บทที่ 957 ความห่างของเวลา
ณ ห้องบรรทมของไทฮาว
ซ่านจินจื๋อนั่งอยู่ด้านข้างเพียงลำพัง กุ้ยมามาที่หายไปนาน ตอนนี้ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เทน้ำชาและเสิร์ฟขนมให้เขา ส่วนไทฮาวนั้นพิงอยู่ข้างเตียง มองซ่านจินจื๋ออยู่นาน แต่กลับไม่ได้ยินลูกชายที่มาเยี่ยมคนนี้จะเอ่ยปากพูดอะไร จึงถาม “จินจื๋อ เหตุใดเจ้าจึงนึกถึงเรื่องของหลินเอ๋อร์หรือ?”
“เสด็จแม่ไม่ทราบหรือขอรับ?” ซ่านจินจื๋อทำสีหน้าแย่ แววตามีความโกรธเล็กน้อย เพียงแค่นั่งตัวตรงอยู่บนเก้าอี้ ก็ทำให้รู้สึกถึงความเย็นชา มือของเขาจับแก้วแน่น เหมือนได้ยินเสียงแก้วที่ต้านความแรงไม่ไหวมีเสียงเล็กน้อย
ไทฮาวสีหน้าเปลี่ยน ชักจะไม่แน่ใจแล้วว่ากู้อ้าวเวยได้บอกทุกอย่างให้เขาหรือไม่
ส่วนกุ้ยมามาที่อยู่ข้างๆ นั้นกลับเดินขึ้นมาหนึ่งก้าว “อ๋องจิ้งเจ้าคะ ไทฮาวเนี๊ยงเนี๊ยงคิดเพื่อท่านเสมอ เรื่องขององค์หญิงหลินเอ๋อร์ ท่านพิจารณา………”
“ที่ตรงนี้ กุ้ยมามาไม่มีสิทธิพูด” ซ่านจินจื๋อแววตาเป็นประกาย ทำให้กุ้ยมามาตกใจจนตัวสั่น ก้มหน้าด้วยสีหน้าที่ซีดจนไม่กล้าพูดอะไรอีก
น้อยมากที่จะเห็นซ่านจินจื๋อพูดเช่นนี้กับกุ้ยมามา
ในที่สุดไทฮาวก็มีชีวิตชีวา ค่อยๆ ลุกขึ้นมาจากเตียง ดวงตาที่มืดมนนั้นค่อยๆ ลืมตา แล้วจ้องมองซ่านจินจื๋อ “ในเมื่อเจ้ารู้แล้ว เหตุใดจึงยึดติดกับเรื่องในอดีต หยูนซีก็แล้ว หลินเอ๋อร์ก็แล้ว พวกนางต่างเสียไปนานแล้ว”
ไทฮาวพูดอะไรกับกู้อ้าวเวยกันแน่?
สำหรับเรื่องนี้ ถึงซ่านจินจื๋อจะไม่รู้เลย แต่ก็อดไม่ได้ที่จะถาม “ในเมื่อหลินเอ๋อร์เสียไปแล้ว ข้าอยากจะขอศพของหลินเอ๋อร์เพื่อฝังข้างๆ ท่านอาจารย์และอาจารย์แม่ ทำไมจึงไม่ได้ล่ะขอรับ?”
“วันนี้จินจื๋อพูดเช่นนี้ เป็นเพราะว่ากู้อ้าวเวยนั่นอยากจะหาเบาะแสบางอย่างจากศพของหลินเอ๋อร์หรือ?” ไทฮาวหยีตาเล็กน้อย แสงในแววตานั้นหลบไม่ทันสายตาของซ่านจินจื๋อ
เสด็จแม่ที่ภายนอกมีเมตตาแต่ในใจกลับโหดร้ายนั้น ตอนนี้ดูแล้วช่างแปลกหน้านัก ถึงขั้นขี้เกียจที่จะรักษาความเมตตานั้น ซ่านจินจื๋อรู้สึกสับสนในใจ แต่ก็รู้ว่าบนโลกใบนี้มีเรื่องกรรมอยู่
ใช่ว่าไทฮาวกลายเป็นคนใจร้าย แต่นางเป็นเช่นนี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วต่างหาก
แม่ลูกความเห็นไม่ตรงกัน ที่มุมปากของซ่านจินจื๋อกลับมีรอยยิ้มจางๆ แบบกู้อ้าวเวย แววตาเริ่มเย็นชา “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เหตุใดเสด็จแม่จึงขวางลูกขอรับ?”
“อ๋องจิ้งเจ้าคะ ไทฮาวเป็นแม่แท้ๆ ของท่านนะเจ้าคะ!” กุ้ยมามาทนไม่ได้จึงตะโกนเสียงดัง
เพียงแค่คำพูดนี้ ก็ทำให้ซ่านจินจื๋อรู้สึกได้ถึงสิ่งที่เสด็จแม่ทำมาทั้งหมด นั่นเป็นเพียงหมาเห่าไม่กัด รอยยิ้มบนใบหน้าจางหายไป ซ่านจินจื๋อค่อยๆ ปล่อยแก้วน้ำที่แตกสลายเป็นชิ้นๆ กับเศษฝุ่น แล้วพูด “เสด็จแม่ดีกับจินจื๋อมาเสมอ จินจื๋อไม่มีทางทำเรื่องข้ามหน้าข้ามตาขอรับ สิ่งที่เสด็จแม่ทำในอดีต ไม่กลัวเสด็จพี่จะแก้แค้นหรือขอรับ?”
“ถึงเขาอยากจะแก้แค้น ก็ต้องให้เกียรติสิ่งที่อยู่ในมือของข้า” ไทฮาวยิ้มอย่างเย็นชา แล้วนอนลงข้างเตียง “เรื่องของเจ้าและกู้อ้าวเวยในอดีต ข้าเป็นคนกำกับดูแลเอง ฝังกระดูกขาวและยันต์นั้นก็เพื่อให้ฮ่องเต้ทรงสบายใจ แต่กลับคิดไม่ถึง ลูกทั้งสองของข้านั้นกลับมากล่าวโทษข้าเพียงเพราะผู้หญิงคนเดียว ข้ารู้สึกเสียใจยิ่งนัก”
บนเสื้อผ้าที่บางนั้นใส่ไว้เพียงเสื้อกันหนาว และรอยหงส์ที่อยู่บนเสื้อท่าทางกลับเหมือนไทฮาว โอหังและในแววตาว่างเปล่า ราวกับแบบเดียวกันที่ซ่านจินจื๋อเห็นในตอนเด็ก
เสด็จแม่ในตอนนั้นยังชิงดีชิงเด่นอยู่ที่วัง ปกป้องพวกเขาสองพี่น้องจากพ่อที่อารมณ์แปรปรวน ชนะครั้งแล้วครั้งเล่าจากพวกผู้หญิงที่แอบลอบทำร้ายกัน แล้วทานเลือดเนื้อของผู้แพ้เข้าไปในท้อง หรือไม่ก็ใช้เป็นที่รองเพื่อเหยียบขึ้นไปในที่สูง
และเสด็จพ่อในอดีตนั้นชอบเสด็จแม่มากกว่า แต่ไม่ใช่หยุนหว่านที่สามารถทำให้เขาไม่เจ็บไม่ตาย
“ข้าชนะมาครึ่งชีวิต ครึ่งชีวิตหลังก็จะชนะไปเรื่อยๆ” เสด็จแม่ที่ไม่สบายนั้นลุกขึ้นจากเตียง ก้มหน้าเล็กน้อยมองลูกชายที่นั่งอยู่ข้างๆ “เจ้าเป็นลูกชายของข้า ถึงวันนี้เสด็จพี่ของเจ้าจะไม่เอาไหน แต่บัลลังก์นี้ข้าก็จะฉุดไว้แน่นเพื่อเจ้า”
“เสด็จแม่ไม่ถามความคิดเห็นของลูกเลยหรือ?” ซ่านจินจื๋อไม่เข้าใจว่าทำไมเสด็จแม่และเสด็จพี่จึงอยากให้เขาสืบทอดบัลลังก์
“เหตุใดจึงต้องถาม?” ไทฮาวถอนหายใจเบาๆ ให้กุ้ยมามาและสาวใช้อีกสองคนเปลี่ยนเสื้อผ้าให้นาง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “เจ้ายังจำได้หรือไม่ ในอดีต ข้าเคยสอนอะไรเจ้าไว้?”
มองดูแววตาที่เย็นชานั้น ซ่านจินจื๋อยิ้มที่มุมปาก “จำได้ขอรับ เกิดในราชวงศ์ เกิดมาก็ต้องแย่งชิงกันจนตาย และกำอำนาจไว้จนตาย”
ไทฮาวยิ้มที่มุมปาก แต่ซ่านจินจื๋อกลับค่อยๆ ลุกขึ้น ยื่นจดหมายและกระบอกไม้ไผ่ที่หยูนซีเหลือไว้ให้กับกุ้ยมามา “ของที่หยูนซีเหลือไว้ให้นั้น ไม่ได้อยู่ในมือของท่านทั้งหมด”
พูดจบ ซ่านจินจื๋อทำความเคารพแล้วออกไปเลย
ส่วนไทฮาวนั้นอ่านจดหมายอย่างเงียบๆ แล้วสีหน้าซีดเซียว
ตอนนั้นหยูนซีอยู่ในเมืองเทียนเหยียนนั้นถือว่าไม่มีที่พึ่งพาเลย แล้วเหลือจดหมายนี้ไว้ได้อย่างไรกัน?
และสิ่งที่เขียนนั้น………งง
“กุ้ยมามา” ไทฮาวยื่นคืนให้นาง แล้วถามเสียงต่ำ “เหตุใดข้าจึงไม่รู้ว่าโลกนี้มีหลินเอ๋อร์สองคน”
กุ้ยมามาเองก็อึ้ง หลังจากที่อ่านข้อความบนกระดาษอย่างละเอียดแล้ว จึงตกใจเช่นกัน “ตัวหนังสือของแม่นางหยูนซี ไม่มีใครรู้เลย นี่ดูไม่ใช่ของปลอมนะเจ้าคะ”
ไทฮาวกัดฟัน ไม่รู้เหมือนกันว่าจินจื๋อไปเอาของพวกนี้มาจากไหน
กลับไม่เห็นว่ามีขันทีน้อยที่อยู่นอกตำหนักค่อยๆ แอบเดินหนีไป เดินไปทางซ่านจินจื๋อแล้วเดินวนกลับมา
ซ่านจินจื๋อเดินตามขันทีอยู่ในวังที่ใหญ่นี้ สงสัยเรื่องนี้เหมือนกัน ทำไมแม้แต่เสด็จแม่เองยังไม่รู้เลยว่าทำไมถึงมีหลินเอ๋อร์สองคน? ตามเหตุผลแล้ว เวลานั้นซ่านต้วนโฉงเป็นเพียงองค์ชาย ถึงเขาจะไม่รักเดียวใจเดียว แต่ก็คงไม่ทำเรื่องเช่นนี้หรอก….
แต่หากฮ่องเต้องค์ก่อนเป็นคนทำ เหตุใดเขาและไทฮาวกลับไม่รู้เรื่องล่ะ
ออกจากวังไปพร้อมกับคำถาม ซ่านจินจื๋อยังคงส่งคนให้ส่องดูตำหนักของไทฮาว พึ่งออกจากประตูวังได้ไม่นาน ก็เห็นเฉิงซานพุ่งเข้ามาด้วยความรีบเร่ง แล้วพูดเสียงต่ำ “อ๋องจิ้งขอรับ เมื่อครู่นี้องค์ชายสามไปเข้าเฝ้าที่จวนฉูขอรับ ตอนนี้กำลังอยู่กับคุณหนูขอรับ”
“ไปกับข้า” ซ่านจินจื๋อสีหน้าแย่ ลืมเรื่องนี้ไปเลย
ก่อนหน้านี้ตอนกู้อ้าวเวยอยู่ตำหนักอ๋องจิ้ง เขาเป็นคนขวางเสมอ แต่ตอนนี้คนในจวนฉูเป็นคนใหม่หมด อาจเป็นเพราะว่าไม่มีใครเคยได้ยินคำสั่งนี้ จึงปล่อยเข้าไป
เพียงแต่ว่าองค์ชายสามตามหากู้อ้าวเวยเร่งรีบเช่นนี้ ยังไม่รู้เลยว่าเป็นเรื่องส่วนตัวหรือเรื่องงาน