บทที่ 943 ลางบอกเหตุ
ก่อนที่จะนอน หลังจากที่กู้อ้าวเวยได้ทำแผลแล้วนำผ้ามาพันแผลให้เขาแล้ว นางก็ได้เอ่ยปากพูดขึ้นมาว่า“ข้าเอาพันแผลผืนนี้ไปให้เฉิงซานก่อนนะ เจ้านอนก่อนเถอะ”
“เรียกเฉิงซานเข้ามาก็ได้นิ่”หลังจากที่ซ่านจินจื๋อได้ทำแผลแล้วก็นอนหลับไปด้วยความเพลีย
“กว่าเขาจะได้งีบมันไม่ง่ายเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้กำลังคนก็มีไม่พอ ข้าแค่อยากนำผ้าพันแผลไปวางไว้ที่ข้างๆห้องเอง”กู้อ้าวเวยยิ้มบางแล้วตบบ่าของซ่านจินจื๋อ หยิบผ้าพันแผลที่เปื้อนเลือดออกไปจากหัวเตียง
ก่อนที่จะไป นางยังนำห่อผ้าที่วางอยู่บนโต๊ะไปด้วย
ดวงตาสว่างสุกใสของซ่านจินจื๋อในท่ามกลางความมืด เขาไม่ได้เห็นกู้อ้าวเวยนำห่อผ้าติดตัวไปด้วยแค่เพียงครั้งแรกนะ นำออกไปเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน
วันนี้เฉิงซานนอนไปไม่กี่ชั่วยาม คนที่เหลือจึงต้องคุ้มภัยในที่ซ่อนตัว ข้ารับใช้ที่อยู่ในที่สว่างส่วนมากแทบจะไปช่วยขุดหลังสวนเพราะน้ำท่วมขังในวัดที่ต้องหาที่ระบาย กู้อ้าวเวยเดินออกไปคนเดียวเขาก็ไม่วางใจ
จึงลุกขึ้นจะเดินตามไป
เดินไปตามกำแพงภายใต้หลังคาข้างๆห้อง ซ่านจินจื๋อตอนแรกไม่ได้ตามเข้าไป แต่กลับได้ยินเสียงไอเล็กๆดังลอดมา เขาตะลึงไปชั่วครู่ พอรอสักครู่ก็เห็นกู้อ้าวเวยเดินออกมาจากด้านใน ในมือยังถือผ้าเช็ดหน้าไว้
เดินไปเรื่อยๆจนถึงใต้หลังคา ซ่านจินจื๋อก็อาศัยแสงจากฟ้าแลบมองเห็นจุดที่เป็นสีแดงทั่ว
“เจ้าไอเป็นเลือดแล้ว”ซ่านจินจื๋อเอ่ยเสียงเบา
กู้อ้าวเวยร่างสั่นไหว ผ้าเช็ดหน้าที่ถืออยู่ในมือเกือบตกลงไปในน้ำ ด้านหลังเอวถูกชายหนุ่มพยุงไว้อย่างรวดเร็ว ใช้แรงเล็กน้อย ผ้าเช็ดหน้าอันเปียกโชกในมือถูกแย่งไป
“ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”น้ำเสียงของซ่านจินจื๋อมีความโกรธอยู่เล็กน้อย
“แค่เรื่องเล็กน้อยเอง เดี๋ยวไปดื่มยา……”
“ข้าจะไม่รักษา แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าข้าจะไม่รู้ว่าเจ้าชำนาญการโกหกในเรื่องแบบนี้”ซ่านจินจื๋อโยนผ้าเช็ดหน้าโยนไปไว้ที่เท้า เข้าบีบคาของนางจากด้านหลัง แล้วพูดด้วยเสียงขรึม“ถ้าหากเป็นปัญหาเล็กจริงๆ เจ้ายังต้องปิดบังข้าอยู่อีกหรือ?”
คางถูกบีบจนเจ็บ กู้อ้าวเวยดึงมือของเขาไว้ด้วยสีหน้าที่ซีดเผือด“แขนของเจ้ามีแผลนะ”
“เป็นห่วงข้า แต่ไม่เป็นห่วงตัวเองใช่ไหม?ถ้าชิงจือรู้ว่าข้าไม่ดูแลแม่ผู้บังเกิดเกล้าของเขาให้ดีจะเป็นอย่างไร?”ซ่านจินจื๋อโกรธจนแทบอยากจะบีบหัวของนางให้เละ แม้แต่เสียงหายใจยังรวมอยู่ในนั้น“เจ้ายังกลัวที่จะถูกเปิดเผยจุดอ่อน เพราะฉะนั้นจะบอกข้าไม่ได้เลยรึไง?”
สีหน้าของกู้อ้าวเวยซีดลงไปเล็กน้อย นางรีบคว้ามืออันสั่นเทาของซ่านจินจื๋อ“ข้าก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้ไอเป็นเลือด”
เสียงของนางเบามาก หยาดฝนที่เทลงมากระเด็นโดนเท้าทำให้ชายกระโปรงกับรองเท้าของนางเปียกไปหมด มือที่จับข้อมือของซ่านจินจื๋ออยู่นั้นเบาลงเรื่อยๆจนกระทั่งตกลงไป
ชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลังชะงักไป แล้วรีบคลายมือออกจากนางอย่างร้อนใจ เสียงอันอ่อนโยนเอ่ยขึ้นมาว่า“ข้าไม่ได้……”
“โทษข้าที่มอบความทรงจำที่ไม่ดีให้เจ้า ตอนแรกข้าอยากจะบอกวิธีแก้ไขให้พวกเจ้า”กู้อ้าวเวยยกมือขึ้นเพื่อขยี้ผมอันปรกรกหน้า ก้มตัวลงไปเก็บผ้าเช็ดหน้าขึ้นมา ซ่านจินจื๋อคว้าแขนของนางไว้“เดี๋ยวข้าจะให้คนเตรียมผืนใหม่ให้เจ้า ไปพักผ่อนก่อนเถอะนะ”
“ข้าไม่ได้ตั้งใจปิดบังเจ้านะ”
“ข้าไม่ได้โทษเจ้าหรอก เพียงแต่……โทษตัวเองที่ทำให้เจ้าไม่ไว้ใจ”ซ่านจินจื๋อเอ่ยปากขึ้นอย่างอึดอัด เขาคิดว่ากู้อ้าวเวยยังคงเป็นนางในตอนนั้น คิดว่านางแข็งแกร่งมาก แต่กลับคิดไม่ถึงว่านางเองยังกังวลเรื่องไอเป็นเลือด
กู้อ้าวเวยถึงเขาดึงตัวขึ้นมา แล้วจูงมือไปขึ้นเตียง
เงียบไปอยู่นาน กู้อ้าวเวยถึงได้ค่อยๆดึงมือของซ่านจินจื๋อไว้ ศีรษะยังมุดอยู่ในไหปลาร้าของเขา ซ่านจินจื๋อขยีบจัดระเบียบร่างกายเพื่อให้นางได้นอนสบายขึ้น กู้อ้าวเวยถึงได้ผ่อนคลายลง แล้วนอนหลับไป
ค่ำคืนนี้ยังสามารถได้ยินเสียงน้ำขังในวัดที่ไหลอยู่ หน้าต่างอันเก่าโทรมมีเสียงเบาๆลอดผ่านเข้ามาให้ได้ยิน
ซ่านจินจื๋อนอนหลับไปพร้อมกับผ้าเช็ดหน้าที่ค่อยๆกระแทกตกลงพื้นไป พอนึกถึงความเจ็บปวดบนกายของกู้อ้าวเวย กระทั่งนางให้กำเนิดอี้จื๋อยังไม่เคยได้พักผ่อนดีๆสักครั้งออกเดินทางแทบทุกวัน
เขาจุมพิตบนหน้าผากของนาง แล้วซ่านจินจื๋อก็เบี่ยงตัวกุมมือนางกลับ
เขากลัวว่าจะต้องสูญเสียนางไปจริงๆ
แต่ในความฝันของกู้อ้าวเวยนั้น ความมืดกับสีของเลือดผสมปนเปกันไปหมด บัณฑิตที่นางเคยรักถูกดึงกลับเข้าไปในหลุมศพที่เต็มไปด้วยเลือด ร่างเงาที่สวมชุดกี่เพ้ามังกรยืนอยู่ไม่ไกลกำลังจ้องมองนางอยู่ แต่ทางที่อยู่ข้างหลังฝ่าเท้าของนางนั้นกลับไม่มีเงา นางมองเห็นร่างของซ่านจินจื๋อกำลังร่วงหล่นลงไป ผลสีแดงสดร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้าเต็มไปหมด
“เวยเอ๋อ……”มีเสียงอันคุ้นหูลอดผ่านเข้ามาในหู
กู้อ้าวเวยตื่นขึ้นมาจากฝันอย่างตื่นตระหนก กระโดดลุกขึ้นมานั่งบนเตียงเหมือนปลาคาร์ฟตกใจยื่นมือไปแกะผ้าที่พันรอบดวงตาไว้ แต่กลับถูกซ่านจินจื๋อรีบขวางไว้อย่างร้อนใจ แขนข้างที่บาดเจ็บของเขาค่อยๆลูบไปที่แผ่นหลังของนางเพื่อปลอบขวัญ พลางพูดเสียงเบาๆ“เวยเอ๋อ ข้าอยู่นี่”
นางหายใจเฮือกใหญ่ถี่ แผ่นของนางเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ
นางมองเห็นผลลูกสีแดงด้านในมีใบหน้าไม่ชัดเจนเต็มไปหมด พวกคนที่นิ้วขาดร่างกายแหลกเหลวกำลังไขว่คว้าจะจับชายเสื้อผ้าของนาง ความเย็นยะเยือกแล่นแผ่ซ่านเข้าไปในสมอง ทำให้คนรู้สึกหวาดกลัวจนตัวสั่นเทา
“ข้าฝันร้าย”นางยกมือขึ้นคว้าไปที่เสื้อตรงส่วนหน้าอกของตัวเอง แล้วพูดปลอบขวัญตัวเองเสียงเบา มือที่รู้สึกไม่ปลอดภัยซ่านจินจื๋อกุมไว้ในฝ่ามือของตัวเองจนแน่น ฝ่ามือเต็มไปด้วยเหงื่อ
“เจ้าฝันเห็นอะไร?”ซ่านจินจื๋อถามเสียงเบา ปลายนิ้วลูบผ่านเส้นผมอันอ่อนนุ่มทันไว้หลังหูแล้วนวดคลึงตรงท้ายทอยเบาๆสองสามครั้ง รอหลังจากที่นางใจเย็นลงแล้ว จึงเอ่ยปาก“ข้าจะไปรินน้ำมาให้เจ้า”
“ข้าไม่เป็นไร นอนเถอะ”กู้อ้าวเวยตะแคงเพื่อเข้าไปใกล้อ้อมกอดของเขา
พวกเลือดเนื้อที่กองกันอยู่เต็มหลุมศพ เป็นปุ๋ยชั้นเลิศของพวกหญ้าสมุนไพร ตอนนี้นางรู้สึกแปลกใจขึ้นมาทันทีว่าหลังจากที่ผลผลิตออกมาแล้วจะเป็นหญ้าสมุนไพรอะไร แต่ฝันร้ายนั้นมันยิ่งเหมือนกับลางสังหรณ์บอกเหตุ
ซ่านจินจื๋อปล่อยมือลงจากตัวของนาง
ถูกมือของกู้อ้าวเวยจับตรึงไว้ ซ่านจินจื๋อจึงทำได้เพียงแค่กอดนางแล้วนอนลง
ครั้งนี้กู้อ้าวเวยผล็อยหลับไป ซ่านจินจื๋อตื่นขึ้นมาในกลางดึกแทบจะนับครั้งได้เมื่อพบว่านางนอนหลับอย่างปลอดภัย ถึงได้วางใจลงเล็กน้อย พอรอจนถึงวันที่สอง ฝนที่ตกกระหน่ำเทลงมาหลายวันในที่สุดก็มีท่าทีหยุดลงแล้ว
กู้อ้าวเวยยังไม่ตื่น กอดแขนของซ่านจินจื๋อนอนหลับอย่างสนิท
เฉิงซานที่รีบมาตั้งแต่เช้า ก้าวเข้าไปภายในห้องได้ยินเสียงสั่งการของซ่านจินจื๋อ“ส่งข่าวไปบอกจางเหยียงซาน ว่านางไอเป็นเลือดในกลางดึก ดูท่าแล้วจะมีความเกี่ยวข้องกับจุ้ยเวี่ยน”
“ไอเป็นเลือด?”เฉิงซานไม่รู้เรื่องนี้เลย เขารีบคุกเข่าลงกับพื้น“ข้าน้อยทำหน้าที่บกพร่อง ไม่เคยพบเห็นความผิดปกติ”
“ไม่เป็นไรหรอก ไปบอกคนข้าหน้า อย่าปล่อยให้ตงฟางซวนเอ๋อหนีไปง่ายๆ แล้วให้คนไปสืบเสาะหาหนทางที่หลังเขาว่ามีข่าวอะไรบ้าง”เสียงของซ่านจินจื๋อดังขึ้นเล็กน้อย แต่คนในอ้อมกอดก็ไม่มีทีท่าที่จะตื่น
เฉิงซานรีบไปสั่งการเรื่องทุกอย่าง ซ่านจินจื๋อก็ได้แต่ขยับตัวกู้อ้าวเวยที่อยู่ข้างๆออกไป และมีเสียงดังขึ้นมาเล็กน้อย แล้วก็เบียดกายเข้ามาในอ้อมกอดของเขา พูดเสียงเบา“ง่วงจัง”
ซ่านจินจื๋อเบาใจ ประตูกลับถูกเปิดออกครั้งแล้วครั้งเล่า
เสียงของข้ารับใช้ดังลอดเข้ามา“ใต้เท้ากุ่ยเม่ยนำยาสมุนไพรขึ้นเขามาแล้วขอรับ”