บทที่ 982 ยั่วยุหวาดกลัว
เสียงร้องนี้ของหมิ่นเอ๋อ ทำให้กุ่ยเม่ยที่กำลังนอนอยู่ในห้องด้านข้างตกใจตื่นขึ้น
พวกเขาจึงต้องพากันไปยังห้องของกู้อ้าวเวย ไปในห้องที่ใหญ่เพียงไม่กี่วันก็มีกล่องไม้ต่างๆวางเต็มไปหมด มีเพียงโต๊ะด้านตรงข้างทางเข้าประตูนี้ที่ค่อนข้างดีหน่อย
กู้ก้าวเวยเอาลูกอมโยนให้เด็กนั่นแต่แรกแล้ว หมิ่นเอ๋อค่อยยอมนั่งลง
ทุกคนนั่งล้อมรอบ กุ่ยเม่ยดึงเสื้อตัวนอกไว้แน่น พูดอย่างเบื่อหน่ายว่า “ข้าก็นึกว่ามีคนร้าย”
“ตอนที่เจ้าชักดาบวิ่งออกมา แม้แต่ข้าเองก็ตกใจ” กู้อ้าวเวยเอามือทาบอกอย่างหวาดกลัว เดิมนางก็ถูกหมิ่นเอ๋อทำให้ตกใจอยู่ก่อนแล้ว ต่อมายังไม่ทันได้ตั้งตัว ก็เห็นแสงดาบแวววาวสั่นไหวอยู่ตรงหน้า หมิ่นเอ๋อกับหลิงเอ๋อยิ่งร้องดังกว่าเดิม ทำให้นางสั่นเทาไปทั้งตัว ตกใจอย่างมาก
ซ่านจินจื๋อนวดหลังปลอบนางเบาๆ ยื่นแก้วน้ำผึ้งร้อนๆวางข้างมือนาง
กู้อ้าวเวยดื่มหนึ่งคำก่อน แล้วค่อยตรวจชีพจรให้กับหมิ่นเอ๋อ ไม่พบความผิดปกติอะไร จึงล้วงเอาไปหยกออกมาใส่ในมือนาง เห็นนางมองอยู่ตั้งนานแล้วก็ไม่ยอมกำไว้ จึงพูดขึ้นว่า “ขอเลือดหน่อยได้ไหม?”
“เลือด?” หมิ่นเอ๋อเอียงหัวพูดตามนาง
กู้อ้าวเวยอึ้งไปนิดหนึ่งก่อน แล้วหยิบมีดเล่มเล็กของตนกับซ่านจินจื๋อออกมา แล้วยื่นให้กับหมิ่นเอ๋อ ส่วนอีกเล่มหนึ่งก็ถือไว้เองในมือ เหมือนกำลังเตรียมที่จะกรีดนิ้วมือตัวเอง หมิ่นเอ๋อก็ทำตาม
ซ่านจินจื๋อคว้ามีดเล่มนั้นมา แล้วก็ใช้มีดกรีดนิ้วมือตัวเอง
หมิ่นเอ๋ออึ้งไปแปบหนึ่ง เลียนแบบยกมือใช้มีดกรีดนิ้วมือ แล้วก็เลียนแบบการกระทำของซ่านจินจื๋อ เอาเลือดหยดลงไปในแก้ว
กู้อ้าวเวยมองดูผู้ชายด้านข้างด้วยท่าทีแปลกใจ รอเมื่อพอแล้วก็รีบดึงเอามือของเขากลับมาทายา
“ข้า…” หมิ่นเอ๋อลูบอยู่ตั้งนานก็หาขวดหยกไม่เจอ กุ่ยเม่ยจึงหยิบขวดยาหยกของตัวเองออกมาทาให้นาง หมิ่นเอ๋อถึงค่อยนั่งบิดไปมาอยู่บนเก้าอี้อย่างดีใจ
“แม่นางหลิงเอ๋อร๋ เจ้าก็ควรเอาเลือดมาให้ข้าด้วย” กู้อ้าวเวยเอามือของซ่านจินจื๋อวางกลับไปที่เดิม แล้วพูดขึ้น
หลิงเอ๋อร์ยื่นเลือดของตัวเองให้กับกู้อ้าวเวยอย่างเข้าใจ มองดูเลือดในแก้ว แล้วกู้อ้าวเวยก็หยิบเข็มเงินลองจุ่มลงไป แล้วก็ไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไร แต่คนที่เป็นโรคจิตไม่ปกติไม่ได้ที่จะว่าง่ายและยังพูดเลียนแบบอยู่ตลอด กู้อ้าวเวยขมวดคิ้ว หยิบแก้วเลือดสองใบขึ้นมาแล้วก็ลุกขึ้นยืน
ซ่านจินจื๋อดึงนางไว้ “จะไปไหน?”
“ไปเรียกจางเหยียงซานกลับมา มียาบางอย่างข้าดูไม่ค่อยออก หยิบผิดทดลองผิดจะไม่ดี” กู้อ้าวเวยรีบพูดขึ้น
ซ่านจินจื๋อดึงคนลงมา เรียกหลี่ซิน “ไปตามจางเหยียงซานมา เร็วเข้า”
กู้อ้าวเวยอึ้งไปแปบหนึ่ง แล้วก็นั่งลงอย่างว่าง่าย หยิบตะเกียบคู่หนึ่งขึ้นมาคนเลือด กลัวว่าเลือดจะแข็งตัวอยู่ในแก้ว คนไปมาเคลื่อนไหวอยู่แบบนั้น หมิ่นเอ๋อกับกุ่ยเม่ยหัวเราะขึ้นมายังไม่รู้เรื่องอะไรเลย มีเพียงซ่านจินจื๋อเอาแก้วใส่เลือดสองใบยื่นให้กับสาวใช้ด้านนอกด้วยสีหน้าเคร่งเครียด แล้วพูดกับนางว่า “ปกติก็รู้จักใช้คนอื่นเป็นอย่างดี เจอเรื่องเล็กน้อยแบบนี้กลับไม่รู้จะเรียกคนใช้”
“ลืมไป” กู้อ้าวเวยพูดขึ้นอย่างไม่สะทกสะท้าน แล้วก็โบกมือ “พวกเจ้า ไปเอาของกินที่ห้องครัวมา”
เพิ่งพูดเสร็จ หมิ่นเอ๋อที่เมื่อกี้ยังนั่งอยู่บนเก้าอี้ก็กระโดดลุกขึ้นมาเกาะอยู่ตรงไหล่ของนาง แล้วก็เลียนแบบยกมือขึ้นพูดขึ้นว่า “เอาของกินมา”
กู้อ้าวเวยต้องออกแรงบ้างถึงค่อยแบกรับนางไว้ได้ เห็นหลิงเอ๋อร์รีบลุกขึ้นมา นางจึงยิ้มพูดขึ้นว่า “ดึกขนาดนี้แล้วนางยังดูร่าเริงดีขนาดนี้”
“ดีขนาดนี้”
“ไปนอน?” กู้อ้าวเวยมองดูนาง
“นอนหลับ?” หมิ่นเอ๋อก็เอียงหัวมองดูนาง เห็นกู้อ้าวเวยทำท่าทีนอนหลับ หมิ่นเอ๋อก็กะพริบตาแล้ววิ่งไปหาหลิงเอ๋อร์ กระซิบพูดอะไรบางอย่างข้างหู สีหน้าหลิงเอ๋อร์เข้าใจ ดึงนางไว้แล้วพูดว่า “ข้าพานางไปนอนก่อน เดี๋ยวค่อยมาเล่าให้ทุกคน…”
“ไม่รีบ ทานอะไรก่อนแล้วค่อยนอน มีอะไรพรุ่งนี้พวกเจ้าตื่นขึ้นมาแล้วค่อยพูด” กู้อ้าวเวยโบกมือ แล้วตัวเองก็ลุกขึ้นตาม มองดูซ่านจินจื๋อแล้วพูดว่า “เจ้าก็ไปอยู่เป็นเพื่อนหลานสาวทั้งสองคนเถอะ พวกนางมาที่นี่ คงอาจจะยังไม่คุ้นเคย”
ซ่านจินจื๋อใช้สายตาอ้อนเหมือนเด็กน้อยมองดูนะแป๊บหนึ่ง แล้วพูดว่า? “ไม่ให้ข้าอยู่ด้วยหรือ”
“ไม่ให้” กู้อ้าวเวยส่ายหัว แล้วก็เดินตรงไปที่ข้างเตียง
รอเมื่อถึงกลางดึกหลังจากซ่านจินจื๋อกล่อมหลานสาวทั้งสองคนหลับแล้ว ตอนที่หวนกลับมาอีก จางเหยียงซานก็ไปแล้ว ไฟในห้องกู้อ้าวเวยก็ดับแล้ว เขาเอาตัวเองเบียดเข้าไปในผ้าห่มอย่างคุ้นเคย กอดคนไว้อย่างแน่นแล้วพูดขึ้นว่า “อยู่ไม่นิ่ง?”
“เจ้ากลับมาอีกทำไม?”
“เพราะข้ารู้ใจเจ้าดี” ซ่านจินจื๋อพูดให้นางนอนเสียงเข้ม กู้อ้าวเวยค่อยขยับให้เขามีที่นอนอย่างไม่เต็มใจ
แล้วก็ไม่รู้ว่าด้านนอกประตูกุ่ยเม่ยที่เดินผ่านไปห้องครัวแล้วก็หวนกลับมา ยิ้มแล้วก็ไปเขียนจดหมายให้กับหยุนหว่าน
ตอนนี้ท่านอ๋องเอานางอยู่เป็นแน่แท้แล้ว
รุ่งขึ้นฟ้าท้องฟ้ายังไม่ทันสว่าง กู้อ้าวเวยตื่นมาแต่เช้า เอาตัวข้ามซ่านจินจื๋อลงจากเตียง อย่างคุ้นเคย ไม่ได้นอนขี้เซาเหมือนตอนป่วยอยู่ ซ่านจินจื๋อก็ตื่นขึ้นมาเพราะนางเคลื่อนตัวไหว เขาพูดว่า “ตื่นขึ้นมาเช้าขนาดนี้ทำไม?”
“กลิ่นหวานค่อนข้างแรง” กู้อ้าวเวยชี้ไปที่แก้วใส่เลือด นวดเส้นผมตัวเองแล้วพูดว่า “เมื่อกี้ข้าแค่ตื่นมายังสะลึมสะลือ แต่เมื่อได้กลิ่นนี้แล้วก็ตื่นขึ้นมาทันที”
แล้วก็คิดได้ว่านางได้กลิ่นเลือดเป็นรสหวานมาตลอด ซ่านจินจื๋อลุกขึ้นมาแล้วถามอย่างเป็นกังวล “มีอะไรผิดปกติ?”
“ตามหลักแล้วกลิ่นนี้น่าจะค่อยๆจางลง ตอนนี้ยิ่งอยู่กลิ่นก็ยิ่งแรง คงเพราะใช้สูตรยาเฉพาะ ข้าต้องไปเปิดตำราดูก่อน” กู้อ้าวเวยล้างหน้าล้างตาเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็เดินออกไปข้างนอก
ดูแล้วก็เหมือนมีงานยุ่งกว่าเขาที่เป็นอ๋องคนนี้อีก ตามไปที่ห้องด้านข้างห้องยาอย่างใกล้ชิด แล้วให้คนเอาเอกสารราชการๆมาส่ง ยังถามอีกว่า “วันนี้มีคนมาขอรักษาตัวหรือมาอ่านหนังสือไหม?”
“วันนี้แค่มีคนมามองดู ไม่มีใครกล้าเข้ามา” หลี่ซินยกมือเกาหัว
ก่อนหน้านี้มีพวกขุนนางแย่งกันอยากที่จะเข้ามาดู หรือเอาของขวัญกล่องใหญ่มาส่งให้ แต่ตอนนี้ประตูเปิดกว้าง กลับไม่มีใครกล้าเข้ามา ไม่รู้เลยจริงๆว่าคนพวกนั้นต้องการอะไรกันแน่
ส่วนกู้อ้าวเวยที่เปิดตำราโบราณอ่านอยู่ด้านข้างก็ได้ยิน จึงหัวเราะพูดขึ้นว่า “นี่ก็เหมือนกลอย่างหนึ่ง หากคนที่ต้องการขอความช่วยเหลือจากข้าจริงๆ แม้ตรงหน้าจะมีแต่หนามก็จะปีนเข้ามาให้ได้ ตอนนี้พวกเขาต่างก็ไม่ยอมเข้ามา เพราะไม่มีความจำเป็นถึงขั้นที่จะต้องฝ่าหนามเข้ามา”
“แต่ในจวนของพวกเราไม่มีอะไร” หลี่ซินเอามือเกาหัวต่อไป คิดไม่ออกจริงๆ
“แต่ก็ต้องให้พวกเขาเชื่อ” กู้อ้าวเวยอมยิ้มแล้วก็เปิดอ่านตำราโบราณต่อไป ถามซ่านจินจื๋อว่า “เจ้าไม่แปลกใจกับเรื่องที่พวกนางทั้งสองเป็นฝาแฝดกันหรือ?”
“ต่อให้พวกนางไม่ใช่ แล้วยังไงล่ะ?” ซ่านจินจื๋อเงยหน้าพูดขึ้น
กู้อ้าวเวยหัวเราะออกมาอย่างไม่อยากเชื่อ เปิดอ่านถึงหน้าถัดไป “เจ้าบอกว่าใช่ก็ใช่”
“เจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ?” ยังไงซ่านจินจื๋อก็ค่อนข้างไม่สบายใจ
“ข้าคิดว่า…” กู้อ้าวเวยวางตำราลง มองดูเขาด้วยแววตาเยือกเย็น “นี่เป็นความเร้าใจ”
“ข้ากลับคิดว่า นี่น่ากลัว” ซ่านจินจื๋อหันไปสบตานาง
ในเมื่อซ่านต้วนโฉงกล้าส่งสองคนนี้มา ก็คงรู้อยู่แล้วว่าเมื่อพวกเขาทั้งสองรู้ความจริงที่อยู่เบื้องหลังแล้วจะกลายเป็นหมากของเขา เป็นการเร้าใจพวกเขา ตอนนี้ซ่านต้วนโฉงได้เตรียมการทุกอย่างไว้แล้ว จะมีหรือไม่มีหลิงเอ๋อร์ก็ไม่เป็นไ