บทที่ 953 ที่อยู่เก่า
“แต่พอนึกย้อนกลับมา เหตุใดเจ้าจึงกลับมาล่ะ?”
“เรื่องทางนั้นเจ้าอย่าพึ่งวู่วาม ปล่อยเจ้ากลับมาเอง คาดว่ากุ่ยเม่ยและจางเหยียงซานต่างก็จับหางของเจ้าไม่อยู่ “ซ่านจินจื๋อยกมือขึ้นแล้วตบเบาๆ ที่เอวของนาง มองไปทางข้างหลังศีรษะที่มัดผมไว้อย่างธรรมดา”
เวลานี้พวกเขามาที่จวนเก่าเฉิงเสี้ยงแล้ว จึงใส่หมวก
ทหารลับของซ่านจินจื๋อกระจายไปทั่วจวน ในจวนนี้หากสังเกตดูดีๆ ใหญ่ยิ่งกว่าจวนองค์หญิงหลายเท่าเชียว สะพานเล็กๆ กับแม่น้ำ รวมถึงศาลาและห้องชั้นบนมีครบทุกอย่าง เหมือนตั้งแต่เข้ามาก็สามารถรับรู้ถึงป้ายกลางห้องรับรองที่สันติสุขได้
แต่พอมาถึงด้านหลัง กลับเห็นมีเวลาเล่นงิ้ว และมีห้องเล็กๆ ที่ไว้มองดูที่ไกล ข้างขวาเป็นลำธาร เหมือนเห็นห้องพระเล็กๆ พอเดินไปด้านหลังต่อ ก็เป็นที่อยู่ของคนในบ้าน ทุกหลังล้วนดูสวยงาม ห้องของสาวใช้ก็มีครบ
ข้างหลังยังมีห้องไม้ไผ่เล็กๆ ข้างๆ ปลูกดอกไม้เต็มไปหมด บวกกับที่ช่างแกะสลักหินศาลาที่งดงาม แล้วก็ตำหนักแปดมุมที่หยุนชิงหยางเหลือไว้ รอบทางเดินแขวนเต็มไปด้วยโคมไฟที่ปกคลุมด้วยฝุ่น กู้อ้าวเวยเงยหน้าขึ้นตอนเดินผ่าน “ตอนเด็กๆ ข้าบอกจี้เหยาว่าตำหนักนี้ไม่คึกคัก เขาไม่ยอมให้พวกข้าออกไปดูงานปล่อยโคมลอย จึงสั่งให้คนมาตกแต่งทางเดินนี้ให้เหมือนกับงานปล่อยโคมลอย ข้างบนยังแขวนโคมไฟเพื่อทายชื่อกับคำอวยพร ไม่คิดว่าตอนจากไปนั้นยังไม่ได้เอาออก”
นิ้วที่เรียวของนางลูบผ่านเสา ฝุ่นพวกนั้นปลิวไปมา เผยให้เห็นถึงสีไม้ แต่นางกลับไม่เหมือนคุณหนูใหญ่ที่งดงามนั้น ตอนนี้ใส่เสื้อผ้าสีดำสนิท เดินผ่านตรงนี้ด้วยผมที่ไม่ค่อยเรียบร้อย ในใจรู้สึกแย่นัก
“หากในใจนั้นรู้สึกแย่ ก็อย่ามาที่นี่เลย เพิ่มความรู้สึกไม่ดีให้ตนเองเปล่าๆ” ซ่านจินจื๋อขมวดคิ้วเล็กน้อย
“แต่ไม่ว่ายังไงข้าก็เป็นคุณหนูใหญ่จวนเฉิงเสี้ยงในอดีต เป็นลูกสาวแท้ๆ ของฮ่องเต้เอ่อตาน ต้องมีสักวันที่ได้รับคำสั่งกลับบ้านเกิด แต่มารยาทในจวนเฉิงเสี้ยงนี้ข้าก็ไม่ควรลืม” กู้อ้าวเวยหันข้างมองเขา “ปกติมอมแมมจนชินแล้ว ถึงเวลาที่ต้องเปิดไพ่ ข้าก็ต้องไม่ทำผิดสิ”
ซ่านจินจื๋อคิดสักพัก รู้สึกว่าไม่ได้ผิดอะไร จึงจับมือนางแล้วเดินเร็วขึ้น “ข้าพาเจ้าไปดูที่อยู่ของเจ้าในอดีต”
กู้อ้าวเวยเดินตามหลังเขา มาถึงห้องเล็ก ผู้สูงอายุท่านนั้นไม่ได้แตะต้องของในห้องนี้ มีของมากมายที่ตกอยู่ตรงพื้น ผ้าที่ยังปักไม่เสร็จ หนังสือที่ยังเขียนไม่เสร็จ และยังมีตำราเต็มตู้ที่ลืมอ่าน
ไม่มีความทรงจำเลยแม้แต่น้อย กู้อ้าวเวยมองสิ่งของในห้องนี้ เพียงแค่ยิ้มแล้วพูด “นี่ล้วนเป็นของตอนเด็กของกู้อ้าวเวย”
“ไม่ใช่ของที่เจ้าเคยใช้ในตอนเด็กหรือ?” จางเหยียงซานมองไปชั้นวางตำราที่อยู่ข้างๆ ข้างบนนั้นไม่มีตำราหมอเลย และพวกงานปักนั้นไม่เกี่ยวกับกู้อ้าวเวยในตอนนี้เลย
“เออร์ชิงนั้นอ่านหนังสือมาตั้งแต่เด็กจนโต ฟังเรื่องที่ครูสอนทุกวัน และฟังคนในบ้านทำงานบ้านมากมาย” ตอนนี้กู้อ้าวเวยกลับมองซ่านจินจื๋อที่อยู่ข้างๆ ด้วยรอยยิ้ม
ครั้งแรกที่ซ่านจินจื๋อได้ยินเรื่องราวของกู้อ้าวเวยในชาติก่อน ไม่เคยนึกถึงชื่อจริงของนาง เขาพูดตั้งแต่ในอดีต สีหน้ามีรอยยิ้มจางๆ แล้วพยักหน้า “ตอนนี้เจ้าครอบครองจวนแห่งนี้ ก็ไม่ใช่คุณหนูใหญ่อีกต่อไป”
“คำว่าฮูหยินฟังแล้วแก่เกินไป ข้าจะยังเป็นคุณหนูใหญ่ที่นี่”
กู้อ้าวเวยลากซ่านจินจื๋อและจางเหยียงซานออกไป สุดท้ายทำเพียงดึงแขนของซ่านจินจื๋อ ก้มตัวเล็กน้อยยิ้มแล้วพูด “คุณท่าน?”
จางเหยียงซานอึ้งเล็กน้อย มีเพียงซ่านจินจื๋อที่ตั้งใจฟังประโยคนี้ “จะว่าไป เจ้าเรียกข้านั้น เรียกทั้งนามสกุลและชื่อ”
“หากข้าเรียกเจ้าว่าพี่จื๋อ คาดว่าคงจะโดนเจ้าเฆี่ยนจนตาย” กู้อ้าวเวยแลบลิ้น อีกอย่างคำว่าพี่นั้นร้อนปาก นางเรียกไม่ลง
เห็นคนรอบตัวคึกคัก ดวงตาก็หยี เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
ซ่านจินจื๋อคิดสักพัก แล้วพูด “ชื่อจินนั้นท่านอาจารย์เป็นคนตั้ง แต่ว่าจื๋อ……”
“จินจื๋อ” กู้อ้าวเวยพูดโดยไม่คิดไร ดวงตานั้นมองไปทางไกลด้วยแววตาสว่าง “ข้าเรียกได้เพียงเท่านี้”
ไอเบาๆ สองครั้ง ซ่านจินจื๋อในตอนนี้เหมือนหนุ่มที่พึ่งมีความลับ รู้สึกเขินอายกับคำง่ายๆ สองคำนี้ จึงพยักหน้าตาม “จะว่าไปยังไม่รู้เลยว่าเด็กสองคนนั้นนามสกุลอะไร”
“เด็กผู้หญิงชื่อหยินซี่น เด็กผู้ชายชื่อเซียวเซียว เด็กผู้ชายนั้นมีบุคลิกด้านฝึกวิชา ไม่แน่อาจจะถูกคอกับชิงจื๋อก็เป็นไปได้” กู้อ้าวเวยพูดเช่นนี้ รู้สึกว่าซ่านจินจื๋อค่อยๆ ขยับเข้ามาใกล้ตนเอง ขาของทั้งสองแทบจะพันกัน แต่นางกลับไม่หลบเลย
จางเหยียงซานมองทั้งสองจากด้านหลัง เหมือนเป็นสามีภรรยาที่รักกันมาแสนนาน
ซ่านจินจื๋อเตรียมพร้อมที่จะสั่งให้คนมาซ่อมแซมจวนนี้ ไม่สนใจเลยว่าจะโดนฮ่องเต่รู้เข้า ส่วนกู้อ้าวเวยนั้นลืมเรื่องของห้องลับไปแล้ว พูดถึงเรื่องเด็กสองคนนั้น นางจึงเป็นห่วงสุขภาพของพวกเขา
“อ่ะแฮ่ม เจ้ายังจำเรื่องทางลับได้หรือไม่?” จางเหยียงซานพูดเสียงสูง ยืนกอดอกอยู่ที่เดิม สายตาจ้องมองกู้อ้าวเวยที่หันกลับมา
มัวแต่พูดเล่นกันจนลืมเรื่องสำคัญ กู้อ้าวเวยตบที่ศีรษะเบาๆ “หากเจ้าไม่พูด ข้าลืมไปแล้ว ตอนนี้ลงไปไม่สะดวก รอพรุ่งนี้ส่งคนมาเพิ่มค่อยลงไปแล้วกัน”
“ทำไมหรือ? เจ้าไม่กลัวว่าของสำคัญที่อยู่ด้านในจะโดนเอาไปหรือ?”
“มีอะไรต้องกลัว ตอนนั้นกู้เฉิงจักจั่นลอกคราบ(เมื่อรักษาแนวรบไว้เป็นตั้งมั่นแล้วจึงแสร้งถอยทัพอย่างปกปิด เคลื่อนกำลังทหารให้หลบหลีกไป ) คงไม่เหลืออะไรที่มีประโยชน์ไว้หรอก สิ่งที่เหลือไว้คงมีเพียงสิ่งที่ไม่เข้าตา พวกข้าทำได้เพียงหาของสำคัญจากของที่เหลือ” กู้อ้าวเวยกลับยิ้มอ่อน “อีกอย่าง คนส่งข่าวจากเย่นเจียงหากโทษชางหลานซ่อนตัวกู้เฉิง ก็คงต้องมาตรวจดูที่ที่อยู่เก่าแห่งนี้แน่นอน”
“เจ้าไม่กลัวว่าพวกเขาจะหาว่าเจ้าคือยู่ชีง” จางเหยียงซานแปลกใจ
“ยู่ชิงเสียไปแล้ว กู้เฉิงโดนนำไปซ่อน เย่นเจียงถึงจะมีข้อต่อรองที่สูงได้ โอกาสที่ดีเช่นนี้ พวกเขาคงไม่เสียไปเปล่าประโยชน์หรอก” กู้อ้าวเวยยิ้มมุมปาก แล้วเดินสะดุดบันไดโดยไม่ทันตั้งตัว
ซ่านจินจื๋อยื่นมือไปจับที่เอวของนาง แล้วใช้แขนปกป้องนาง “เดินดีๆ”
“ดุอะไร” กู้อ้าวเวยเม้มปากเล็กน้อย ยกมือขึ้นมากดที่ดวงตา “ดวงตาที่สมควรตายนี้ เมื่อไหร่จะหายดี”
“อย่าแตะ” ซ่านจินจื๋อดึงมือของนางกลับมา แล้วมองด้วยความโกรธ “เป็นหมอแท้ๆ แต่กลับไม่รักษาตนเองดีๆ ตอนนี้มองไม่เห็นก็สมน้ำหน้า”
กู้อ้าวเวยโมโห จึงไม่คุยกับเขาเลย
เมื่อครู่ยังแสดงความรักกันอยู่เลย ทำไมแค่พริบตาเดียวกลับโกรธกันซะงั้น จางเหยียงซานตัดสินใจ คราวหน้าให้กุ่ยเม่ยและโม่ซานมาด้วยดีกว่า
แต่ว่าก่อนไปนั้น นางก็ยังคงหันมามองจวนที่มีครบทุกอย่างนี้อีกครั้ง ตรงข้างบนห้องนั้นมีไม้แกะสลักเป็นรูปเด็กเรียงกันเป็นแถว ตอนนี้ขยับไปมาเพราะโดนลมพัด