็ถูกกำหนดไว้แล้ว
โม่ซานไปเพียงลำพังคนเดียว วรยุทธ์ของเขาแกร่งกล้า เขาต้องคิดไม่ถึงว่าทั้งหมู่บ้านประมงมีพิรุธเป็นแน่!
สีหน้าของกู้อ้าวเวยคล้ำจนสามารถหยดเป็นน้ำได้แล้ว
ตกลงคนพวกนี้จิตใจทำด้วยอะไรกันแน่ ถึงกลับกล้านำชีวิตมากมายขนาดนี้มาทดลองยา