บทที่ 972 จุดหัวเลี้ยวหัวต่อ
ในจมูกของซ่านจินจื๋อ มีแต่กลิ่นหอมอ่อนของขนมบนตัวกู้อ้าวเวย แทรกด้วยกลิ่นฝาดๆ ของยาสมุนไพร เหมือนกับกลิ่นใบชาเก่าเก็บ และก็เหมือนชาดอกไม้ฝาดๆ ขมๆ
แต่ว่า อยู่กับเขาเพียงครึ่งคืน จากนั้นนางก็ตื่น แล้วลุกออกจากเตียง เกือบจะถูกเขาจับเอาไว้ แต่ก็เอาหมอนไปยัดในอกเขาไว้ แล้วก็เอาสับเข่ากับสนับเอวมาใส่ จากนั้นก็ไปดูเด็กสองคนที่กำลังหลับสนิท แล้วก็เดินออกไปยังห้องรับแขก
เฉิงซานและหลี่ซินก็ขุดหน้าดินออกจนหมด ข้างในหลุมมีหีบไม้ขนาดใหญ่ แล้วก็ถูกยกออกมาไว้ข้างๆ อย่างทุลักทุเล ส่วนหลี่ซินก็เอาดินกลบลงไปอย่างเดิมคนเดียว
ตอนที่กู้อ้าวเวยเข้าไป ก็ได้ยินเสียงบางอย่าง
แม่กุญแจของหีบไม้ถูกเหล็กในมือของเฉิงซานกระแทกออก พอเห็นกู้อ้าวเวย ก็ก้มหน้าคำนับ “คุณหนู”
“เหมือนว่าข้าจะเข้ามาได้ประจวบเหมาะพอดี” กู้อ้าวเวยเดินเข้าไป ตอนนี้ในห้องรับแขกถูกแสงเทียนส่องจนสว่าง แล้วก็ค่อยๆ เปิดหีบออก แต่ก็ไม่ได้กลิ่นอะไรแปลกๆ จากนั้นก็เอามันเปิดออกจนหมด
ในนั้นมีพวกเสื้อผ้าและเครื่องประดับ เฉิงซานหยิบออกมาดูทีละอัน “พวกนี้เป็นเสื้อผ้าของแคว้นเจียงเยี่ยนเมื่อก่อน ดูเหมือนว่าจะเป็นสิ่งของของพี่ยู่จือจริงๆ”
“ปีนั้นพี่ยู่จือมาหลบซ่อนที่นี่ ไม่เชื่อใจใคร ข้าก็อ้างที่ท่านพ่อมา มักจะเอาเสื้อผ้าของคนใช้มาให้นาง ในจวนมีคนงานมากมาย ที่เข้าออกไปมาก็มาก นางก็อยู่ข้างๆ ข้าตลอด ก็ไม่มีใครจับได้ ที่แท้เสื้อผ้าแคว้นเจียงเยี่ยนมาซ่อนอยู่ที่นี่เอง” กู้อ้าวนึกกลับไป แต่ก็มีรายละเอียดมากมายที่นึกไม่ออก แต่ยังดีที่นึกออกบ้าง
ชุดด้านล่างสุดของหีบ ก็คือชุดที่ใส่มาพบกับนางเป็นครั้งแรก
“ดูสิว่าในนั้นมีอะไรสำคัญๆ บ้าง” กู้อ้าวเวยหยีตามองไปตั้งนาน ก็ไม่เห็นว่าจะมีของสำคัญอะไรสักอย่างเลย
เฉิงซานให้หลี่ซินไปเก็บทำความสะอาดโต๊ะ แล้วก็เอาของออกมาที่ละชิ้นๆ
หีบไม้ที่ถูกเปิดออกก็ถูกวางบนโต๊ะ
ส่วนมากจะเป็นเครื่องประดับและเสื้อผ้า แต่ก็ยังพบเครื่องประดับหยกอย่างดีที่เป็นศิลปะของแคว้นเจียงเยี่ยนด้วย กู้อ้าวเวยก็เอามือไปจับดู แล้วก็นั่งลง “ไม่ค่อยเห็นงานสลักต้นสมุนไพรลงไปในป้ายหยก”
“ต้นยาสมุนไพรหรือ?” เฉิงซานเอาป้ายหยกนั้นมาส่องกับเทียนและพลิกไปมา เหมือนกับจะเห็นว่าบนนั้นแกะสลักดอกไม้ใบหญ้าอะไรสักอย่าง แต่ด้านหลังของดอกไม้นั้นเป็นพวกลายน้ำไหลต่างๆ ก็ยิ่งทำให้คนแยกแยะออกยากขึ้นไปอีก
แต่กู้อ้าวเวยสูญเสียการมองเห็นไปนาน เพียงใช้มือคลำลงไปก็สัมผัสได้ถึงจุดเด่น เอามือคลำๆ ไป ก็พอเดาได้ แต่ต้นสมุนไพรนี้ ไม่เหมือนอื่นๆ รูปแบบคล้ายๆ แต่พอมาสลักลงในหยก ก็จะทำให้แยกแยะได้ยากว่าเป็นจำพวกไหน
แต่ในใจก็เดาไว้แล้ว จากนั้นก็มีคนรีบเข้ามารายงาน “คุณหนูใหญ่ เมื่อครู่คุณหนูกู้ซวงได้ทำร้ายคนส่งน้ำในตำหนัก ตอนนี้กำลัง………”
ยังพูดไม่จบ แจกันหยกก็หล่นมาบนมือเบาๆ
“เอายาในขวดนี้ไปให้นางกินหนึ่งเม็ด ถ้าครั้งหน้ายังก่อความวุ่นวายอีก ก็ให้นางกินอีก” กู้อ้าวเวยปวดหัวจนต้องเอามือนวดหัว แต่ว่าวันนี้นางก็ก่อความวุ่นวายมามากแล้ว เรื่องที่พวกนางมาหาเบาะแสในห้องนี้ ก็ยิ่งไม่มีใครรู้
“อย่าลืมอ้อมออกไปจากอาคารหลัก” เฉิงซานสั่งเน้นย้ำ
ลูกน้องก็หยักหน้าออกไป กู้อ้าวเวยก็กลับมาตั้งสติตรวจสอบเครื่องหยกที่เหลือ แต่ไม่นาน นางก็รู้สึกปวดที่คอ แล้วเอามือมานวด พอเห็นมีคนเดินเข้ามาทางประตู ก็เงยหน้ามอง แล้วก็จ้องตากับคนที่เดินเข้ามา แล้วก็หัวเราะออกมา “เจ้าเป็นเด็กอย่างนั้นหรือ?”
ซ่านจินจื๋อก็เอามือนวดแขนที่ปวด แล้วก็เดินหน้าบึ้งมาตรงนาง อีกมือก็เอามาค้ำกับพนักเก้าอี้ของนาง อีกมือก็เอาหยกนั่นขึ้นมาดู “ตื่นมาเพื่อของพวกนี้หรือ?”
“ไม่ได้นอนหลายวัน ทำไมไม่นอนมากๆ หน่อย” กู้อ้าวเวยแย่งเอาหยกคืนมา แล้วก็มองตาขวาง “ขอให้ท่านอ๋องรักษาสุขภาพด้วย”
“ไม่มีเจ้า ข้าก็ตื่นจากฝันร้าย เจ็บปวดมาก” ซ่านจินจื๋อยืนตัวตรง แล้วเอามือมาจับผมนางเบาๆ แล้วก็หยิบปิ่นหยกครั้งก่อน เพื่อจะมัดผมให้นาง ทำให้กู้อ้าวเวยหัวเราะ “กว่าจะสว่างยังอีกนาน จะมัดผมไปให้ใครดู”
“ดูสิว่าพี่ยู่จือทิ้งของอะไรไว้” ” ซ่านจินจื๋อพูดเสียงแหบ ท่าทางเหมือนจะนุ่มนวล แต่ใบหน้าเผยให้เห็นว่า มัดผมไม่เป็น
รู้ดีว่า ตอนที่ท่านอ๋องยังไม่ตื่นนอนจะอารมณ์ไม่ดี เฉิงซานก็พาหลี่ซินค่อยๆ ออกไปจากห้องรับแขกเล็กๆ นี่ กู้อ้าวเวยก็ไม่ตอบโต้ พอได้ยินเสียงประตูปิด ก็เอามือไปคลำหยกพวกนั้นต่อทีละอัน “ยาสมุนไพรพวกนี้มีหลายสายพันธุ์ เอามารวมกันก็ไม่รู้ว่าใช้ทำอะไร”
“เดี๋ยวจะลองให้เฉิงซานไปซื้อมาดู” เสียงของซ่านจินจื๋อนิ่งขึ้น ผมในมือก็พันกันวุ่นวาย ทำให้เขาหัวเสียนิดหน่อย
“เจ้าก็ให้ท้ายข้านะ” เสียงบ่นออกมา กู้อ้าวเวยยกมือขึ้น แล้วก็หยิบเอาหีบข้างๆ มา หลังจากใช้ไม้เปิดมันออก เผยให้เห็นหนังสือโบราณของตระกูลยู่ หนึ่งในนั้นมีบางเล่มที่นางเคยเห็นตอนเด็กๆ นางก็หยิบบางเล่มขึ้นมา เอามาส่องกับแสงเทียน ดูท่าทางตั้งใจมาก
พอฟ้าสาง ฝนก็ตกน้อยลง
กู้อ้าวเวยถึงได้วางหนังสือเล่มสุดท้ายลง พอจะออกไปนั้น ก็รู้สึกได้ว่าผมของตนเองยังอยู่ในมือของคนอื่น นางก็ส่งเสียงร้องเจ็บ ทำให้ซ่านจินจื๋อที่อยู่ด้านหลังต้องรีบปล่อยมือ แล้วก็โค้งตัวหยิบเอาปิ่นหยกขึ้นมา
“ข้านึกว่าเจ้าไปแล้ว” กู้อ้าวเวยเจ็บหนังหัวมาก จนต้องเอามือจับหัวหันหลังมา
“อยู่หลังเจ้าตลอด” ซ่านจินจื๋อยดปิ่นหยกขึ้นมา แล้วช่วยนวดหนังหัวที่นางเจ็บอยู่ ใบหน้าเสียจนแทบเหงื่อตก “จะทำผมผู้หญิงนี่ยากจริงๆ”
“ดังนั้น ข้าก็เลยเอาผ้ามามัดก็พอ” กู้อ้าวเวยมองบนใส่ แล้วมองปิ่นหยกในมือเขา แต่ก็ไม่ได้หยิบมา แต่จูงมือเขาออกไปข้างนอก “หนังสือที่พี่ยู่จือเอามา ในนั้นเขียนเกี่ยวกับเรื่องไฟจากฟ้ามากมาย แต่จะแตกต่างกับที่เรารู้เล็กน้อย”
“ยางก็สืบเรื่องนี้เช่นกันหรือนี่ มีเบาะแสอย่างอื่นเพิ่มเติมไหม?” ซ่านจินจื๋อเดินช้าลง ให้นางเดินตามมาทัน
“ด้านหลังมีบันทึก ตอนแรกเหมือนว่านางจะติดต่อกับหยูนซี ทั้งสองได้ผลสรุปที่คล้ายกัน” กู้อ้าวเวยพูดถึงจุดนี้ ก็หยุดเดิน แล้วก็เอามือเท้าไหล่ของซ่านจินจื๋อแล้วเขย่งปลายเท้าขึ้น พูดข้างๆ หูว่า “จะอายุวัฒนะ หรือช่วยให้ตายแล้วฟื้น จะต้องใช้เลือดจำนวนมากมาแลก และยังต้องใช้ตัวผสานเร่งสรรพคุณยาจำนวนที่มากพอ”
“เหมือนกับเรื่องที่เกิดขึ้นตอนนี้เลย” ซ่านจินจื๋อเริ่มหนาว
“และอีกอย่างเรื่องพวกนี้เพิ่งเกิดขึ้นไม่กี่วัน รวมกับช่วงนี้มีแววว่าจะมีฝนหนัก บางทีเขาอาจจะกำลังคิดทำเรื่องขัดกับธรรมชาติ และยิ่งไม่กลัวว่าแคว้นอื่นๆ จะ…… เพราะถ้าทำเรื่องนี้ไป แคว้นอื่นๆ ในแผ่นดินก็จะถูกแบ่งแยกออก” กู้อ้าวเวยเงนหน้าขึ้น มองน้ำฝนที่ย้อยลงมาจากหลังคา