บทที่ 951 ความลับเรื่องการพบกันโดยบังเอิญ
จวนเฉิงเสี้ยงนั้นไม่รุ่งเรืองเหมือนอดีต ตอนนี้จวนเฉิงเสี้ยงใหม่นั้นอยู่ห่างกันเพียงแค่สองซอย เพียงแค่เดินผ่านก็สามารถมองเห็นมีผู้คนบางส่วนทูลของเข้าเฝ้า หน้าประตูราวกับตลาดสด ในยุคที่วุ่นวายเช่นนี้ไม่แม้แต่จะปกปิด
มาถึงจวนเก่า ป้ายนั้นโดนเอาออกแล้ว และป้ายที่แขวนอยู่นั้นเขียนไว้ว่าจวนโจวตัวใหญ่ๆ และรอบๆ กำแพงต่างก็เต็มไปด้วยหญ้า
จางเหยียงซานพานางมาเจอกับเจ้าของจวนนี้ เป็นคนสูงอายุที่อายุครึ่งร้อย มีอาชีพขายสุรา พอได้ยินเหตุผลการมาของกู้อ้าวเวย จึงหันไปมองนาง “เจ้าเด็กน้อย จวนนี้แม้แต่ข้ายังไม่อยากอยู่ แล้วเหตุใดเจ้าจึงยอมซื้อด้วยราคาแพงเล่า?”
“จวนที่ราคาถูกและคุ้มที่สุดคงในเมืองเทียนเหยียนก็คงเป็นแค่ที่แห่งนี้แล้วล่ะ” กู้อ้าวเวยยื่นถุงเงินของตนให้ผู้สูงอายุนั้น ไม่มองลูกชายและลูกสาวด้านหลังของผู้สูงอายุคนนี้มีหน้าตาที่ตกใจ
แต่ผู้สูงอายุกลับระมัดระวัง “เจ้าเด็กน้อยไม่รู้ที่ต่ำที่สูง”
“ข้ารู้ว่าจวนนี้คืออะไร ขอบพระคุณท่านที่ห้ามเจ้าค่ะ” กู้อ้าวเวยยกมือขึ้นมาเบาๆ ให้ผู้สูงอายุเห็นดวงตาสีเทาโดยบังเอิญ จางเหยียงซานช่วยดึงหมวกของนางลง แล้วยักคิ้ว “ท่านให้ราคามาเถอะขอรับ”
“หากเกิดเรื่องใดขึ้นนั้น ไม่เกี่ยวกับข้า” ผู้สูงอายุเปิดถุงเงินออก แล้วเลือกไปมา ดูว่าในถุงมีเงินเท่าไหร่ จากนั้นก็ยื่นถุงคืน “ข้าไม่รับเงินแบบกระดาษ ข้าต้องการทองและเงิน”
“ยกเข้ามา” กู้อ้าวเวยเตรียมไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ให้คนยกเงินและทองเข้ามาหลายกล่อง
ลูกของผู้สูงอายุต่างอ้าปากค้าง แต่ผู้สูงอายุกลับสังเกตนางอย่างละเอียด แล้วพูดเสียงต่ำ “เจ้าเด็กน้อย ตามข้ามา”
“ข้านั้นตาบอด หากไม่มีคนตามมา เกรงว่า…..”
“ในจวนนี้มีความลับ ข้าเองก็ต้องดูก่อนว่าบอกเจ้าได้หรือไม่” ผู้สูงอายุยันไม้เท้าแล้วลุกขึ้นมาอย่างเอียงไปเอียงมา กู้อ้าวเวยลังเลสักพัก จึงปล่อยแขนของจางเหยียงซานออก แล้วเดินไปทางด้านหน้า จับที่ชายเสื้อของผู้สูงอายุเบาๆ แล้วมองเขา “ท่านเจ้าคะ ก่อนหน้านี้พวกข้าเคยพบกันหรือไม่?”
“ถึงเจ้าจะไม่เคยเห็นข้า แต่ในเมืองเทียนเหยียนนี้ ข้าถือเป็นคนเดียวที่เป็นเพื่อนเก่าของตาเจ้าเลยล่ะ” ผู้สูงอายุคนนี้พูดเสียงเบา ตาดวงนั้นมองคนที่อยู่ใต้เสื้อคลุมสีดำ “เจ้าในอดีต คนทั้งเมืองเทียนเหยียนนี้ไม่มีใครที่ไม่รู้จัก เดี๋ยวนี้มาถึงจุดจุดนี้ แล้วยังนึกถึงเรื่องในอดีตอีกหรือ?”
อ้าปากเบาๆ กู้อ้าวเวยหนักใจเล็กน้อย
นางไม่เคยคิดว่าท่านตานั้นจะมีเพื่อนเก่าอยู่ในเมืองเทียนเหยียน นางไม่เคยได้ยิน
ในตอนแรกนั้นเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่กลับเดินตามเขามาที่ห้องหนังสือ เหมือนกับการตกแต่งห้องของท่านตาไม่มีผิด ถึงภาพแขวนและอุปกรณ์พู่กันจะไม่เหมือน แต่ที่วางนั้นเหมือน ในชั้นวางหนังสือนั้นตั้งใจเหลือไว้หนึ่งช่อง วางเถ่หลิงตังของตระกูลหยุน
กู้อ้าวเวยค่อยๆ เดินผ่านห้องนี้ แล้วถอดหมวกออก “ในอดีตท่านตามาที่เมืองเทียนเหยียนได้อย่างไร?”
“เจ้าควรถามว่าข้ากับตาของเจ้ามาตอนไหน” ผู้สูงอายุนั่งลงที่เก้าอี้ด้วยท่าทางเซไปเซมา ไม่เหมือนโครงสร้างความแข็งแรงของร่างกายหยุนชิงหยาง หากมองดูผู้สูงอายุตรงหน้าอย่างละเอียด ก็ดูออกไม่ยากว่าที่ขาของเขานั้นมีแผลไม่น้อย ในขณะที่เดินอยู่นั้นเซไปมา และแก่มากกว่าอายุ
“ที่ข้ามาในวันนี้เป็นเพราะความบังเอิญล้วนๆ ไม่ได้มาทำอันตรายแก่ท่านหรอกเจ้าค่ะ” กู้อ้าวเวยนึกถึงผู้คนที่เจอในห้องรับรองหลัก
ผู้สูงอายุมองนางด้วยแววตาที่แปลกประหลาด แล้วโบกมือไปมา “ข้าจะมีอันตรายอะไรได้ เพียงแค่เล่าเรื่องราวในอดีตให้เจ้าฟัง หากไม่ใช่เพราะเมื่อครู่เห็นหน้าตาของเจ้า เรื่องบางเรื่องคาดว่าเขาและแม่คงเจ้าคงจะอยากฝังมันไว้ในดิน”
“ท่านแม่กับท่านตา มีเรื่องปิดบังข้าหรือ?” กู้อ้าวเวยชี้ตนเองด้วยความไม่เข้าใจ
“ในอดีต ตอนที่ข้าและตาของเจ้ามาถึงชางหลานเมืองเทียนเหยียน ตอนนั้นหนุ่มๆ และต่างก็ชื่นชอบนางงิ้วอันดับหนึ่งในตอนนั้น เสียดายที่นางนั้นไม่มีใจให้ข้า ทำให้ตาของเจ้านั้นแย่งไปก่อน จากนั้นจึงทำอาชีพค้าขายที่เมืองเทียนเหยียนนี้ ในตอนนี้อายุราวสามสิบ จึงขายจวนที่ซื้อมาอย่างยากลำบากนี้ให้กับกู้เฉิง” ผู้สูงอายุพูดอย่างตรงไปตรงมา พูดถึงเรื่องในอดีตแต่ก็อดไม่ได้ที่จะเสียใจ แล้วจึงพูดต่อ “จากนั้นจึงแต่งงานสมรสกับหญิงสาวผู้ดี จริงๆ แล้วไม่ควรยุ่งเรื่องของตาเจ้าและแม่ของเจ้า แต่ตอนนั้น แม่ของเจ้าไปชอบพอกับหนุ่มอายุน้อยในชนเผ่า จึงส่งนางมาอยู่กับข้าชั่วคราว”
“หนุ่มอายุน้อย?” กู้อ้าวเวยขมวดคิ้ว นางจำเรื่องราวของท่านแม่ไม่ได้เลย จึงจำไม่ได้ด้วยว่าท่านแม่เคยพูดถึงเพื่อนหรือไม่
“สำหรับข้านั้นอายุน้อยไปหน่อย ชื่ออะไรนั้นข้าจำไม่ได้แล้ว หลังจากนั้นเหมือนโดนส่งเข้าวัง แล้วไม่มีข่าวอีกเลย แม่ของเจ้าจึงสมรสกับกู้เฉิง เรื่องนี้จึงจบไป” ในตอนที่เขาพูดนั้น มืออีกข้างก็ยื่นไปที่โต๊ะ ดึงสิ่งของบางอย่างเบาๆ แล้วหยิบกระบอกไม้ไผ่ออกมา
เขาเล่นกระบอกไม้ไผ่ในมือสักพัก จึงเอ่ยปากพูด “เพื่อนคนนั้นของแม่เจ้า มีวันหนึ่งออกมาจากวัง แล้วให้ของชิ้นนี้กับข้า ให้ข้ารักษาไว้ ของสิ่งนี้ หลังจากที่แม่ของเจ้าแต่งงานนั้น เคยดูมาแล้ว ตอนนั้นเหมือนนางจะพูดอะไรบางอย่าง……”
กระบอกไม้ไผ่นั้นดูเก่าแก่ กู้อ้าวเวยกำมือแน่น รอคำตอบ
ผ่านไปสักพัก ผู้สูงอายุจึงพูดด้วยเสียงต่ำ “นางพูดว่า นี่คือกับดัก….แล้วก็ประมาณว่าตายไม่คุ้ม”
“ท่านเจ้าคะ ท่านเคยดูหรือไม่?” กู้อ้าวเวยเดินไปด้านหน้า
“ไม่เคยดู แต่ว่าตอนนั้นตอนที่แม่ของเจ้ามานั้น คนข้างนอกต่างบอกว่าแม่ของเจ้าเสียไปแล้ว หลังจากนั้นข้าก็จ้างรถม้าเพื่อส่งนางจากไป ใบหน้านั้น…..” พูดถึงตรงนี้ เขาก็ขยับปากเบาๆ แล้วทุบไม้เท้าในมือเบาๆ “หากรู้ว่ากู้เฉิงเป็นคนเช่นนี้ จวนนั้นข้าไม่มีทางขายให้เขา”
หยิบกระบอกไม้ไผ่มา กู้อ้าวเวยหยีตาเล็กน้อยแล้วเปิดออก
ค่อยๆ สัมผัสตัวหนังสือทุกตัว มีบางตัวที่ขึ้นราแล้วทำให้นางสัมผัสไม่รู้ว่าคืออะไร แต่ผู้สูงอายุยังคงนั่งอยู่ตรงนั้นไม่ได้เดินเข้ามาหา รอให้นางค่อยๆ อ่านทุกตัวจนจบ
นางวางกระบอกไม้ไผ่ลง สีหน้าแย่ลง “นี่เป็นสิ่งของที่หญิงสาวท่านนั้นเหลือไว้หรือ?”
ผู้สูงอายุพยักหน้า แล้วเห็นกู้อ้าวเวยยื่นกระดาษแผ่นนั้นออกไป
ด้านบนเขียนไว้สองประโยค
“ไทฮาวจะฆ่าข้า ไม่รู้ว่านางไปหาหญิงสาวที่เหมือนหลินเอ๋อร์มาจากไหน หากเกิดอะไรขึ้นกับข้า พี่หว่านโปรดช่วยข้าดูปกป้องหลินเอ๋อร์ตัวจริงด้วยเจ้าค่ะ จำไว้ว่าอย่าให้ซ่านต้วนโฉงทำเรื่องโง่ๆ”
“ในตอนที่ท่านท้องนั้นมีคนวางยาในน้ำยา ระวังสุขภาพของเวยเอ๋อด้วย”
ตรงท้ายของทั้งสองประโยค ต่างก็เขียนไว้ว่าหยูนซี
แต่พอรอให้หยุนหว่านจากไป ข่าวการตายของหลินเอ๋อร์จึงถูกเผยแพร่ และเวลานั้นหยุนหว่านใช้วิธีหลอกตายเพื่อหนีกู้เฉิง และกลับไปไม่ได้อีกเลย
ผู้สูงอายุเบิกตากว้างแล้วส่ายหน้า “หากข้านำของสิ่งนี้มาให้ท่านแม่ของเจ้าเร็วกว่านี้….”
“นี่ไม่ใช่ความผิดของท่าน แต่ในทางกลับกันท่านรักษาความลับนั้นทำถูกต้องแล้ว” กู้อ้าวเวยคิดในใจ โชคชะตากลั่นแกล้งคนชัดๆ
หากมาไตร่ตรองเรื่องในอดีตอย่างละเอียด หากท่านแม่เห็นกระบอกไม้ไผ่นี้ตั้งแต่แรก ถึงแม้หลินเอ๋อร์ตัวจริงหรือตัวปลอมยังมีชีวิตอยู่นางก็ไม่มีความสามารถที่จะปกป้อง และบางทีนางอาจจะล้มเลิกการหนีไปเพื่อตนเองที่ยังเด็กอยู่
หากเป็นเช่นนี้ วันนี้คนที่โดนกักไว้ที่หมู่ตึกเพื่อทำยาไม่แก่ไม่ตายก็คงเป็นหยุนหว่าน
เพราะหากคิดจากเวลาในตอนนั้น ไทฮาวจะให้หยูนซีตาย เรื่องนี้ไม่มีทางดีขึ้น